แม้ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับสามของตารางจะลงบู๊ก่อน และพลาดให้แล้วในเกมเปิดบ้านแพ้ อาร์เซน่อล 2-0 กับการทำศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อาจฉวยประโยชน์กำชัยชนะแซงหน้าทีมอีสานได้เมื่อโชว์ฟอร์มได้อย่างทุลักทุเลอีกนัดโดยบุกไปแพ้ เวสต์แฮม 1-0 ที่สนาม ลอนดอน สเตเดี้ยม
และไม่ต้องบอกทุกคนย่อมรู้ว่าความผิดพลาดของ ดาบิด เด เคอา ส่งผลร้ายต่อ เร้ด เดวิลส์ อย่างมหาศาลสำหรับการไขว่คว้าโอกาสลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้าหลังจากนัดก่อนหน้านี้ในเกมปราชัยให้กับ ไบรท์ตัน ด้วยสกอร์เดียวกัน ลุค ชอว์ ก็สร้างความหายนะให้กับทีมมาหมาดๆ
1. ค้อนคึกคัก ไรซ์ หายป่วยออกสตาร์ต
เวสต์แฮม ได้ต้อนรับการกลับมาของ เดแคลน ไรซ์ มิดฟิลด์คนสำคัญที่หายป่วยกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงได้
นอกจากสตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ที่พลาดเกมออกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ 3-0 เมื่อกลางสัปดาห์แล้ว โทมัส ซูเซ็ค และ นายิฟ อาเกิร์ด ซึ่งหายป่วยเช่นกันก็ได้ลงสนามเช่นเดียวกับ ซาอิด เบนราห์ม่า
ส่วนสี่นักเตะที่หลุดจากโผตัวจริงประกอบไปด้วย ปาโบล ฟอร์นัลส์ , ฟลินน์ ดาวน์ส , วลาดิเมียร์ คูฟัล และ เอเมอร์สัน ขณะที่ คูร์ค ซูม่า ยังบาดเจ็บ
2. เว็กฮอร์สต์ คืนโผตัวจริงผีแดง
หลังจากหลุดโผ 11 คนแรกไปนาน แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจหวนกลับมาใช้งาน เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าทีมชาติ ฮอลแลนด์ ลงเล่นเป็นตัวจริงอีกหนนับตั้งแต่เกมแพ้ นิวคาสเซิ่ล 2-0 เมื่อวันที่ 2 เม.ย.
รวมแล้ว เอริค เทน ฮาก กุนซือสกินเฮดปรับทัพจากเกมแพ้ ไบรท์ตัน อย่างเจ็บแสบ 1-0 ในช่วงทดเวลาสามรายโดยนอกจากหัวหอกร่างยักษ์แล้ว คริสเตียน เอริคเซ่น กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย ได้ออกสตาร์ตแทนที่ เฟร็ด , อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ดีโอโก้ ดาโลต์
อย่างไรก็ดี ผีแดง ได้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกเลือดฟ้าขาวหายเจ็บข้อเท้ามีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองโดยสตาร์วัย 18 ปีไม่ได้ลงเล่นนับตั้งแต่เกมเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-0 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.
3. บ๊าบบาย เด เคอา???
ก่อความผิดพลาดเหมือนนายทวารระดับเด็กประถมอีกจนได้สำหรับ เด เคอา ซึ่งปัดลูกยิงที่เบาหวิวของ เบนราห์มา หลุดมือเข้าประตูให้ เวสต์แฮม นำหน้า 1-0 ในนาทีที่ 27
ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะตาข่ายขาด สถานการณ์ของพวกเขาเหนือกว่าเจ้าถิ่นชนิดที่เทียบกันไม่ได้ทั้งการครองบอล และโอกาสยิงประตูซึ่ง ผีแดง ได้สับไกมากถึง 7 ครั้ง แต่น่าตกใจที่ไม่เข้ากรอบเลยสักครั้งโดยมีเสาประตูช่วยเซฟ เดอะ แฮมเมอร์ส ด้วยเหมือนกัน
ฉะนั้นแล้ว หากความผิดพลาดในเกมนี้จะส่งผลร้ายทำให้ ผีแดง พลาดตั๋ว แชมเปี้ยนส์ลีก ในท้ายที่สุด บางทีนายทวารสแปนิชก็ไม่สมควรได้รับสัญญาฉบับใหม่เนื่องจากเขาก่อความผิดพลาดแบบง่ายๆให้เห็นเป็นระยะแม้จะมีจังหวะเซฟลูกยากช่วยทีมได้หลายหนก็ตาม
ถึงตอนนี้ อดีตผู้รักษาประตูทีม แอตเลติโก มาดริด ออกอาการเฟอะฟะจนทำให้ทีมเสียประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้สี่ครั้งแล้วซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดสำหรับนายทวารใน พรีเมียร์ลีก เท่ากับที่ อูโก้ โยริส ของทีม สเปอร์ส สร้างเอาไว้
จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าแน่นอนในการครองบอล 65:35% รวมทั้งจังหวะสับไก 11:4 ครั้ง แต่เป็นเจ้าบ้านที่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 3:1 ครั้ง และนำหน้า 1-0 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาคันตุกะไม่มีความเด็ดขาดเอาซะเลยในจังหวะคลำเป้าอันเป็นสิ่งที่ เทน ฮาก ติติงหลังเกมอยู่บ่อยครั้งว่าทีมคว้าโอกาสไม่ได้
ด้าน แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ให้คะแนนความสามารถนักเตะ ผีแดง หลังเกม 45 นาทีแรกแบบเห็นภาพชัดเจนว่าทุกคนได้ 6/10 เหมือนกันหมดเนื่องจากชั่วดีไม่ปรากฏ ยกเว้น เด เคอา รายเดียวที่ได้ 1/10
4. ครึ่งหลังผีเร่งไม่ขึ้นตามเคย
ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไร้พิษสงอีกตามเคยในการลงเล่นช่วงครึ่งหลังของหลายนัดที่ผ่านมา และไม่อาจสอยตาข่ายตีเสมอ ขุนค้อน ได้จนทำให้ต้องปราชัยไปด้วยสกอร์ 1-0
เท่ากับว่าในการลงเล่นเกมลีกสี่นัดหลัง ผีแดง ทำแต้มหล่นไปมากถึง 8 แต้มจากทั้งหมด 12 แต้มโดยพวกเขาเก็บได้แค่ 4 แต้มเท่านั้นซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทีมของ เทน ฮาก กำลังแผ่วปลายจนเสี่ยงต่อการหล่นจากอันดับท็อปโฟร์ไม่น้อย
แม้จะถูก เดอะ แฮมเมอร์ส นำหน้าแค่ประตูเดียว แต่สถานการณ์ที่กดดันอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่อาคันตุกะจะทวงประตูคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะเจ้าถิ่นคึกคักกันสุดขีด และกลับมาลงเล่นในครึ่งหลังด้วยการบุกสู้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนิดใครดีใครอยู่จนทำให้สกอร์สามารถออกหน้าไหนก็ได้ทั้งนั้น
อย่างไรก็ดี ในเมื่ออยู่ในช่วงฟอร์มถดถอย ไม่อาจพึ่งพาพิษสงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้อีกต่อไปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด จึงไม่ได้เหนือกว่า เวสต์แฮม เหมือนในครึ่งแรก และถูกทีมของ เดวิด มอยส์ ตีตื้นสถิติต่างๆในช่วง 45 นาทีหลังแม้การครองบอลจะยังเป็น ผีแดง ที่เหนือกว่าก็ตาม
หลังโม่เกือกกันครบ 90 นาที ทีมอสูรครองบอลได้มากกว่าเท่าเดิมเป๊ะที่ตัวเลข 65:35% แต่โดนเจ้าถิ่นหาช่องทางยิงประตูเพิ่มได้มากขึ้นโดยทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบได้รวม 4 ครั้งเท่ากันแม้ทีมเยือนจะส่องยิงได้มากกว่า 19:15 ครั้ง
5.อย่าไปเลยชปล?
ก่อนลงเล่นกับ เวสต์แฮม และก่อนที่ นิวคาสเซิ่ล จะแพ้ อาร์เซน่อล แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกปรับลดอัตราต่อรองต่อการคว้าอันดับท็อปโฟร์ลงไปหลังออกไปแพ้ ไบรท์ตัน ในเกมก่อนหน้านี้จากเรตดังนี้
นิวคาสเซิ่ล 1-16
แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6
ลิเวอร์พูล 3-1
ไบรท์ตัน 16-1
แต่ทว่าหลังจากทีมอันดับสามและสี่กอดคอกันปราชัย เชื่อแน่ว่าอัตราต่อรองจะถูกปรับเปลี่ยนอีกรอบอย่างแน่นอนเนื่องจากชักจะไม่แน่แล้วว่าสุดท้ายสองทีมไหนจะตาม แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ไปฟาดแข้งถ้วยหูใหญ่ในเมื่อโอกาสเปิดกว้างให้กับทีมที่ตามหลังอย่างโจ๋งครึ่มโดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ซึ่งร้อนแรงเกินห้ามใจชนะรวด 6 นัดติดต่อกันแล้ว
สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด หากพวกเขาจะชวดโควต้าลงเล่นถ้วยบิ๊กเอียร์ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ในเมื่อสถิติฟ้องให้เห็นว่าทีมของ เทน ฮาก มีผลงานนัดเยือนที่ย่ำแย่ในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้หลังแพ้เป็นนัดที่ 8 เข้าไปแล้วซึ่งถือเป็นสถิติร่วมที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรในหนึ่งซีซั่นของรายการนี้เลยทีเดียว (2021/22 , 2015/16)
ทำไปทำมา มันคล้ายกับว่า ผีแดง กำลังจะแผ่วปลายเหมือนที่ อาร์เซน่อล ประสบเมื่อซีซั่นก่อนจนโดน สเปอร์ส ทำแต้มแซงหน้า หากแต่ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล อาจเป็นเหมือน ไก่เดือยทอง เมื่อซีซั่นก่อน แต่ที่สำคัญ เทน ฮาก จะล้มเหลวหรือไม่มันอาจถูกตัดสินในเกมหน้าก็ได้เนื่องจากเขาจะได้คุมทีมลงเล่นในบ้านฟาดแข้งกับ วูล์ฟส์ ซึ่งอาจชี้เป็นชี้ตายได้ว่าโอกาสคว้าท็อปโฟร์ของทีมจะหลุดลอยไปหรือเปล่า
แต่จะอย่างไรก็ตาม แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะแกร่งในบ้าน แต่ยามนี้อะไรๆก็ไม่แน่นอนแล้ว อีกทั้ง หมาป่า สามารถบุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบไร้ความกดดันด้วยเนื่องจากพวกเขามีแต้มห่างจากโซนตกชั้น 10 แต้มแล้ว ความเครียดทั้งหลายแหล่จึงจะตกอยู่กับทีมเจ้าถิ่นเองอย่างไม่ต้องสงสัย