ต้องยอมรับความจริงว่าซีซั่นนี้ ไบรท์ตัน พัฒนาทีมขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ และถูกท่านเจ้ามือยกให้มีภาษีเหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ซะด้วยก่อนเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ค.
จากรูปเกม 90 นาที แม้จะเล่นได้เหนือกว่า ผีแดง อย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้าย นกนางนวล เกือบชำระแค้นไม่ได้จากที่พ่ายคู่ปรับรายนี้มาในรอบรองชนะเลิศถ้วย เอฟเอคัพ ดีที่ว่ามาได้ ลุค ชอว์ ทำแฮนด์บอลในเขตโทษช่วงอึดใจสุดท้าย และเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่สังหารไม่พลาดพาเจ้าบ้านถอนแค้นได้อย่างหวุดหวิด 1-0
1. ไบรท์ตัน สลับโผสี่ตำแหน่ง
ไบรท์ตัน ซึ่งมีลุ้นคว้าโควต้าลงเล่นถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเปลี่ยนนักเตะ 11 ตัวจริงสี่รายจากเกมเฝ้าบ้านถล่ม วูล์ฟส์ แบบสุดโหด 6-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าเจ้าถิ่นหวนกลับมาใช้งานขุมกำลังคนสำคัญโดย ฟาคุนโด้ บูโอนาน็อตเต้ , มอยเซส ไคเซโด้ , คาโอรุ มิโตมะ และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้กลับมาลงสนามแทน โจเอล เฟลท์มัน , ปาสกาล โกรสส์ , เดนิซ อุนดาฟ และ ซอลลี่ มาร์ช
ขณะเดียวกัน นกนางนวล มีกุนซือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ คุมทีมที่ข้างสนามด้วยแม้เมื่อวันพุธเขาจะขอยกเลิกแถลงข่าวก่อนเกมตามธรรมเนียมกลางคันเนื่องจากป่วย
2. แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เอาเปรียบโรเตชั่นสี่ขุนพล
แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งต้องพยายามกำชัยเพื่อการันตีโอกาสจบซีซั่นในอันดับท็อปโฟร์ให้แน่นอนมากขึ้นเปลี่ยนนักเตะสี่รายเช่นกันจากเกมเฉือนชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0
ทั้งสี่ตำแหน่งดังกล่าว เอริค เทน ฮาก เลือกใช้งาน อารอน วาน บิสซาก้า , เฟร็ด , อันโตนี่ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ก่อนหน้า ไทเรลล์ มาลาเซีย , เจดอน ซานโช่ , คริสเตียน เอริคเซ่น และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์
ต่อการได้ลงบู๊แทน เอริคเซ่น ในเกมนี้ หมายความว่า เฟร็ด กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ ผีแดง นัดแรกนับตั้งแต่เกมแพ้ ลิเวอร์พูล ย่อยยับ 7-0
3. มิโตมะ ปะทะ วาน บิสซาก้า
กลายเป็นคู่ต่อกรที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากสำหรับลีกเมืองผู้ดีในซีซั่นนี้ระหว่างปีกซ้ายทีมชาติ ญี่ปุ่น กับแบ็คขวาที่ยังไม่มีโอกาสติดทีมชาติ อังกฤษ อย่างที่เจ้าตัวปรารถนา
และจากที่แพ้มาในเกม เอฟเอคัพ รอบตัดเชือกด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน จะเห็นว่า มิโตมะ มุ่งมั่นที่เอาชนะ วาน บิสซาก้า ให้ได้ด้วยการลากบอลจี้เข้าหาหลายต่อหลายครั้งหลังเจ้าตัวยอมรับว่าในเกมที่ เวมบลีย์ เขาไม่อาจกระชากบอลหนีเจ้าของฉายา "ไอ้แมงมุม" ได้เลย
อย่างไรก็ดี กองหลัง ผีแดง สามารถรับมือกับการถูกจู่โจมระลอกแล้วระลอกเล่าได้อย่างไม่มีปัญหา และไม่เปิดโอกาสให้ปีกซามูไรลากตะลุยได้ตามใจชอบก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงแบบไม่มีสกอร์ซึ่งบอกได้เลยว่าคู่นี้คงต้องตามล้างตามเช็ดกันต่อไปอีกยาว
แม้เกมจะจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ใน 45 นาทีแรก แต่มันเป็นเกมที่ทั้งคู่ผลัดกันมีโอกาสทำเสียวหลายต่อหลายครั้งชนิดใครดีใครอยู่ซึ่งแน่นอนว่า ไบรท์ตัน ครองบอลได้มากกว่า แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด อาศัยการตัดเกมแล้ววางยาวจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ใช้ความเร็วทะลุเข้าตะบันจนทำเอา เจสัน สตีลล์ ต้องออกแรงเซฟลูกยากบ่อยกว่า ดาบิด เด เคอา ซะอีก
จากสถิติที่ปรากฏในครึ่งแรก เจ้าถิ่นครองบอลได้มากกว่า 59:41% แต่โดนทีมเยือนส่องยิงมากกว่า 10:7 ครั้ง และเป็น ผีแดง ที่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 3:2 ครั้ง
จึงเท่ากับว่าเป็นเกมแรกของ พรีเมียร์ลีก ที่ ไบรท์ตัน โดนคู่แข่งส่องยิงในครึ่งแรกมากที่สุดถึง 10 ครั้งนับตั้งแต่เกมบู๊กับ เลสเตอร์ เมื่อเดือนม.ค. 2022 ซึ่งพวกเขาโดน สุนัขจิ้งจอก ส่องยิงในครึ่งแรก 11 ครั้ง และเป็นเกมเหย้านัดแรกที่พวกเขาโดนส่องยิงมากที่สุดนับตั้งแต่นัดฟาดเกือกกับ แมนฯ ซิตี้ เดือนต.ค. 2021 ซึ่ง เรือใบสีฟ้า หาโอกาสเช็กบิลได้มากถึง 14 ครั้ง
ด้าน ปีศาจแดง ไม่เสียประตูให้ฝ่ายตรงข้ามในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ช่วงครึ่งแรกเพิ่มเป็น 25 นัดจาก 33 นัดแล้วซึ่งถือเป็นสถิติเกมรับที่ดีที่สุดในบรรดาทีมร่วมลีก
4. สุดท้ายผีแดงต้านไม่ไหว
นับตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง ไบรท์ตัน บุกหนักสร้างความปั่นป่วนให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แทบจะฝ่ายเดียว และเป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ผีแดง สู้กับทุกทีมได้ในช่วงครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังพวกเขาหมดเรี่ยวแรงอีกตามเคย และต้องใช้วิธีเล่นแบบประคองตัวหาจังหวะฉาบฉวยเป็นหลักเนื่องจากลงเล่นหลายรายการในซีซั่นนี้
และอันที่จริง ผีแดง น่าจะแบ่งแต้มได้อยู่แล้ว แต่สุดท้าย ชอว์ ก็พลาดท่าทำแฮนด์บอลในเขตโทษจนเปิดโอกาสให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ ตะบันเป็นประตูชัยให้เจ้าบ้านคว้าสามแต้มได้สำเร็จ
จบ 90 นาที เห็นได้ชัดว่า ไบรท์ตัน เหนือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เยอะจนสมควรเป็นฝ่ายชนะทั้งการครองบอล 60:40% และเพิ่มจังหวะยิงประตูแซงหน้าได้เป็น 22:16 ครั้ง อีกทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าทีมเยือนด้วย 6:5 ครั้ง
สำหรับลูกโทษที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ สังหารไม่พลาด มีการระบุว่าเป็นประตูที่กินเวลานานที่สุดของ ไบรท์ตัน (98.16 นาที) และเป็นลูกโทษที่ตุงตาข่ายในเกม พรีเมียร์ลีก ล่าช้าที่สุดนับตั้งแต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดให้ ผีแดง ได้ในเกมสยบ นกนางนวล 2-0 เมื่อเดือนก.ย.20202 (99.45 นาที) อีกทั้งเป็นประตูที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียให้กับคู่แข่งล่าช้าที่สุดเช่นกันของเกม พรีเมียร์ลีก
พร้อมกันนี้ ไบรท์ตัน เป็นทีมแรกที่ชนะ เทน ฮาก ในลีกทั้งสองนัดไปกลับด้วยนับตั้งแต่กุนซือดัตช์เสียท่าแบบเดียวกันนี้ให้กับ อาแซด สมัยคุมทีม อาแจ็กซ์ ในลีกเมืองกังหันลมซีซั่น 2019/20
5. ท็อปโฟร์ไม่ง่ายอีกต่อไป
หลังบุกมาพ่าย ไบรท์ตัน แบบเฉียดฉิว แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องลุ้นกันตัวโก่งอย่างช่วยไม่ได้ต่อการพยายามคว้าอันดับท็อปโฟร์เนื่องจากพวกเขาเก็บแต้มได้หยุดอยู่ที่ 63 แต้มเท่าเดิม และนำหน้า ลิเวอร์พูล ทีมอันดับห้า 4 แต้มเท่าเดิม แต่ลงเล่นน้อยกว่า หงส์แดง เหลือแค่นัดเดียวแล้ว
แน่นอนว่าหากประคองตัวได้สำเร็จคว้าหนึ่งแต้มออกจาก เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังพอจะหายใจได้โล่งขึ้น แต่หลังปราชัยให้กับ นกนางนวล ผีแดง จะถูกความกดดันเล่นงานอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะยิ่งเหลือเกมให้ลงสนามมากเท่าไหร่ใช่ว่าจะเป็นผลดีเนื่องจากนักเตะพากันอ่อนระโหยโรยแรงไปหมดแล้ว และเร่งเกมในครึ่งหลังไม่เคยได้ ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่แม้จะมีเกมให้ลงเล่นเหลืออยู่น้อยกว่า แต่โปรแกรมไม่หนักเท่า แถมกำลังวังชายังไม่ตกหล่น และสามารถคาดหวังถึงชัยชนะในแต่ละนัดได้มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีสภาพความฟิตเล่นได้แค่ 45 นาทีแรกเท่านั้น และมักโดนคู่แข่งไล่ต้อนใน 45 นาทีหลังซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะรักษาสกอร์ได้สำเร็จหรือไม่
เอาเป็นว่าหากสุดท้ายแล้วทีมของ เทน ฮาก ตกม้าตายไม่ได้โควต้าเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก ก็อาจเป็นเกมแพ้ ไบรท์ตัน นี่แหละที่เป็นจุดพลิกผันสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นกนางนวล สามารถสร้างประวัติศาสตร์กำราบ ผีแดง ในลีกได้สามนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว
โปรแกรม พรีเมียร์ลีก นัดที่เหลือของ แมนฯ ยูไนเต็ด
7 พ.ค. เวสต์แฮม (เยือน)
13 พ.ค. วูล์ฟส์ (เหย้า)
20 พ.ค. บอร์นมัธ (เยือน)
25 พ.ค.เชลซี (เหย้า)
28 พ.ค. ฟูแล่ม (เหย้า)