ชนะเพราะหงส์ยิงมากกว่า !

ชนะเพราะหงส์ยิงมากกว่า !
สกอร์ 4-3 คือกำไรของแฟนบอล แต่ในมุมโค้ชมันคือบอล "ไร้คุณภาพ"

การนำ 3-0 แล้วโดนยิงคืนมา 3-3 ก่อนได้ประตูจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ชนะไปเหลือเชื่อ

ผลก็ส่วนหนึ่ง..วิธีการเล่นก็อีกแบบหนึ่ง ในเกมที่ลิเวอร์พูลเฉือนสเปอร์ส สุดดราม่า

ถามว่าสองทีมนี้ยังลุ้น ช.ป.ล ได้อีกหรือไม่???

ก่อนลงสนาม สเปอร์ส อันดับห้า กับลิเวอร์พูลอันดับ 7 พอจบเกม หงส์ ขึ้นที่5  สเปอร์สที่6  ยังคงมีลุ้นพื้นที่ช.ป.ล แบบไกลๆมือ เมื่อเทียบกับช่องว่างระหว่างสองทีมนี้กับ นิวคาสเซิล และแมนฯยูไนเต็ด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ "สาลิกา" กับ "ปีศาจแดง" ชนะทั้งคู่แต้มก็เพิ่มไปอีก

เอาจริงๆ จากฟอร์ม...จากความน่าจะเป็น ทั้งไก่และนกไลฟเวอร์เบิร์ด ลุ้นแค่ ยูโรปา ลีก ใกล้ที่สุด

คือก่อนลงสนามแล้วห่างจากพื้นที่ช.ป.ล เก้าแต้ม บวกกับเกมที่แข่งมากกว่า ...มันดูไกลไป....เมื่อคะแนนที่เหลือ....มี 15 แต้มให้เล่นกัน

นั่นหมายถึง นิวคาสเซิล กับ แมนฯยูไนเต็ด ต้องแพ้ 3 นัดใน 5-6 นัดที่เหลือ

ส่วนไก่กับหงส์...ต้องชนะรวด

ไก่กับหงส์ชนะรวด พอเป็นไปได้ แต่ สาลิกากับผี จะแพ้สามนัดในห้านัดสุดท้าย

ผมว่าเป็นไปได้ยาก 

ไก่โดน 3 ลูกใน 15 นาที


ว่ากันถึงแทกติก ตัวผู้เล่น...มีการปรับเปลี่ยนกันทีมละสองสามคน

หงส์ ส่งโกนาเต ยืนกับ ฟานไดจ์ เลือก เอลเลียตต์ แทน เฮนโด และ ลุยส์ ดิอาส ลงเล่นตัวจริงนัดแรกหลังหายไป 203 วัน

ส่วนสเปอร์ส เลือก เบน เดวิส และ คูลูเซฟสกี้ ลงตัวจริง จากนัดเสมอแมนฯยูฯ 2-2  นอกนั้นชุดเดิม 

จุดหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ "สมาธิ" ในการป้องกันของไก่ในช่วงหลังเขี่ยบอลไม่ดีเอาซะเลย การโดนยิงเร็วใน 120 วินาทีแรก จากจังหวะการป้องกันที่หละหลวมของสเปอร์สเอ

1-0 จังหวะ เทร้นต์ ครอสบอลเสาสองให้ เคอร์ติส โจนส์ ยิงฉลองการลงตัวจริงหกนัดติดต่อกัน และยิงครั้งแรกนับจากปี 2021 โน่นเลย

2-0 น.5 จังหวะที่ เอริก ดายเออร์ ที่ทิ้งตำแหน่งไปเล่น เปิดพื้นที่ให้ กัคโป ได้วิ่ง แล้ว ซาลาห์ แทงถึงเส้นหลัง  ส่วน โรเมโร ก็อ่านเกมไม่ขาด เพราะ กัคโป ไปสุดทางแล้ว ยังไง ถ้าไม่ คัตแบ๊ก ก็ครองบอล ตัวเขาเองนั่นแหละที่ต้องเข้าไปซ้อน ดายเออร์ แต่ก็ยืนเปิดที่ให้ ลุยส์ ดิอาส ตวัดยิงง่ายๆ 

3-0 จุดโทษ ก็เป็น โรเมโร นี่แหละที่เข้าพรวดไปเสียบ กัคโป เลยโดนจุดโทษ 

ซาลาห์ ยิงฉลองการเล่นนัดที่ 300 ให้ลิเวอร์พูล

เกมรับ...หงส์ "จัดให้"


พอนำง่ายๆ 3-0 ใน21 นาที เกมก็เล่นแบบ ผ่อนคลาย ติดประมาท แถมดันไฮไลน์ ดีเฟ้นส์ ซะสูงจนน่าตกใจ เลยโดน สเปอร์ส ตลบหลัง แถมสร้างจังหวะโจมตีแบบงามๆ หลายครั้ง ช่วงนาทีที่ 30-40 คือช่วงที่สเปอร์ส ฟื้นขึ้นมา และกดดันลิเวอร์พูล จนเล่นสวนกลับจังหวะที่ เปริสิช ได้บอลริมเขตโทษแล้วหลอก ฟานไดจ์ซะหลังหัก ก่อนครอสบอลข้ามหัวให้ เคน ที่ว่างคนเดียว วอลเลย์ลอดขา เบคเกอร์ ง่ายๆ น.39

โกนาเต หายไปไหน.......จังหวะนี้

ส่วน เคน ยิงลูกที่ 208 เท่ากับ เวย์น รูนีย์ เรียบร้อยแล้ว 

ครึ่งหลัง...สเปอร์ส ก็ยังเล่นคุมพื้นที่แดนตัวเอง รอจังหวะหงส์พลาดแล้วค่อยสวน หรือจังหวะหงส์ดันสูงขึ้นมาถึงครึ่งสนามก็โจมตีเร็ว เกือบได้ผลหลายครั้ง โดยเฉพาะการยิงชนเสาสองครั้งในสองนาที จาก ซน ฮึง มิน และ โรเมโร 

เกมรับหงส์อยู่กันเยอะ...แต่กลับปล่อยให้ ซน ได้ยิงง่ายๆเลย ดีว่าชนเสา เกือบ 3-2 

ซึ่งในท้ายที่สุดก็โดนจนได้ จากจังหวะการปล่อยบอลของ  โรเมโร ให้ ซน ฮึง มิน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่าน เบคเกอร์ ตุงตาข่าย น. 77 ไล่มา 3-2

โกนาเต ไม่อ่านเกม ดูตัววิ่งจังหวะนี้ 

คือสเปอร์ส เล่น 2 จังหวะ จาก โรเมโร ข้ามกองกลางมาหลัง...คำถามคือ แม้ว่าไม่มีใครบลอคข้างหน้าให้ แต่ โกนาเต ยืนเกาะกับ ซน ไม่อ่านเกม ปล่อยให้บอลลอยข้ามหัวไปหาซน 

จากนั้นการป้องกันลูกตั้งเตะที่สับสน ริชาร์ลิซอน โหม่งกระดอนพื้นย้อนข้ามหัว เบคเกอร์ ในจังหวะที่ ดาร์วิน ตามประกบไม่ดี 

สกอร์ 3-3 คือสุดดรามาแล้ว....แต่วินาทีต่อมา ลูคัส มูร่า ดันส่งบอลพลาด โชต้า ฉกไปยิงเสียบเสาสอง น.90+4 

ลิเวอร์พูลชนะแบบหืดจับ 4-3 

บทสรุปจากเกมนี้


1 เกมรุกหงส์ ยังคงพึ่งพาได้ การประสานงานระหว่าง ซาลาห์,กัคโป ยังคงลงตัว ส่วน ดิอาส ก็ต้องรอแมตช์ ฟิตเนส คาดว่าซีซั่นหน้าโน่น ถ้าไม่เดี้ยงไปซะก่อน เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก ซาลาห์ ยิงจุดโทษคือ.....

ลิเวอร์พูลยังไม่ตรงกรอบจนถึงช่วงทดเวลาครึ่งหลัง

สถิตินี้เปลี่ยนเป็นคุณภาพในแง่ที่ "เกม" การเล่นที่ดรอปลงไปอย่างน่าตกใจในครึ่งหลัง 

จน โชต้า ยิงประตูชัยเพียงเพราะ ลูคัส มูรา ส่งบอลพลาดเอง 

2 สเปอร์ส พลาดง่ายไป ในช่วงต้นเกม ไม่งั้นน่าจะมีลุ้นกว่านี้ แต่ต้องชม สปิริตการต่อสู้ ด้วยส่วนหนึ่งที่ไล่มาจนเกือบได้แต้มแล้ว แต่ดันมาพลาดเองเลยแพ้ 

3 ที่น่าตำหนิคือ..เกมรับหงสแดงมากกว่าสเปอร์ส โดยเฉพาะ แบ๊กโฟร์ ของลิเวอร์พูลและการป้องกันมีปัญหาแน่นอน ทั้งการเสียให้ ฟอเรสต์ จากลูกทุ่มไกลสองลูก และเจอคุณภาพนักเตะตัวรุกสเปอร์ส จัดไปอีกสามลูกง่ายๆ 

ทั้งการป้องกันลูกโด่ง, ฟรีคิก ดูสับสนวุ่นวายไปหมด 

มองแง่ลบทีมมีคุณภาพประมาณนี้ ฟอร์มการเล่นไม่คงเส้นคงวาในเกม 

มองแง่บวก ชนะ 4-3 ขึ้นอันดับ 5 ตามผีแดง 7 แต้ม แข่งมากกว่า 1 นัด

ยังมีโอกาสลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีกมั้ย...ถ้าดูจำนวนนัดมันก็ใช่ละครับ

ยังพอมีความหวัง 

ผมเชื่อว่าลิเวอร์พูลที่กองหน้าพร้อมยิง ให้มากกว่ากองหลังที่พร้อมเสีย สามารถชนะได้จนจบซีซั่น แต่มันไม่ขึ้นกับลิเวอร์พูลนะสิครับ

มันขึ้นกับความผิดพลาดของ สาลิกาหรือ แมนฯยูไนเต็ด

ถ้าสองทีมข้างบนดันเล่นพลาดใน 5-6 เกมขึ้นมา

ก็แสยะยิ้มกันตอนจบซีซั่น 

เพียงแต่…..ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นนะสิครับ


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport