อาร์เซน่อล ระวังเอาไว้? 6 เกมพรีเมียร์ลีกที่จ่าฝูงนำโด่งแต่โดนแซงโค้งสุดท้าย

อาร์เซน่อล ระวังเอาไว้? 6 เกมพรีเมียร์ลีกที่จ่าฝูงนำโด่งแต่โดนแซงโค้งสุดท้าย
"ลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้" วลีเด็ดวงการฟุตบอลที่มักจะใช้กันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะกับการลุ้นแชมป์ที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย และคู่แข่งมีแต้มสูสีกัน ดังนั้นหากทีมใดทีมหนึ่งพลาดทำแต้มหลุดมือนั่นอาจจะหมายถึงโอกาสที่โทรฟี่แชมป์จะหลุดลอยไปเลยทีเดียว

สำหรับในฤดูกาลนี้ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องบอกว่ายังรูปแบบการลุ้นแชมป์เด็ดสะระตี่เหมือนเดิม เพราะ อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่บี้กันอย่างสนุกชนิดที่แฟนบอลของทั้งสองสโมสรต้องนั่งเครียดทุกครั้งที่ทีมรักของพวกเขาลงสนามในทุกๆ สัปดาห์

อาร์เซน่อล รั้งตำแหน่งจ่าฝูง ด้วยการมี 74 คะแนน โดยที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" ตามหลัง 4 คะแนน แต่พวกเขาแข่งมากกว่า 1 เกม และที่สำคัญทั้งสองทีมมีคิวที่จะต้องปะทะกันในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 26 เมษายนนี้ 

ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเคยเกิดเหตุพลิกผันในช่วงโค้งสุดท้ายที่ทำให้แฟนบอลจดจำไม่มีวันลืม เพราะแชมป์อยู่ในมือของจ่าฝูงอยู่แล้ว แต่กับทำมันหลุดมือแบบน่าเจ็บปวด ซึ่งจะมีทีมไหนบ้างไปลองติดตามกันดูครับ 

อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2002/2003

ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์จะตอกย้ำซ้ำรอยเก่าหรือเปล่าสำหรับ "เดอะ กันเนอร์ส" เพราะพวกเขาเคยนำ แมนฯ ซิตี้ ถึง 8 คะแนนในช่วงเดือนมกราคม แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ในฤดูกาล 2002/2003 "ไอ้ปืนใหญ่" รั้งตำแหน่งจ่าฝูงแบบสบายใจหายห่วงในช่วงเดือนมีนาคม โดยคู่แข่งของพวกเขาในตอนนั้นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พยายามทำแต้มไล่บี้มาแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ

ทัพ "ปีศาจแดง" ภายใต้การกุมบังเหียนของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน เก็บคะแนนได้สูงสุดจาก 15 เกมในช่วง 18 นัดสุดท้าย ขณะที่ ทีมของกุนซืออาร์แซน เวนเกอร์ คว้าชัยชนะได้แค่ 4 จาก 9 เกมสุดท้าย ส่งผลให้พวกเขาเป็นได้แค่พระรองในซีซั่นนั้น

ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2018/2019

สาวก "เดอะ ค็อป" รู้ดีว่าบรรดากองเชียร์ "เดอะ กันเนอร์ส" จะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนหากทีมต้องพลาดแชมป์ เพราะพวกเขาก็เคยเห็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์ โค. ปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกไปครองด้วยความเจ็บปวดหัวใจมาแล้ว

ใครจะไปเชื่อว่าทีมที่สามารถเก็บคะแนนได้ถึง 97 แต้ม แต่กลับไม่ได้ชูโทรฟี่แชมป์ลีก โดยตอนนั้นทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ แพ้ให้กับ "เรือใบสีฟ้า" แค่เกมเดียวเท่านั้นในเดือนมกราคม 

อย่างไรก็ตามการที่ "หงส์แดง" เสมอถึง 4 แมตช์จาก  6 เกมในช่วงปลายเดือนม.ค.ถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะการที่พวกเขากุมความได้เปรียบจากการนำห่าง 9 คะแนนต้องถูกบั่นทอนลง และสุดท้ายก็ได้แค่รองแชมป์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2011/2012

ทุกๆ คนคงจดจำฤดูกาล 2011/2012  ได้เป็นอย่างดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นในช่วงท้ายซีซั่น โดยภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ตะบันประตูชัยสุดสำคัญส่งผลให้ "ปีศาจแดง" ต้องชวดแชมป์ลีกอย่างน่าเจ็บปวดที่สุด

ในช่วงที่เหลือการแข่งขันเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แอนด์ โค. มีคะแนนนำห่าง "เพื่อนบ้านน่ารำคาญ" 8 คะแนน แต่พวกเขาดันทำหกแบบไม่น่าให้อภัยเพราะพวกเขาดันทะลึ่งแพ้สมันน้อยอย่าง วีแกน แอธเลติก 0-1 และเสมอ เอฟเวอร์ตัน 4-4 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แถมยังเสียท่าให้กับ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ที่เอติฮัด สเเตดี้ยม ในช่วง 3 เกมสุดท้ายของซีซั่น ก่อนที่เกมสุดท้ายของฤดูกาลจะเกิดเหตุดราม่าในช่วงวินาทีสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นเรื่องราวเล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบัน 

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1995/1996

ตอนนั้นหลายคนมองว่า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทัพของ เควิน คีแกน เตรียมคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เมื่อพวกเขาทำคะแนนทิ้งห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 12 แต้มเมื่อเข้าสู่ปี 1996 

การพ่ายแพ้ 5 เกมจาก 8 แมตช์ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นคือหายนะของพวกเขา โดยเฉพาะการแพ้ให้กับ แมนฯ ยูฯ และ ลิเวอร์พูล ถือเป็นเรื่องเสียหายที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับทัพ "สาลิกาดง"

ว่ากันว่าส่วนหนึ่งที่ นิวคาสเซิ่ล ต้องสะดุ้งขาตัวเองมาจากการที่ คีแกน เกิดอาการตบะแตกเมื่อถูก "เซอร์เฟอร์กี้" เล่นสงครามจิตวิทยา และทำให้สมาธิของเขาเสียจนทำให้ทีมฟอร์มเป๋จนพลาดแชมป์ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1997/1998

ต้องยอมรับว่าในช่วงต้นยุค 90 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองความยิ่งใหญ่มาตลอด โดยมี อาร์เซน่อล ที่คอยสอดแทรกแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะในฤดูกาล 1997/1998 สาวก "เร้ด อาร์มี่" ต้องเจ็บกระดองใจเพราะเหล่าทัพ "ปืนโต" 

ในช่วงที่เหลือการแข่งขัน 9 เกมสุดท้ายของซีซั่น แมนฯ ยู มีแต้มนำห่าง อาร์เซน่อล 11 คะแนน แต่ตอนนั้น "เดอะ กันเนอร์ส" แข่งน้อยกว่า 3 เกมกระนั้นพวกเขาก็ต้องเอาชนะให้ได้เพื่อที่จะสร้างความได้เปรียบให้กับทีม 

อาร์เซน่อล สามารถบุกไปชนะ แมนฯ ยูฯ ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเดือนมีนาคม ถือเป็นสามคะแนนที่สำคัญ และนำไปสู่การเดินเครื่องคว้าชัยชนะเป็นว่าเล่นก่อน เวนเกอร์ จะนำสโมสรแซงหน้า "ผีแดง" คว้าแชมป์ได้อย่างสุดยอด

ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2013/2014

สำหรับฤดูกาลนี้อาจจะไม่ใช่การที่จ่าฝูงนำห่างรองจ่าฝูง แต่มันเกิดเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญในการคว้าแชมป์ลีก และยังเป็นตราบาปติดตัวหนึ่งในตำนานนักฟุตบอลของ ลิเวอร์พูล ด้วย !

"หงส์แดง" ในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีโอกาสดีมากๆ ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกที่รอคอยมานานกว่า 24 ปี (ในช่วงเวลานั้น) โดยเหลือการแข่งขันแค่ 3 แมตช์ และพวกเขามีแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 คะแนนเท่านั้น

จุดเปลี่ยนสำคัญของซีซั่นดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ ลิเวอร์พูล พบ เชลซี โดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ดันลื่นล้มจนทำให้ เดมบ้า บา หลุดเข้าไปยิงประตูให้ "สิงห์บลูส์" ขึ้นนำในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ก่อนที่ วิลเลี่ยม จะยิงตอกฝาโลงช่วงทดเจ็บครึ่งหลัง ส่งให้ "เดอะ เร้ดส์" แพ้ 0-2 

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะอีกเกมที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญก็คือแมตช์พบ คริสตัล พาเลซ เมื่อ ลิเวอร์พูล ยิงนำถึง 3-0 แต่กลายเป็นเสมอ 3-3 และสุดท้ายต้องจบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์โดยตามหลัง แมนฯ ซิตี้ 2 แต้ม 

ทอมเม้ง 


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport