ขยับขึ้นสู่อันดับสามอีกหนจนได้สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งแม้จะมีปัญหานักเตะนัดกันล้มเจ็บระนาวในช่วงโค้งสุดท้าย แต่พวกเขายังบุกไปสยบ ฟอเรสต์ ได้อย่างไม่ยากลำบาก 2-0 ในการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม ซิตี้ กราวด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 เม.ย.
อย่างไรก็ดี ถัดจากนี้ไปบอกได้เลยว่า ผีแดง จะไม่ได้เจอกับเกมที่ง่ายเหมือนนัดดวลกับ เจ้าป่า อีกแล้วเนื่องจากโปรแกรมที่รอพวกเขาอยู่ล้วนเป็นเกมที่หนักหนาสาหัสสำหรับทีมจาก โรงละครแห่งความฝัน ทั้งสิ้น
1. เจ้าป่าปรับทัพสี่ราย
สตีฟ คูเปอร์ ผู้จัดการทีม ฟอเรสต์ ซึ่งมีผลงานเลวร้ายไม่ชนะเกมลีกมานานเก้านัดติดต่อกันแล้ว แถมไม่มีคลีนชีตเลยสักนัดด้วยเปลี่ยนนักเตะรวมสี่รายจากเกมบุกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วย ไตโว อโวนิยี่ , เรโม่ ฟรอยเลอร์ , เรนาน โลดี้ และ สกอตต์ แม็คเคนน่า ที่ได้ลงเล่นแทน โจ วอร์รัลล์ , แฮร์รี่ ทอฟโฟโล่ , จอนโจ้ เชลวีย์ และ ชีคฮู คูยาเต้
ด้าน เจสซี่ ลินการ์ด อดีตมิดฟิลด์ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งฝีเท้าตกต่ำดำดิ่งสุดกู่มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิม
2. ผีพิการโรเตชั่นสามตำแหน่ง
เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งประสบกับปัญหามีนักเตะล้มเจ็บในคราวเดียวกันหลายรายโดยเฉพาะบรรดากองหลังเปลี่ยนทีมตัวจริงสามรายจากเกม ยูโรปาลีก รอบแปดทีมนัดแรกที่เปิดบ้านโดน เซบีย่า ไล่ตีเสมอ 2-2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
แน่นอนว่า ผีแดง ต้องหวนกลับมาใช้งานเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ขวัญ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ หลังจาก ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ ราฟาแอล วาราน นัดกันเดี้ยงโดยเฉพาะปราการหลังทีมชาติ อาร์เจนติน่า หมดสิทธิ์คัมแบ็คในซีซั่นนี้แล้ว
ส่วนอีกตำแหน่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ ลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายแทน ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่เจ็บเข่าเล็กน้อยเนื่องจาก ลุค ชอว์ ยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ กาเซมีโร่ พ้นโทษแบนสี่นัดกลับมาลงสนามได้
อย่างไรก็ดี เหมือนจะยังโชคร้ายไม่เลิกเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเปลี่ยนโผทีม 11 คนแรกกระทันหันจากสาเหตุ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เดี้ยงไปอีกรายในช่วงวอร์มอัพ ทำให้ทีมเยือนต้องหันมาส่ง คริสเตียน เอริคเซ่น ออกสตาร์ต
3. อันโตนี่ โชว์ทีเด็ด
หลังโดนโจมตีมานานว่าเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัวโดยเฉพาะการสอยตาข่าย ในที่สุด อันโตนี่ ก็ปลดล็อกคลายความกดดันให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ด้วยการซัดประตูพาทีมนำหน้า ฟอเรสต์ ไปก่อนในครึ่งแรก
ถึงตอนนี้ อดีตสตาร์ทีม อาแจ็กซ์ ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นลูกที่สี่ของตัวเองจากการลงสนามในลีก 18 นัด และเป็นประตูแรกของเขาจากการลงบู๊ในเกมลีกเมืองผู้ดี 15 นัดหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น มีการเผยสถิติว่า 15 นัดที่ผ่านมา ดาวเตะทีมชาติ บราซิลมีจังหวะเช็กบิลมากถึง 38 ครั้ง แต่ไม่อาจส่งบอลปะทะตาข่ายได้เลยก่อนจะทำสำเร็จที่ ซิตี้ กราวด์ จึงแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าเขาสมควรต้องสร้างความเฉียบคมให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ดี ผีแดง สร้างผลงานได้เหนือกว่า เจ้าป่า ตามความคาดหมายจากสถิติใน 45 นาทีแรกซึ่งเผยว่าพวกเขาครองเกมได้ในสัดส่วน 70:30% และได้ยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ขณะที่เจ้าถิ่นได้ซัด 4 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบเลย
4. วันของ ดาโลต์
ในที่สุด ดาโลต์ แบ็คซ้ายจำเป็นก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ไม่เพียงต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถึงกับถนัดเท่านั้น แต่เขายังยิงประตูที่สองของเกมลดความกดดันให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปในตัวด้วยเช่นกันจากการแอสซิสต์ของ อันโตนี่ ซึ่งเล่นได้อย่างโดดเด่นอีกรายในเกมนี้
และที่แน่ๆ มันเป็นการสอยตาข่ายในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นลูกแรกของดาวเตะวัย 24 ปีด้วยจากการลงเล่นในทุกรายการเป็นเกมที่ 100 พอดีเป๊ะ และเป็นเกมที่ 65 ในลีกอังกฤษของเขา
รวมทั้งสิ้น ดาวเตะทีมชาติ โปรตุเกส ยิงเพิ่มได้เป็นประตูที่สามในสีเสื้อของ เร้ด เดวิลส์ จากที่เคยคลำเป้าได้ในถ้วย ลีกคัพ และถ้วยยุโรปอย่างละเม็ด
จบเกม ผีแดง ครองบอลได้มากกว่า 68:32% และได้ส่องยิงทั้งหมด 22 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่ ฟอเรสต์ ได้ลุ้น 6 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบอีกตามเคย
5. สามนัดหน้าสุดท้าทาย เทน ฮาก
ไม่ผิดแน่หากจะบอกว่าไม่มีเกมไหนง่ายอีกแล้วสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยามนี้เนื่องจากพวกเขาเหลือนักเตะระดับคีย์แมนให้ใช้งานไม่มากจากการถูกโรคเดี้ยงเล่นงานอย่างหนัก
ไม่เพียงต้องรอลุ้นให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าหายเจ็บโดยเร็วเท่านั้น หากแต่แผงหลังของทีมยิ่งน่าเป็นกังวลมากเข้าไปใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก มาร์ติเนซ ปิดเทอมไปแล้ว เทน ฮาก ก็จำเป็นต้องพึ่งพา แม็กไกวร์ หรือไม่ก็ ลินเดอเลิฟ หากว่า ราฟาแอล วาราน จะยังไม่พร้อมลงสนาม หรือไม่ก็อาจต้องใช้งาน ชอว์ สวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นอีกรอบในยามที่แบ็คซ้ายทีมชาติ อังกฤษ ฟิตสมบูรณ์
จะอย่างไรก็ตาม แม้โรคเดี้งที่กำลังระบาดหนักในทีม ผีแดง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการบุกมาคว้าสามแต้มเหนือทีมรองบ่อนอย่าง ฟอเรสต์ แต่ด้วยแผงหลังที่ไม่สมประกอบจึงน่าจะเป็นงานหนักสำหรับทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ต้องลงเล่นในอีกสามเกมสำคัญถัดไปทั้งในถ้วยยุโรป , เอฟเอคัพ และ พรีเมียร์ลีก ตามโปรแกรมดังนี้
21 เม.ย. : เซบีย่า (เยือน) ยูโรปาลีก รอบแปดทีมนัดสอง
23 เม.ย. : ไบรท์ตัน (เวมบลีย์) ตัดเชือก เอฟเอคัพ
28 เม.ย. : สเปอร์ส (เยือน) พรีเมียร์ลีก