สมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) ตัดสินใจตั้งข้อหาทั้ง สเปอร์ส และ ไบรท์ตัน สองสโมสรจากกรณีก่อเหตุวุ่นวายในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่สร้างความฉงนที่ไม่คิดเอาผิดผู้จัดการทีมของทั้งคู่
เกมที่สนาม ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งจบลงโดยทีมเจ้าบ้านกำชัย 2-1 เป็นไปอย่างเร่าร้อนก่อนที่ คริสเตียน สเตลลินี่ นายใหญ่ ไก่เดือยทอง จะมีปัญหาปะทะคารมกับ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือทีม นกนางนวล ซึ่งทำให้สตาฟฟ์ของทั้งสองฝ่ายเข้ามาผลักอกกันชุลมุน
รายงานข่าวแจ้งว่าทั้งสองมีปากเสียงกันตั้งแต่ช่วงที่ เด แซร์บี้ ฉลองประตูตีเสมอในครึ่งแรกของ ลูอิส ดังค์ หน้าซุ้มม้านั่งของ สเปอร์ส ก่อนที่เหตุการณ์จะปะทุหนักในครึ่งหลังกระทั่งผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ๊ตเวลล์ ไล่ทั้งคู่ออกจากสนาม
กระทั่งล่าสุดเมื่อ 12 เม.ย. เอฟเอ ตั้งข้อหาทั้งสองทีมแล้วซึ่งน่าจะโดนปรับเงินตามระเบียบ แต่กลับไม่คิดเอาผิดทั้ง สเตลลินี่ และ เด แซร์บี้ ตามที่ เดอะ ซัน รายงาน
"สเปอร์ส กับ ไบรท์ตัน ถูกตั้งข้อหาจากเหตุการณ์เผชิญหน้ากันซึ่งเกิดขึ้นในนาทีที่ 58 ของเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เม.ย. เป็นที่กล่าวอ้างว่าทั้งสองทีมไม่อาจควบคุมพฤติกรรมของทีมงานในซุ้มข้างสนามให้อยู่ในกรอบได้ และมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สเปอร์ส กับ ไบรท์ตัน ได้รับเวลาจนถึงวันจันทร์ที่ 17 เม.ย.ต่อการตอบสนอง" เอฟเอ ระบุ
จากถ้อยแถลงดังกล่าว หมายความว่า สเตลลินี่ ที่คุมทีม ไก่เดือยทอง ชั่วคราวแทน อันโตนิโอ คอนเต้ ที่โดนปลดจะไม่ถูกแบนในเกมหน้าซึ่งเขาจะทำหน้าที่ได้ตามปกตินัดที่ทีมเมืองหลวงจะเปิดบ้านต้อนรับ บอร์นมัธ ในวันเสาร์นี้
ด้าน เด แซร์บี้ ซึ่งซีซั่นนี้เคยโดนแบนห้ามคุมทีมที่ข้างสนามมาแล้วสองนัดจะกุมบังเหียน ไบรท์ตัน ได้เช่นกันในเกมบุกไปเยือน เชลซี วันเดียวกัน