ซน ฮึง-มิน สร้างประวัติศาสตร์ตะบันได้แตะหลัก 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก บวกกับ แฮร์รี่ เคน ซัดอีกตุง นำชัย สเปอร์ส เปิดรังเบียด ไบรท์ตัน เข้าวินหวิว ส่งผลให้ "ไก่เดือยทอง" มี 53 คะแนน รั้งอันดับ 5 ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 อยู่ 3 คะแนน ขณะที่ "นกนางนวล" มี 46 แต้ม รั้งที่ 7 โดยเกมนี้ สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ผู้ตัดสิน แจกใบแดงไล่ คริสเตียน สเตลลินี่ และ โรแบร์โต้ เด แชร์บี้ โค้ชทั้ง 2 ทีม หลังใช้คำพูดไม่เหมาะสม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566
สเปอร์ส 2-1 ไบรท์ตัน
สนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม
คริสเตียน สเตลลินี่ รักษาการกุนซือ สเปอร์ส ประเดิมการคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" เต็มตัว ด้วยการทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางฝั่ง โรแบร์โต้ เด แชร์บี้ กุนซือ ไบรท์ตัน พา "นกนางนวล" บุกอัด บอร์นมัธ นิ่มๆ 2-0 ในเกมล่าสุด เมื่อกลางสัปดาห์ นับเป็นการคว้าชัยนัดที่ 3 ในรอบ 5 เกม
เริ่มเกมมาในนาทีที่ 10 โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของฝั่งเจ้าถิ่น ก่อนเป็น อิวาน เปริซิช ได้บอลมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายมาให้ ซน ฮึง-มิน มีจังหวะเลี้ยงบอลตัดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาไปอย่างสวยงาม ช่วยพา สเปอร์ส ขึ้นนำ ไบรท์ตัน 1-0 โดยประตูนี้เป็นประตูที่ 100 ที่ ซน ฮึง-มิน ทำได้ในพรีเมียร์ลีก
นาทีที่ 16 เดยัน คูลูเซฟสกี้ เล่นบอลจังหวะสวนกลับ จ่ายมาให้ แฮร์รี่ เคน ก่อนวางบอลยาวกลับไปทางด้านขวาให้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ก่อนเปิดบอลกลับมาในกรอบเขตโทษให้ แฮร์รี่ เคน ได้โอกาสตวัดยิง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
อีก 2 นาทีต่อมา เอริค ดายเออร์ ออกบอลไม่ดีไปโดนตัดบอลได้ ก่อนเป็น โซลลี่ มาร์ช วางบอลยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ คาโอรุ มิโตมะ ที่พยายามพักบอลก่อนได้โอกาสยิง ส่งบอลเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินมองว่าจังหวะพักบอลของแข้งชาวญี่ปุ่นนั้น บอลไปโดนมือเป็นจังหวะแฮนด์บอล ก่อนที่ วีเออาร์ จะเช็กจังหวะดังกล่าว แล้วยืนยันว่าเป็นจังหวะแฮนด์บอล ไม่ให้ประตูทีมเยือน ทำให้ สเปอร์ส ยังนำ ไบรท์ตัน อยู่ 1-0
น.26 มอยเซส ไกเซโด้ ตัดบอลได้ตรงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนเลี้ยงบอลมาแล้วตะบันยิงเต็มข้อบอลพุ่งไปชนเสา ก่อนมาเข้าทางกองหลังสเปอร์ส แล้วเคลียร์บอลออกมาได้
เกมดำเนินถึงนาทีที่ 34 ทีมเยือนได้เตะมุม ก่อนเป็น โซลลี่ มาร์ช ที่รับหน้าที่เปิดเข้ามาหน้าปากประตู ก่อนเป็น ลูอิส ดังค์ ที่ขึ้นมาโหม่งเต็มๆ ส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยพา ไบรท์ตัน ตามตีเสมอ สเปอร์ส 1-1
ช่วงเวลาที่เหลังหลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก สเปอร์ส เสมอ ไบรท์ตัน 1-1
เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 52 เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์ วางบอลยาวขึ้นหน้าบอลหลุดไปถึง อิวาน เปริซิช ได้บอลก่อนลากตัดเข้ากลางมาแล้วตัดสินใจยิงบอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังเป็น เจสัน สตีล ที่ปัดบอลออกหลังไปได้
ต่อมาในนาทีที่ 55 ทีมเยือนได้จังหวะบุก ก่อนเป็น โซลลี่ มาร์ช ที่ได้บอลทางฝั่งขวาก่อนจ่ายมาให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ได้บอลแล้วดึงจังหวะหลบ กองหลังเจ้าถิ่น แล้วตวัดยิงด้วยซ้ายบอลไปแฉลบ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก่อนเปลี่ยนทางแล้วผ่านมือ อูโก้ โยริส เข้าประตูไป ช่วยพา ไบรท์ตัน แซงขึ้นนำ สเปอร์ส 2-1 แต่สุดท้าย วีเออารื เช็กจังหวะดังกล่าว ก่อนริบประตูไป เพราะบอลไปโดนมือของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก่อนเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทำให้สกอร์ยังคงเดิมที่ สเปอร์ส เสมอ ไบรท์ตัน 1-1
นาทีที่ 59 เกมต้องหยุดลงหลัง ผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ แจกใบแดงไล่ทั้ง คริสเตียน สเตลลินี่ และ โรแบร์โต้ เด แชร์บี้ ที่มีจังหวะใช้คำพูดไม่เหมาะสมทั้งสองคน
เกมดำเนินถึงนาทีที่ 72 คาโอรุ มิโตมะ มีจังหวะดึงบอลลงในกรอบเขตโทษ ก่อนโดน ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ที่พุ่งเข้ามาสกัด ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าฟาวล์ แถมวีเออารืเช็กแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป
ต่อมาในนาทีที่ 79 แฮร์รี่ เคน จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวา ก่อนตบกลับมาหน้าปากประตูให้ แฮร์รี่ เคน ได้จังหวะยิงโล่งๆ ส่งบอลพุ่งเข้าประตูไป อย่างสวยงามช่วยพา สเปอร์ส นำ ไบรท์ตัน 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน สเปอร์ส เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไป 2-1 ส่งผลให้ "ไก่เดือยทอง" มี 53 คะแนน รั้งอันดับ 5 ตามหลัง แมนฯ ยุไนเต็ด ทีมอันดับ 4 อยู่ 3 คะแนน ขณะที่ "นกนางนวล" มี 46 แต้ม รั้งที่ 7 โดยเกมนี้ สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ผู้ตัดสิน แจกใบแดงไล่ คริสเตียน สเตลลินี่ และ โรแบร์โต้ เด แชร์บี้ โค้ชทั้ง 2 ทีม หลังใช้คำพูดไม่เหมาะสม
รายชื่อนักเตะที่ลงสนามของทั้งสองทีม
สเปอร์ส (3-4-2-1) : อูโก้ โยริส - คริสเตียน โรเมโร่, เอริค ดายเออร์, เกลม็องต์ ล็องก์เล่ต์ - เปโดร ปอร์โร่, โอลิเวอร์ สคิปป์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, อิวาน เปริซิช - เดยัน คูลูเซฟสกี้ (อาร์เนาต์ ดันยูม่า น.78), ซน ฮึง-มิน - แฮร์รี่ เคน
ไบรท์ตัน (4-2-3-1) : เจสัน สตีล - โยเอล เฟลท์มัน,ลีวาย โคลวิลล์ (อดัม เว็บสเตอร์ น.69), ลูอิส ดังค์, เปร์วิส เอสตูปิญาน - ปาสกาล โกรสส์, มอยเซส ไกเซโด้ - โซลลี่ มาร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, คาโอรุ มิโตมะ - แดนนี่ เวลเบ็ค (อีแวน เฟอร์กูสัน น.66)
ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์