5 ภารกิจ แลมพาร์ด ต้องจัดการเพื่อกอบกู้ เชลซี

5 ภารกิจ แลมพาร์ด ต้องจัดการเพื่อกอบกู้ เชลซี
ในที่สุด แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตผู้จัดการทีม เชลซี ก็หวนกลับมากุมบังเหียนสโมสรแห่งกรุงลอนดอนอีกรอบ แม้จะเป็นเพียงการรับงานแบบขัดตาทัพไปจนจบซีซั่นก็ตาม

สิงโตน้ำเงินคราม ตัดสินใจติดต่อไปหาดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรให้กลับมาประคับประคองทีมในช่วงที่บอร์ดกำลังเจรจากับผู้จัดการทีมคนใหม่หลังจากพวกเขาตัดสินใจปลด แกรม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งสังเวยผลงานการคุมทีมได้อย่างย่ำแย่

แน่นอนว่าหลังจากอดีตนายใหญ่ทีม ไบรท์ตัน กระเด็นออกจากสังเวียนแข้ง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทีมเงินถังแห่งกรุงลอนดอนได้มอบหน้าที่ให้ บรูโน่ ซัลตอร์ ผู้ช่วยของ พ็อตเตอร์ คุมทีมแบบขัดตาทัพไปแล้วในเกมเปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ เชลซี มีเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแปดทีมบู๊กับ เรอัล มาดริด รออยู่ พวกเขาจึงมองว่าโค้ชที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมมาก่อนอย่าง ซัลตอร์ น่าจะแบกภาระอันหนักอึ้งนี้ไม่ไหวจนเป็นเหตุให้ แลมพาร์ด โผล่มาดูเกมนัดเจ๊ากับ หงส์แดง และนำมาสู่การแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 เม.ย.

จากผลงานที่เป็นอยู่ เชลซี รั้งอันดับ 11 ของตาราง พรีเมียร์ลีก ซึ่งถือว่าเลวร้ายเกินกว่าจะปล่อยให้ พ็อตเตอร์ สานงานต่อไปเนื่องจากพวกเขาแทบไม่มีลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์แล้ว จึงต้องเล็งไปที่เกมหูใหญ่กับ ราชันชุดขาว เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน เชื่อว่า แลมพาร์ด ปรารถนาได้นั่งเก้าอี้ตัวเดิมของเขาอีกรอบแบบถาวรด้วยหากสามารถสร้างผลงานได้ถูกใจ ท็อดด์ โบลีห์ เจ้าของสโมสรเนื่องจากถึงขณะนี้ เชลซี ถูกแฉว่ายังเหวี่ยงแหเจรจากับเป้าหลายหลายราย

จะอย่างไรก็ตาม นี่คือการบ้าน 5 ข้อที่ แลมพาร์ด จำเป็นต้องจัดการให้ได้เพื่อพา สิงห์บลูส์ กลับมามีเขี้ยวเล็บดังเดิม

1. สร้างความมั่นใจให้แผงรุก


เห็นได้ชัดว่ามันกินเวลานานหลายเกมแล้วที่ เชลซี มีโอกาสยิงประตูเป็นเข่งมากกว่าคู่แข่งลิบลับ แต่พวกเขาคว้าผลลัพธ์ไม่ได้ก็เพราะบรรดาตัวรุกทั้งหลายไร้ความคม แม้กระทั่งโอกาสทองฝังเพชร พวกเขาก็ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าประตูได้

ตรงนี้เองที่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่ พ็อตเตอร์ แก้ไม่ตก และต้องเดือดร้อนให้ แลมพาร์ด เรียกความมั่นใจของกองหน้าทั้งหลายกลับคืนมาเพื่อการเก็บแต้มอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในช่วงโค้งสุดท้าย

และที่แน่ๆ สมัยคุมทีม เชลซี แลมพาร์ด มีสถิติพาทีมสอยตาข่ายได้เฉลี่ยนัดละสองลูก แต่กับ พ็อตเตอร์ ตัวเลขในจุดนี้ลดลงไปกึ่งหนึ่ง

แม้ เชลซี จะตัดสินใจปล่อย โรเมลู ลูกากู ให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวด้วยมองว่าเขาเป็นศูนย์หน้าจอมทื่อ แต่อย่างที่เห็นทั้ง ชูเอา เฟลิกซ์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้เหนือไปกว่าหัวหอกร่างยักษ์เลย ดีที่ว่านาทีนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หายเจ็บกลับมาแล้ว แลมพาร์ด จึงอาจจำเป็นต้องพึ่งพาการยิงประตูจากปีกทีมชาติ อังกฤษ ให้มากขึ้นอีกราย

2. คว้าผลลัพธ์ที่ เบร์นาเบว


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือโจทย์ที่ยากที่สุดสำหรับ แลมพาร์ด แต่อย่างน้อย โบลีห์ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อมือ ซัลตอร์ ที่ไม่เคยมีชั่วโมงบิน และตัดสินใจติดต่ออดีตกองกลางทีมชาติ อังกฤษ ซึ่งมีประสบการณ์คุมทีมมาแล้วสามสโมสรให้กลับมาแบกรับสถานการณ์นี้

หลังพาทีมบุกไปเยือน วูล์ฟส์ ในศึก พรีเมียร์ลีก เสาร์นี้ แลมพาร์ด จะต้องคุมทีมบุกไปต่อกรกับ เรอัล มาดริด ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแปดทีมนัดแรกในวันพุธซึ่งถือเป็นเกมมหาโหดอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐีลอนดอนเนื่องจาก ราชันชุดขาว เพิ่งโชว์ความแข็งแกร่งบุกไปเขี่ย บาร์เซโลน่า ตกรอบตัดเชือกถ้วย โกปา เดล  เรย์ ได้ด้วยสกอร์ที่ขาดลอย

ในฐานะทีมเยือน เป้าหมายของ เชลซี ย่อมอยู่ที่การหวังผลเสมอเป็นอย่างน้อยเพื่อกลับมาลุ้นคว้าผลลัพธ์ในบ้านซึ่งงานนี้เราจะได้เห็นกันว่า แลมพาร์ด จะมีทีเด็ดในการวางแท็คติกพาทีมคว้าสกอร์ที่น่าพอใจออกมาจาก ซานติอาโก้ เบร์นาเบว หรือไม่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เกมหน้าที่ลอนดอน แลมพาร์ด ก็ต้องเน้นหนักอีกเช่นกันโดยเฉพาะการล่ามโซ่ คาริม เบนเซม่า กับ วินิซิอุส ให้อยู่หมัดเพราะก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะถูกยำใหญ่ที่ คัมป์นู หมาดๆ ลิเวอร์พูล ก็โดน ราชันชุดขาว บุกไปถล่มจนหงายท้องคา แอนฟิลด์ มาแล้ว

3. กลับมาใช้งาน เมาท์ เป็นแกนหลัก


หลายเกมหลัง เมสัน เมาท์ หล่นไปเป็นตัวสำรองของ  เชลซี อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ทีมเมืองหลวงมีผลงานที่ดีขึ้นแต่อย่างใด

เท่าที่ผ่านมา ในช่วงที่เล่นได้อย่างท็อปฟอร์ม เมาท์ มีส่วนสำคัญในการพาทีม เชลซี คว้าผลลัพธ์ได้เสมอ และการกลับมาของเจ้านายคนสำคัญก็น่าจะทำให้เขาถูกเรียกใช้บริการอีกรอบ

ไม่เพียงทั้งสองจะเคยร่วมงานกันในทีม สิงห์บลูส์ เท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วช่วงที่ แลมพาร์ด เป็นกุนซือทีม ดาร์บี้ และยืมตัว เมาท์ ไปลงบู๊ให้กับ แกะเขาเหล็ก กระทั่งมีผลทำให้เขากลายมาเป็นสตาร์ดังระดับหัวแถวในเวลาต่อมา

ขณะเดียวกัน แลมพาร์ด อาจมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจถึงอนาคตการค้าแข้งของ เมาท์ ด้วยเนื่องจากเขาเหลือสัญญากับ เชลซี จนจบซีซั่นหน้า และยังไม่ได้ต่อสัญญาหลังหล่นมาเป็นตัวสำรองจนถูกลือกับ ลิเวอร์พูล ที่ต้องการสร้างแผงกลางขึ้นมาใหม่ในซีซั่นหน้า

4. ทำให้ ก็องเต้ ฟิตอยู่เสมอ


เป็นอีกรายที่ส่งผลกระทบให้ เชลซี มีผลงานที่ตกหล่นหลังประสบกับปัญหาบาดเจ็บ และไม่มีใครแทนที่เขาได้

ไม่ต่างอะไรกับ เมาท์ เนื่องจากหาก สิงห์บลูส์ มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อยู่ในทีม พวกเขามักเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และล่าสุดดาวเตะเฟรนช์แมนซึ่งเจ็บไปนานกลับมาลงสนามได้แล้วในเกมบู๊กับ ลิเวอร์พูล

ด้วยเหตุนี้ แลมพาร์ด จึงจำเป็นต้องประคบประหงมอดีตขุนพลทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ให้ดีเพื่อให้เขาฟิตเปรี๊ยะตลอดเวลา หาไม่แล้วหากกองกลางผิวสีล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกรอบ เชลซี อาจกู่ไม่กลับก็เป็นได้

5.  คืนความสุขให้กับสาวก สิงห์บลูส์


จนถึงวันนี้แล้ว กองเชียร์ เชลซี ยังตะโกนเรียกชื่อ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของคนเดิมกันอยู่เลยเนื่องจาก เสี่ยหมี ลงทุนสร้างความสำเร็จให้กับ เชลซี เอาไว้มาก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิงห์บลูส์ ไม่มีทางผงาดขึ้นมาเป็นทีมระดับแนวหน้าของประเทศได้แน่หากไม่ได้เจ้าสัวรัสเซียเข้ามาเทคโอเวอร์ และส่งผลให้ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนคว้าแชมป์เป็นว่าเล่น

จนในที่สุด การเมืองระดับชาติก็บีบให้ เชลซี เปลี่ยนตัวเจ้าของ แถม ท็อดด์ โบลีห์ เศรษฐีแยงกี้สร้างความหงุดหงิดให้กับแฟนบอลตามมาด้วยการปลด โธมัส ทูเคิ่ล แบบฟ้าผ่า และแทนที่เขาด้วยกุนซือเกรดต่ำกว่าอย่าง พ็อตเตอร์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขายังไม่พร้อมกุมบังเหียนทีมระดับท็อปทั้งๆที่ได้เงินเสริมทัพอย่างบ้าคลั่ง

ฉะนั้นแล้ว แลมพาร์ด จึงต้องพยายามสร้างความแฮปปี้ให้กับแฟนบอลให้ได้เพื่อให้พวกเขาส่งเสียงให้กำลังใจนักเตะแบบไม่กลัวคอแตกเพราะตราบที่กองเชียร์อยู่ข้างพ่อค้าแข้ง ตราบนั้นสโมสรก็น่าจะมีผลงานที่น่าพอใจมากกว่าถอยหลังลงคลอง


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport