เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ อาร์แซน เวนเกอร์ คือผู้จัดการทีมที่ขึ้นหิ้งเป็นตำนานของพรีเมียร์ลีกเหมือนกัน
แฟนบอลอาร์เซน่อลยังคงรักและเทิดทูนเวนเกอร์ เหมือนที่แฟนบอลยูไนเต็ดยกย่องและศรัทธาเฟอร์กี้ ความรู้สึกนี้แทบจะเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย มันคือ forever.. ตลอดไป ด้วยความยิ่งใหญ่ที่ทั้งคู่ต่างเข้ามาเสกให้กับสโมสร
เพียงแต่ในวันอำลาตำแหน่งของทั้งคู่นั้น.. ไม่เหมือนกัน เพราะในขณะที่เฟอร์กี้ร่ำลาทุกคนในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติที่เขาควรได้รับตลอดการอุทิศทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับสโมสร เวนเกอร์กลับถูกแฟนบอลบางส่วนขับไล่ ป้าย Wenger out ปรากฏไปทั่ว
เป็นวิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้นอย่างน่าตกใจ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแน่ว่าวันหนึ่งคนอย่างเขาจะถูกแฟนบอลอาร์เซน่อลทำแบบนั้นใส่
แน่นอนครับต่างคนต่างบทบาทและหน้าที่ เวลานั้นเวนเกอร์ยังเป็นผู้จัดการทีมของสโมสร เมื่อผลงานตกต่ำแฟนบอลย่อมสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เสียงบ่นเสียงด่าการรวมตัวขับไล่ในตอนนั้นคือการตอบสนองของเหล่ากูนเนอร์สที่รักในทีม อยากเห็นความเจริญรุ่งเรืองของทีม
การได้เห็นทีมที่เคยสร้างความสุขและภาคภูมิใจให้ครั้งแล้วครั้งเล่าต้องมากลายเป็นลูกไล่ของหลายทีมที่ตัวเองเคยบดขยี้ตามใจชอบคือสิ่งที่ยากจะรับได้
แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เวนเกอร์ ต่อให้ความสำเร็จเหล่านั้นเขาจะเป็นคนสร้างมันมาเองกับมือก็เถอะ
แต่เมื่อละครแห่งชีวิตจบลง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ครรลองของมัน เรื่องในสนามว่ากันต่อด้วยผู้จัดการทีมคนใหม่ ส่วนความยิ่งใหญ่ของเวนเกอร์ไม่มีใครลืม เกียรติของเขายังคงอยู่ ศักดิ์ศรีของเขาก็ยังคงมีตลอดไป แฟนบอลส่วนที่ด่าทอขับไล่รุนแรงเองนั่นแหละที่ก็ยังคงรักและเทิดทูนเขาเช่นเดิม
ไม่มีใครลบล้างสิ่งที่คุณเคยทำเอาไว้ได้หรอก ทุกคนรู้และโตพอที่จะเข้าใจมัน เสียงปรบมือต้อนรับและอ้อมกอดอันอบอุ่นจะรอเขาอยู่เสมอทุกวันเวลาที่กลับไปเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เพียงแต่สำหรับหลายคนแล้วมันก็ทำใจลำบากจริงๆ กับสิ่งที่เวนเกอร์ต้องเจอก่อนก้าวลงจากตำแหน่ง
ผมคิดถึงเฟอร์กี้กับเวนเกอร์ขึ้นมาก็เพราะสถานการณ์ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงเปิดฤดูกาลอันกระท่อนกระแท่น
สุดท้ายแล้วผลการแข่งขันและผลงานในสนามเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะร่ำลากันอย่างไร เฟอร์กี้ลาแฟนปีศาจแดงด้วยแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 แต่เวนเกอร์จากแฟนปืนใหญ่ด้วยการไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมา 14 ปีและเกมที่น่าผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
กับคล็อปป์แล้วรูปปั้นหน้าแอนฟิลด์รออยู่ในวันข้างหน้า เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัย เขาจะอยู่ตรงนั้นอย่างถาวรให้ทุกคนได้ชื่นชมและบอกเล่าให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ฟังว่าผู้จัดการทีมชาวเยอรมันคนนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรอย่างไร และยิ่งใหญ่เพียงใด
ได้บอกเล่าให้แฟนบอลรุ่นหลังได้รู้ว่าเขาคนนี้เป็นที่รักแค่ไหนที่นี่
แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็ยังอยากให้เราร่ำลากันในภาพที่ดีที่สุด.. ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ
จำได้ว่าเคยเขียนถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ผมขึ้นต้นบทความนั้นว่า
"ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าที่เราไม่ได้เป็นผู้ชนะ คุณจะยังรักผมอยู่ไหม.."
มันไม่ใช่คำพูดตรงๆ ของคล็อปป์หรอกครับ แต่มันเกิดจากบทสัมภาษณ์ของเขาที่บอกเราชัดเจนว่าเขาเข้าใจสัจธรรมของโลกนี้ดีเพียงใด
เพียงแค่วันเดียวหลังพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ข้อความที่หลั่งไหลทะลักล้นจากแฟนบอลเป็นไปในแบบที่เรารู้ดีว่ามันจะต้องมีขึ้นแน่ๆ
อยู่กับเราตลอดไปเถอะ.. เซ็นสัญญาคุมทีมตลอดชีวิตเถอะนะเจอร์เก้น.. เรารักคุณ อยู่กับเราไปนานๆ ตลอดชีวิตเลยได้ไหม
แต่คำตอบของเขามันก็แค่ง่ายๆ เขาผ่านโลกมามากพอที่จะรู้ดีว่าไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน
"ไม่หรอก.. ผมคงไม่เซ็นสัญญาคุมทีมตลอดชีวิตได้หรอกเพราะมันจะต้องมีช่วงเวลาที่พวกคุณไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไป"
เป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่ความลึกซึ้งของมันนั้นเกินหยั่ง อย่าเพิ่งมั่นใจเลยว่าคุณจะรักใครได้ตลอดไป อย่าเพิ่งเชื่อเลยว่าคุณพร้อมจะเอาความหวังทั้งหมดของคุณไปฝากไว้กับใครเพียงคนเดียวและหวังว่าเขาจะดูแลมันได้ดีชั่วกาลปาวสาน
อย่าเพิ่งเชื่อเลยว่าความรักดื่มด่ำในวันนี้จะสดชื่นอย่างนั้นชั่วนิรันดร์ แม้กระทั่งในความดีใจของเดอะค็อปที่มีขึ้นในวันที่เขาต่อสัญญาออกไปอีกสองปีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
"มันจะต้องมีช่วงเวลาที่พวกคุณไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไป" นี่คือคำพูดที่เป็นจริงที่สุด
เพียงแต่..
เพียงแต่มันก็อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคนเหมือนกัน..
ในกลุ่มแฟนบอลอาร์เซน่อลวันนั้นก็คงมีอีกมากที่ไม่สบายใจกับภาพการขับไล่ที่เห็น พวกเขาไม่เคยหมดรัก อาร์แซน เวนเกอร์ แม้ผลงานของทีมที่พวกเขารักจะไร้ซึ่งวี่แววที่จะกลับมายิ่งใหญ่
คนที่ยังคงศรัทธาเขาตลอดไป ไม่ว่ายามทำหน้าที่ตรงหน้าจะกำลังเผชิญกับอะไร
คนที่พร้อมจะตกต่ำไปด้วยกัน ยึดมั่นและเชื่อใจกันให้ถึงที่สุด จะไปจบที่ตรงไหนก็ตรงนั้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
ผมมั่นใจว่ามี.. ไม่ใช่ไม่มีเลย
กับคล็อปป์ก็เช่นกัน สิ่งที่เขาพูดคือความเป็นจริงของชีวิต ไม่มีใครเป็นที่รักได้ตลอดไปหรอก แต่คงต้องใส่วงเล็บเอาไว้ว่า (สำหรับทุกคน)
ไม่มีใครเป็นที่รัก (สำหรับทุกคน) ได้ตลอดไปหรอก..
ผมไม่รู้หรอกครับว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ลองนึกภาพที่เลวร้ายที่สุด คล็อปป์ทำลิเวอร์พูลต้องมาหนีตกชั้นหรือแค่ป้วนเปี้ยนอยู่กลางตาราง.. จะเกิดความโกลาหลอะไรขึ้นบ้าง
ผมคิดว่าถึงตรงนั้นก็ยังจะมีแฟนบอลที่แยกกันเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ยังคงสนับสนุนเขาในทุกกรณี กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่เฉยๆ แค่สังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น และกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงในทันทีเรียกร้องให้เขาออกไปซึ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่แน่นอนครับ หลังจากที่เขาแยกทางกับสโมสรแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แฟนบอลลิเวอร์พูลทั้งสามกลุ่มก็จะยังคงเทิดทูนเขาเป็นตำนานผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร ด้วยสถานะตำนานแห่งแอนฟิลด์ของคล็อปป์นั้นน่าจะอยู่ในระดับที่แตะต้องไม่ได้แล้ว
ยิ่งสูง.. ยิ่งหนาว คำพูดนี้จริงเหลือเกินนะครับ
รางวัลแห่งความสำเร็จมีราคาแพงเสมอ คล็อปป์พาลิเวอร์พูลทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่มันแลกมาด้วยความรับผิดชอบที่เขาต้องรักษาสถานภาพเบอร์หนึ่งนั้นให้กับทีมตลอดไปให้ได้
ความอดทนของแฟนบอลที่เคยมีสูงก็กลับต่ำลง จากที่เคยแพ้แล้วเข้าใจกลับกลายเป็นแพ้ไม่ได้ ทุกความปราชัยจะต้องมีคนผิด ต้องมีใครรับผิดชอบ การเคยเป็นที่หนึ่งแล้วไม่สามารถเป็นมันได้อีกคือเรื่องน่าอับอาย จากที่เคยชนะแล้วกลับพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่น่าขายหน้า
ความสำเร็จในบางครั้งก็น่ากลัว เพราะมันแลกมาด้วยความคาดหวังจากผู้คน พวกเขาหวังให้คุณต้องอยู่ตรงนั้นตลอดกาล
ก็นั่นล่ะครับ ต่างคนต่างบทบาท ทำหน้าที่ของตัวเองกันไป ผู้จัดการทีมทุกคนเข้าใจในความเสี่ยงข้อนี้ดี
ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าที่เราไม่ได้เป็นผู้ชนะ คุณจะยังรักผมอยู่ไหม..
คำตอบของคำถามนี้ยังคงล่องลอยอยู่ในสายลม
เจอร์เก้น คล็อปป์.. ในวันที่เราร่ำลากัน มันจะเป็นอารมณ์แบบไหนกันนะ
ตังกุย