ก่อนเกมก็คงมีความหวังกันทั้งสองฝั่งในบิ๊กแมตช์ บิ๊กแมตช์ในความเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล
บิ๊กแมตช์ในเดิมพันที่ต้อง "ชนะ" เพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกัน ลุ้นแชมป์และลุ้นพื้นที่ ช.ป.ล
หลังเบรกฟีฟ่า กลับมาไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบมากนัก เพราะนักเตะต่างก็รับใช้ทีมชาติ เพียงแต่ เจ้าบ้านเรือใบขาด เออร์ลิง ฮาลันด์ ไม่ผ่านทดสอบความฟิต ส่วน ฟิล โฟเด้น ผ่าตัดไส้ติ่งพักไปเดือนนี้เต็มๆ แม้ขาดอาวุธหนักเกมรุกแต่รูปแบบ แมนฯซิตี้ ยังคงมีอยู่ ส่วนลิเวอร์พูลมีข่าวดีที่ หลุยส์ ดิอาส ซ้อมแล้ว แต่ยังเร็วไปที่จะลง ตัวเจ็บอื่นๆก็ไม่มีผลกระทบกับตัวจริง
เกิดอะไรขึ้นที่เอติฮัด
1 ระบบ 3-4-3 ของ เป๊ป คอนโทรลเกม
อาคานจี, ดิอาส และ อาเก คือสามเซนเตอร์ ส่วน จอห์น สโตนส์ ไปเล่นกลางรับคู่กับ โรดริโก้ ส่วนด้านข้างใช้ เดอ บรอยน์ กับ กุนโดกัน คุมพื้นที่ด้านข้าง ไม่เชิงวิงแบ๊กโดยหน้าสามคน กรีลิช, อัลบาเรซ ตัวเป้า และ มาห์เรซ นีคือรูปแบบที่ไม่มีวิงแบ๊กและแบ๊กอาชีพ เพียงแต่จังหวะตั้งรับทีมเป๊ป จะถอนลงมาเร็วเป็นแบ๊กโฟร์ ได้ เพราะ อาคานจี ออกมาเป็นแบ๊กขวา ดร็อป สโตนส์ หรือ โรดริโก้ มายืนคู่กับ ดิอาส ได้ แต่ไม่บ่อยเพราะเด็กหงส์ไม่ค่อยได้บุก
เกมส่วนใหญ่เป็นของแมนฯซิตี้ ระดับ 70% ครองบอล
2 เป๊ป โจมตี "แบ๊กสองฝั่ง" ทีม JK
รูปแบบ 4-3-3 เหมือนเดิม นักเตะชุดตัวหลักไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพียงแต่การป้องกันดูไม่มีอะไรรัดกุม ในหลายๆจังหวะ โดยเฉพาะจังหวะการเสียประตู ตั้งแต่ 1-1 รอบโบ พลาดหลังตำแหน่ง วิ่งไปจะแย่งบอล เดอ บรอยน์ ทั้งที่ มาห์เรซ ยืนริมเส้น พอทิ้งตำแหน่ง ไม่ยืนเชฟกองหลัง ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ เดอ บรอยน์ แทงบอลให้ มาห์เรซ ที่ว่าง แล้วพาบอลทะลุไปเป็นช่องจากขวาไปซ้าย บอลส่งถึง กรีลิช ที่ว่างแล้วปาดเข้ากลางให้ อัลบาเรซ แท็ปอินง่ายๆ จังหวะนั้น คล็อปป์ หันไปคุยกับ เป๊ป ไลน์เดอร์ส ผู้ช่วย และออกอาการโวยลูกทีมที่เสียลูกนี้
ประตู 2-1 เกิดขึ้นเร็วหลังเขี่ยบอลไม่ถึงนาที จังหวะเทรนต์ ไปเพรสแดนบน ทิ้งตำแหน่งตัวเอง แล้วโดนตลบหลังมาทางฝั่ง เทรนต์ ก่อนโล่งโจ้งเลย เพราะขึ้นเพรสแดนบนหลังยืนสูง บอลถูกวางไปที่ มาห์เรซ ทางขวา วิ่งมาโล่งๆ ก่อนปาดให้ เดอ บรอยน์ แปง่ายๆ
ประตู 3-1 นักเตะลิเวอร์พูล เหมือน "กรวย" จราจรครับ ซิตี้ เล่นกันสองคนในเขตโทษ ฝ่านักเตะลิเวอร์พูล4 คน ไหลมาเป็นทาง ก่อนโดน กุนโดกัน ซ้ำง่ายๆ น.54
การเสียประตูทั้ง 3 ลูกมาจากพื้นที่ฝั่ง รอบโบ้ และ เทรนต์ อย่างชัดเจน
3 แผนสวนกลับหงส์ไม่เวิร์ค
เกมนี้ภาพชัดเมื่อทีมเจเค เน้นการตั้งรับในแดนแล้วรอสวนกลับ ซึ่งได้ผลจากการได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ก่อน จังหวะบิลด์ อัพ ขึ้นมาแล้ว แมนฯซิตี้ เพรสไม่จน เทรนต์ เปิดให้ โชต้า หลุดครึ่งสนาม แต่จังหวะสุดท้ายทำอะไรไม่ได้โดน อาคานจี เบียดแย่งบอล แต่ยังขืนบังบอลแปะให้ ซาลาห์ วิ่งเข้ามายิงยอดเยี่ยม แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูลสวนกลับแบบนับครั้งได้ หลายครั้งตัดบอลได้แต่สวนไม่ได้ ผู้เล่นเป๊ป รุมเข้ามาบังทางและจี้ จนออกบอลไม่ได้
ถือว่า เป๊ป วางแผนมาปิดกั้นจังหวะสวนกลับด้วย เพราะทีมของเขาเน้นเกมรุกเป็นหลัก ครองบอลเข้าโจมตี เมื่อมีการเสียบอลต้องเบรกการสวนกลับของหงส์แดง ซึ่งพวกเขาทำได้ดี
ปิดเส้นทางเล่นเกมสวนกลับของหงส์แดงลงได้อย่างสิ้นเชิง
4 นักเตะหงส์คือ "กรวย" จราจร
เหมือนแมนฯซิตี ซ้อมการขึ้นบอลเล่นเกมรุก โดยนักเตะหงส์เหมือนยืนเป็นหลักไว้เฉยๆ ไม่ได้แย่งบอล ประกบ หรืออะไรเลย เหมือนส่งบอลกันข้างเดียวทั้ง 3-4 ลูก
นักเตะแมนฯซิตี้ ผ่านบอลกันเท้าต่อเท้า แล้วเข้าไปยิง อย่างลูก 4 ที่ กรีลิช ยิงง่ายๆ นั้นก็รับส่งบอลกันตั้งแต่แดนหลังของตัวเอง ก่อนสวิทช์ข้ามฟากมาให้ กรีลิช ก่อนไหลให้ เดอ บรอยน์ ถึงเส้นหลัง ตวัด คัตแบ๊ก มาให้ กรีลิช ที่ให้บอลแล้ววิ่ง เติมเข้าเขตโทษ แปง่ายๆ
นักเตะหงส์แดง หายไปไหนหมด....กระทั่ง ฟานไดจ์ ยังถอยไปจนไปยืนทับตำแหน่งกับ เบ็คเกอร์เลย
ปีนี้คือปีที่เกมรับของ คลอปป์ แย่ที่สุดนับจากการคุมทีมมา
โดนยิงนัดละ 3-4 ลูกกี่นัดแล้วละ 5-6 นัดได้ละมั้ง
บอลแพ้ขาดแบบนี้เพราะอะไรกัน
คำตอบอยู่ในสนามง่ายๆเลย ภาพมันฟ้อง
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากโดนทีมคุณภาพอย่าง แมนฯซิตี้ จัดการสั่งสอน ด้วยฟุตบอลที่เหนือกว่า ถือว่าเป็นการแพ้แบบหมดรูปอย่างแท้จริง
ด้วยความเข้าใจที่ยังคงอยู่คือทีมชุดนี้กำลังสร้างใหม่ก็จริง แต่ถ้าเอาแมนฯซิตี้ เป็นมาตรวัดแล้วละก้อ
ดูแล้วคงใช้เวลาสร้างทีมนานเหมือนกันหากจะกลับมาลุ้นแชมป์ใหญ่อีก...นะครับเนี่ย
JACKIE