อนาคตของ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นที่จับตามองอย่างมาก หลังจากที่เขาแยกทางกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่งานนี้บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เขาจะได้รับงานกับสโมสรชั้นนำ
กุนซือชาวอิตาเลียน สร้างรอยร้าวขนาดใหญ่ภายในทัพ "ไก่เดือยทอง" จากการให้สัมภาษณ์ตำหนิลูกทีมอย่างรุนแรง หลังจบเกมที่เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-3 ทั้งๆ ที่ทีมของเขามีสกอร์นำ "นักบุญ" 3-1 แท้ๆ
สำหรับประเด็นในเรื่องนี้นำไปสู่ความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อผู้เล่นสเปอร์ส และมีรายงานออกมาตลอดว่าพวกเขาไม่ต้องการร่วมงานกับ อดีตนายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส อีกต่อไป
ในที่สุดหลังจากที่บอร์ดบริหารได้เคลียร์เรื่องต่างๆ อย่างเปิดอกกับ คอนเต้ เรียบร้อยแล้ว ทำให้ได้บทสรุปว่าพวกเขาคงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อีกต่อไป และนำไปสู่การยุติสัญญากันอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์และความสำเร็จคงไม่ใช่เรื่องยากที่ คอนเต้ จะหางานใหม่ แต่ด้วยพฤติกรรมและความต้องการของเขา อาจจะเป็นปัญหาทำให้ทีมชั้นนำในยุโรปต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เนื่องจากการได้เข้ามาร่วมทัพมันอาจมีทั้งดีและร้าย
ฉะนั้นจากการวิเคราะห์แล้วมี 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ กุนซือชาวเมืองพาสต้า ต้องพบกับความยากลำบากในการหางานใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะงานกับทีมยักษ์ใหญ่บนแผ่นดินยุโรป
1. ตรงไปตรงมาในงานแถลงข่าว
การเป็นคนตรงและซื่อสัตย์เป็นเรื่องดี แต่สำหรับ อันโตนิโอ คอนเต้ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ตรงเกินไปจนไม่รู้จักระงับความรู้สึก และไม่กลัวที่จะพูดคำหยาบคายใส่ใครก็ได้แม้แต่ลูกทีมตัวเอง !
นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการแสดงความเห็นอย่างรุนแรงใส่ลูกทีมและบอร์ดบริหารที่เขาเคยกุมบังเหียนมาแล้วหลายครั้งหลายหน จนทำเอาภายในทีมต้องเกิดรอยร้าวจนยากจะประสาน
คอนเต้ เคยอำลา บารี่, ยูเวนตุส, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และอีกหลายทีมในช่วงที่ผ่านมา ส่วน สเปอร์ส คือทีมล่าสุดที่โดนพิษผรุสวาทในงานแถลงข่าวจนกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาว่างงานในตอนนี้
2. ผลงานบนเวทียุโรปไม่ค่อยดี
แม้ว่า คอนเต้ จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 5 ครั้งร่วมกับ ยูเวนตุส (กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย), เชลซี (พรีเมียร์ลีก 1 สมัย) และ อินเตอร์ มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา 1 สมัย) แต่สถิติในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก น่าผิดหวังสุดๆ
ครั้งสุดท้ายที่ นายใหญ่เลือดพาสต้า นำทีมคว้าชัยชนะในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เกิดขึ้นในรอบน็อกเอาต์เมื่อปี 2013 เมื่อเขานำทัพ "ม้าลาย" ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกถ้วยใบโตยุโรป
ขณะเดียวกัน คอนเต้ เคยพา อินเตอร์ มิลาน ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2019/2020 แต่สุดท้ายโดน เซบีย่า เจ้าพ่อบอลถ้วยรายการนี้เฉือนชนะ 2-3
3. เน้นเสริมทัพมากกว่าปั้นนักเตะ
สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องเด่นของ คอนเต้ ก็คือการที่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องการเสริมทัพในตลาดซื้อขายนักเตะตอนซัมเมอร์ และเดือนมกราคม นั่นทำให้เขามักจะมีปัญหากับบอร์ดบริหารสโมสรต่างๆ ที่เคยร่วมงานด้วย
"สกาย สปอร์ตส์" สื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า คอนเต้ ใช้เงินเสริมทัพไปถึง 192 ล้านปอนด์ (ราว 8,064 ล้านบาท) ในช่วงระยะเวลา 14 เดือนที่ทำงานในถิ่นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม
เม็ดเงินจำนวนดังกล่าวถือว่าสูงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์การเสริมทัพภายในตลาดซื้อขายนักเตะเดียวของสโมสร ฉะนั้น คอนเต้ ไม่ใช่คนที่จะเข้ามาบริหารจัดการทีมในช่วงเปลี่ยนผ่าน หรือทีมที่ไม่มีเงินให้ชอปปิ้ง
4. ค่าเหนื่อยแพงระยับ
เป็นเรื่องธรรมดาที่โค้ชมีดีกรีโดยเฉพาะคนที่เคยประสบความสำเร็จย่อมที่จะได้รับค่าจ้างสูงมาก แต่ในกรณีของ นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ต้องบอกเลยว่าเขาได้รับค่าตอบแทนสูงลิบจริงๆ
ก่อนหน้านี้ "อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด" สื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า คอนเต้ ได้รับค่าตอบแทนจำนวน 15 ล้านปอนด์ (ราว 630 ล้านบาท) ต่อปีกับ สเปอร์ส ซึ่งต้องบอกว่าสูงมากเมื่อเทียบกับผลงานของเขากับสโมสร !
สำหรับค่าแรงของ คอนเต้ ถือว่าสูงเป็นอันดับ 3 ในลีกเมืองผู้ดีเป็นรองแค่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล แต่ความสำเร็จต่างกันราวฟ้ากับเหว
5. อยู่ที่ไหนได้ไม่นาน
การทำงานของ คอนเต้ ได้รับการยกย่องว่าเฉียบขาด และเด็ดเดี่ยว โดยเขาแสดงให้เห็นมาแล้วกับทุกๆ ทีมที่เคยร่วมงาน โดยเฉพาะกับสโมสรชั้นนำในอิตาลี แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะเป็นข้อเสียของเจ้าตัวก็คือการที่ไม่ชอบทำงานต่างแดนนานๆ
ตำนานกองกลาง ยูเวนตุส และทีมชาติอิตาลี มักจะมีปัญหาเรื่องอาการ "โฮมซิก" หรือ "โรคคิดถึงบ้าน" ในช่วงระหว่างที่เขาทำงานให้กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี
ฉะนั้นหากบรรดาทีมชั้นนำต่างแดนสนใจอยากได้ คอนเต้ ไปทำงาน คงต้องคิดหนักในกรณีนี้เช่นกัน เพราะอยู่ดีๆ เจ้าตัวเกิดอาการโฮมซิก และเก็บเสื้อผ้าหนีกลับบ้านเฉยเลยก็ได้
ทอมเม้ง