ข้อเสนอยั่วใจแฟนผี!เศรษฐีฟินน์โผล่แจมเทคโอเวอร์ แมนยู

แมนฯ ยูไนเต็ด ในกำมือของตระกูล เกลเซอร์ ถูกประกาศขายสโมสรมาตั้งแต่เดือนพ.ย.แล้ว แต่กระบวนการต่างๆยังไม่ลุล่วงโดยล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่าสองตัวเต็งทั้ง ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด บิน อัล ธานี แห่ง กาตาร์ และ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ มหาเศรษฐี อังกฤษ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอก่อนพ้นเส้นตายในเวลาสามทุ่มตรงของเมืองผู้ดีเมื่อคืนวันพุธที่ 22 มี.ค. และร้องขอให้เลื่อนเดดไลน์ออกไปซึ่งได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี สื่ออิงลิชเผยว่านักธุรกิจตัวเต็งทั้งสองรายน่าจะเสนอเม็ดเงินที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นจำนวน 5 พันล้านปอนด์ซึ่งจะทำให้ ผีแดง เป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่าการซื้อขายแพงที่สุดในโลก แต่อาจทำให้ตระกูล เกลเซอร์ บอกปัดก็เป็นได้เนื่องจากนักธุรกิจชาวอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของทีมดังของ พรีเมียร์ลีก มาตั้งแต่ปี 2005 ตั้งราคาขายเอาไว้ที่หลัก 6 พันล้านปอนด์

ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดมีการตีแผ่ออกมาว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้รับความสนใจจาก ชีคห์ ยาสซิม กับ เซอร์ แรทคลิฟฟ์ เท่านั้นเนื่องจาก ซิลลิคุส ประธาน โนวาเอ็ม กรุ๊ป สื่อสังคมออนไลน์ได้ร่วมยื่นข้อเสนอเช่นกัน แถมเศรษฐีชาว ฟินแลนด์ น่าจะเป็นตัวเลือกที่แฟนบอล ผีแดง แอบเอาใจช่วยอยู่ลึกๆด้วยเนื่องจากเขาระบุว่าขอซื้อสโมสรในสัดส่วน 50% ขณะที่อีก 50% ที่เหลือเขาจะมอบให้แฟนบอลเป็นผู้ถือหุ้น ผิดกับสองตัวเต็งที่ต่างก็ต้องการเทคโอเวอร์สโมสรแบบเต็มร้อย

"ราคาโดยประเมินของสโมสรในปัจจุบันไม่เกิน 3.9 พันล้านดอลลาร์ (3.17 พันล้านปอนด์) มันหมายความว่าหากแฟนบอลทุกคนมีส่วนร่วมซื้อสโมสร มันก็จะตกเป็นเงินคนละไม่เกิน 3 ดอลลาร์ (จากจำนวนแฟนบอล 650 ล้านคน)  ข้อเสนอของผมตั้งอยู่บนพื้นฐานความเสมอภาคของแฟนบอล" ซิลลิคุส วัย 69 ปีซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ใน สิงคโปร์ อธิบาย

"หากแฟนบอลทุกคนเข้าร่วม ทุกคนจะมีแอปติดต่อกันทั่วโลกเอาไว้ออกเสียงโหวตเพื่อตัดสินใจการก้าวเดินของสโมสร มันจะไม่มีการตัดสินใจหากไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของแฟนบอล"

"แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สมควรเป็นแค่สโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่พวกเขาสมควรเป็นสโมสรผู้นำการยุติการเหยียดผิว และการใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังกันในโซเชี่ยลมีเดีย"

"หากเราประสบความสำเร็จในการเทคโอเวอร์ เรามั่นใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกในแง่ของการเป็นรากฐานแห่งความเคารพ ความเสมอภาค เกียรติภูมิ ความหลากหลาย และประชาธิปไตยเนื่องจากแฟนบอลทั่วโลกจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ"

สำหรับ ซิลลิคุส ซึ่งเริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งกับ โนเกีย บริษัทโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ของประเทศก่อนผละออกมาเมื่อปี 1993 เป็นอดีตประธานสโมสร เอชเจเค แชมป์ลีก ฟินแลนด์ 23 สมัย และเป็นเจ้าของทีม โยเคริต แชมป์ฮ็อกกี้น้ำแข็งของประเทศหกสมัย