นักฟุตบอลอาชีพหลายคนค้นพบตัวตนใหม่จนประสบความสำเร็จบนอาชีพการเล่น
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จากปีกขวา สู่กองกลางตัวรับ, อันเดรีย ปีร์โล่ จากผู้เล่นหมายเลข 10 คอยปั้นเกมหลังกองหน้า สู่มิดฟิลด์หน้าแผงแนวรับคอยทำเกมจากแนวลึก, แกเร็ธ เบล จาก แบ็กซ้าย สู่การแจ้งเกิดในบทบาทปีกซ้าย หรือ เธียร์รี่ อองรี จากปีกใช้ความเร็ว สู่ดาวยิงจอมถล่มประตู
นอกจาก 4 คนที่ว่ามา ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ได้หยิบยก แต่สำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล หนึ่งในผู้เล่นที่พวกเขานึกถึงคนแรก ๆ คือ ลูคัส เลว่า
สมัย ลูคัส ย้ายสำมะโนครัวมาเล่นที่ประเทศอังกฤษ แรก ๆ เด็กหนุ่มผมยาวสลวยมาพร้อมกับความคาดหวังในการเป็นซูเปอร์สตาร์
ลูคัส พกดีกรีผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่คว้ารางวัลโกลเด้น บอล แห่งทวีปอเมริกาใต้ โดยเจ้าของรางวัลนี้คนก่อน ๆ ต่างประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพในเวลาต่อมาทั้ง ซิโก้, ฟัลเกา, กาเรช่า, โรมาริโอ, กาก้า และ คาร์ลอส เตเบซ
ซึ่งบทบาท ณ ตอนนั้นที่ ลูคัส ได้รับการจับตามองคือการเป็นเพลย์เมคเกอร์สร้างสรรค์เกม แต่ถึงกระนั้น เมื่อถึงวันสุดท้ายของการเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาถูกจดจำในฐานะกองกลางตัวรับ
ไม่เพียงแค่การเปลี่ยนตำแหน่งที่ทำให้ ลูคัส ต่อยอดบนเส้นทางอาชีพได้ สิ่งหนึ่งที่เขาทำแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมาคือการเปลี่ยนเสียงโห่เป็นพลัง
ในโลกปัจจุบัน คนมีชื่อเสียงไม่ว่าดารา, นักกีฬา ฯลฯ ต่างเจอเสียงวิจารณ์เชิงลบได้แทบทุกวันบนโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค
บางคนผ่านมันไปได้ แต่บางคนก็จมดิ่งกับเสียงเหล่านั้นจนชีวิตหักเหไปบ้างก็มี
ท่ามกลางขุนพลมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ในเวลานั้นอุดมไปด้วยแข้งชั้นเลิศ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เอย ชาบี อลอนโซ่ เอย ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เอย มันไม่ง่ายเลยสำหรับ ลูคัส ที่จะสอดแทรกขึ้นมาเป็นกำลังหลัก
ความท้าทายเกิดขึ้นทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่รั้ว แอนฟิลด์ และจุดตกต่ำที่สุดเท่าที่เด็กหนุ่มวัย 20 ปีในตอนนั้นจะเผชิญได้ คือเสียงโห่จากกองเชียร์ทีมที่เขารับใช้ในเกมเสมอ ฟูแล่ม 0-0 ปี 2008
"เกมกับ ฟูแล่ม เป็นโมเมนต์ที่แย่ที่สุดเลย เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นแบบนี้กับผม แต่มันกลายเป็นประสบการณ์ที่ผมต้องเรียนรู้" คำสัมภาษณ์ของ ลูคัส กับ อินเดเพนเดนท์ ตอนหนึ่งปีให้หลังจากเหตุการณ์นั้น
"บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นอีกก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ผมมีประสบการณ์แล้วล่ะ คุณต้องเข้าอกเข้าใจแฟนบอลด้วย พวกเขาคาดหวังเห็น ชาบี อลอนโซ่ ลงเล่น ซึ่งเขานั่งเป็นตัวสำรอง"
"รูปเกมไม่ได้ดีนักหรอก เราเล่นกันไม่ดีเลย ผมเลยเข้าใจนะ การที่จะเล่นให้ดีได้นั้นทางเดียวคือคุณต้องเปลี่ยนแปลงมัน"
เข็มนาฬิกาเดินไม่หยุดฉันใด ลูคัส เลว่า ก็ไม่หยุดพัฒนาตัวเองฉันนั้น
เขากลายเป็นผู้เล่นที่ทีมแทบจะขาดไม่ได้ในบทบาทผู้เล่นผึ้งงาน ตัดเกม ไล่บี้คู่แข่ง วิ่งไม่หยุดจนกว่าสิ้นเสียงนกหวีด สิ่งเหล่านั้นพาให้เขาชนะใจชาวเดอะ ค็อป ได้ในที่สุด
ลูคัส ได้รับการเลือกให้เป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล ยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล 2010/11โดยลงสนามเกม พรีเมียร์ลีก ไปทั้งสิ้น 33 นัด ซึ่งที่จริงเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมมาตั้งแต่ซีซั่น 2009/10 แล้วล่ะ
จาก ราฟา เบนิเตซ สู่ เจอร์เก้น คล็อปป์ 10 ปีที่ผ่านไป กุนซือเลือดด๊อยช์ท คือเจ้านายคนที่ 5 ของเขาที่ ลิเวอร์พูล
ในระยะเวลาสั้น ๆ ราว 3 ปีกับ คล็อปป์ นับเป็นห้วงสุดท้ายของ ลูคัส กับการเล่นที่นี่ แต่เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่ไม่ว่าโค้ชจะสั่งการอย่างไร เขาก็พร้อมเสมอ ไม่เกี่ยงว่าจะเล่นมิดฟิลด์หรือปราการหลังตัวกลาง
จนถึง 21 พฤษภาคม 2017 ซึ่งเป็นวันที่จะอยู่ในความทรงจำของ ลูคัส ไปอีกนานแสนนาน
มันไม่เพียงแต่เป็นเกมสุดท้ายของเขากับ ลิเวอร์พูล แต่เป็นเกมที่ "หงส์แดง" ต้องชนะ มิดเดิ้ลสโบรซ์ ให้ได้เพื่อคว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก
จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม เบิกสกอร์แรก ตามด้วย อดัม ลัลลาน่า และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
ชัยชนะ 3 ต่อ 0 วันนั้นเป็นการเริ่มต้นบางสิ่งอันแสนพิเศษของ ลิเวอร์พูล ภายใต้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในอีกหลาย ๆ ปีต่อมา แล้วก็เป็นทางแยกระหว่าง ลูคัส กับ ลิเวอร์พูล
การตัดสินใจอำลา ลิเวอร์พูล เมื่อ 5 ปีก่อนคือการออกจากคอมฟอร์ท โซนตัวเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่เขาตัดสินใจในการทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
"เมื่อคุณรักสโมสร และเมืองเมืองใด มากพอเท่ากับที่ผมรัก ลิเวอร์พูล นั่นเป็นไม่ใช่การตัดสินที่ง่ายเลย สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับผมที่จะทำได้คือการอยู่ที่นี่ให้นานตราบเท่าที่ผมจะทำได้ แม้ว่าผมจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เล่นมากนัก แต่มันก็ขัดกับความเชื่อทุกอย่างในฐานะนักฟุตบอล และในฐานะคู่แข่ง"
"ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงเลือกย้ายไป ลาซิโอ ซึ่งหมายความว่าผมเสียใจที่ต้องจาก ลิเวอร์พูล ซึ่งก็มาพร้อมกับความตื่นเต้นที่ผมจะเป็นนักเตะของหนึ่งในสโมสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน อิตาลี"
"ก่อนที่ผมจะได้โอกาสไป อิตาลี ผมพูดคุยกับ คล็อปป์ ซึ่งแนวทางที่เขาทำก็ทำให้เห็นอีกครั้งว่าเขาให้ความเคารพต่อผู้เล่นมากแค่ไหน"
"สโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล และกองเชียร์ จะเป็นที่ที่พิเศษเสมอในหัวใจของผม และเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งบุคลิก, ความมีเกียรติ, ศักดิ์ศรี ของผู้คนในเมืองนี้จะอยู่กับผมตลอดไป"
สิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำความเป็นที่รักของกองเชียร์ ลิเวอร์พูล ที่มีต่อตัว ลูคัส นั้น คือหนึ่งปีให้หลังจากการเล่นกับ ลาซิโอ เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ "อินทรีฟ้าขาว" ด้วยคะแนน 71% และปีต่อมาเขาก็ได้รับรางวัลนี้อีกหนด้วยพลังโหวตถึง 88%
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รับเสียงท่วมท้นขนาดนั้น ก็เพราะมาจากเสียงโหวตจากเหล่าเดอะ ค็อป ที่ช่วยระดมพาให้เขาคว้ารางวัลนั้นไปครอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนธันวาคม ปีก่อน ช่วงปรีซีซั่นกับ เกรมิโอ สโมสรแรกเริ่มอาชีพที่เขาหวนกลับมารับใช้ในช่วงบั้นปลาย ลูคัส ถูกตรวจพบว่ามีปัญหาด้านหัวใจระหว่างการทดสอบร่างกาย
คำแนะนำจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกให้เขาหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมรรถนะร่างกายสูง เพราะมันจะอันตรายต่อสุขภาพของเขาเอง
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ลูคัส จึงเลือกปิดฉากอาชีพนักฟุตบอลในวัย 36 ปี
"มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้กับเรื่องนี้" เขากล่าว
ลูคัส พูดย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น และขอบคุณอาชีพนี้ที่สร้างตัวตนเขาขึ้นมา
"ผมทำได้แค่ขอบคุณเท่านั้น ผมได้เลิกเล่นในที่ที่ผมชื่นชอบแต่ไม่ใช่แบบที่ใจต้องการ"
"ในปี 2007 ผมได้ย้ายไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมตลอด 10 ปี มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ผมได้พูดว่าวันนี้ ลิเวอร์พูล คือบ้านของผม ผมภูมิใจที่ได้เป็นพลเมืองของอังกฤษและครอบครัวของผมด้วย ผมเป็น สเกาเซอร์!"
ภายหลังการยืนยันแขวนสตั๊ดของ ลูคัส มีอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนต่างโพสต์ข้อความอันจริงใจถึงชายคนนี้บนสื่อโซเชี่ยล มีเดียของแต่ละคน ไม่ว่าจะ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช, หลุยส์ ซัวเรซ, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
เช่นเดียวกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ได้โพสต์ภาพ ลูคัส ในไอจีสตอรี่พร้อมกับอิโมจิรูปหัวใจ
แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ ลูคัส เคยทำให้ สตีวี่ จี เมื่อปี 2015 ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่แพ้ สโต๊ค ซิตี้ 1-6 ในเกมสุดท้ายของ เจอร์ราร์ด กับ ลิเวอร์พูล
เจอร์ราร์ด ย้อนความหลังที่ ลูคัส ทำให้ตัวเองเสียน้ำตาบนหนังสืออัตชีวประวัติไว้ดังนี้..
"ตอนนั้นมีคนมาเคาะประตูห้องของผมที่ ดูไบ คนที่มาเคาะคือ ลูคัส เลว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีมาก ๆ ของผมในทีมชุดนั้น"
"ลูคัส ถามผมว่าเขาขอคุยกับผมได้รึเปล่า"
"เขาบอกว่า -พอดีฉันมีบางอย่างให้นายน่ะ- ผมก็เลยตอบไปว่า -ได้สิ- เพราะผมมีความสุขอยู่เสมอเมื่อได้เจอ ลูคัส"
"จากนั้นเขาก็มอบถาดสีเงินให้กับผม นั่นคือของขวัญที่เขามอบให้ผมที่มีการเขียนข้อความบนถาดเอาไว้ด้วย"
"-ฉันคิดที่จะทำแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว- ลูคัส พูดแบบนั้น และตอนที่ผมอ่านข้อความของเขา ผมก็รู้สึกตื้นตันสุดๆ"
"ข้อความนั้นเขียนว่า -เรามักจะได้ยินประโยคที่บอกว่า จะไม่มีนักเตะแบบคนนั้นคนนี้อีกแล้ว ซึ่งในกรณีของนาย เพื่อน.. มันเข้าข่ายนั้นอย่างชัดเจน"
"นายเป็นกัปตัน, ผู้นำ และตำนานในทุก ๆ ด้าน ทุกช่วงเวลาที่ฉันได้เล่นร่วมกับนายในสนามถือเป็นเกียรติสำหรับฉันมาก ๆ ฉันขออวยพรนายและครอบครัวโชคดีกับอนาคตของนาย-"
"ตอนนั้นผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ในระหว่างที่ ลูคัส ดูผมอ่านข้อวามของเขาแบบเงียบ ๆ ผมขอบคุณเขา และเขาก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างมีความสุข เรากอดกัน"
"แต่พอเขาเดินกลับไปแล้ว ผมก็ร้องไห้ออกมา มันไม่มีทางที่จะหยุดน้ำตาของผมได้อีก"
บทสรุปในตอนจบเส้นทางอาชีพของ ลูคัส เลว่า เราไม่ได้จดจำตัวเลขถ้วยแชมป์หรือความสำเร็จใด ๆ ไปมากกว่าระลึกถึงเขาในฐานะคนที่เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยความอดทนและเสียสละจนได้มาซึ่งการเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีทัศนคติอันน่ายกย่องต่อสังคมโลกเราตอนนี้
ที่บางทีมันมีค่ามากกว่าการชื่อเสียงเงินทองเสียอีก
HOSSALONSO