เละ!!10 เกมผีโดนยำ

เละ!!10 เกมผีโดนยำ
ความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 0-7 คือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อันน่าอับอายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับผลการแข่งขันที่ปราชัยแบบยับเยิน ทว่าก่อนหน้านี้ในยุค พรีเมียร์ลีก พวกเขาก็เคยโดนคู่แข่งถลุงแบบเละเทะมาก่อน ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขอรวบรวมเกมเหล่านั้นมาให้คุณได้อ่านกัน!!

นิวคาสเซิ่ล 5 - 0 ยูไนเต็ด (20 ตุลาคม 1996, พรีเมียร์ลีก)

สนาม: เซนต์ เจมส์ พาร์ค

ฤดูกาล 1996-97 นิวคาสเซิ่ล ขับเคี่ยวกับ ยูไนเต็ด ในการล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซึ่งห้วงเวลานั้นพวกเขามี เควิน คีแกน ตำนานนักเตะ ลิเวอร์พูล คุมทัพ ทั้งยังพร้อมสรรพไปด้วยทรัพยากรผู้เล่นที่แข็งแกร่ง นำโดย อลัน เชียร์เรอร์ ดาวซัลโวสูงสุดจากซีซั่นก่อน ที่เพิ่งย้ายมาจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เลส เฟอร์ดินานด์, เดวิด แบตตี้ และ ดาวิด ชิโนล่า

แน่นอนว่าสาลิกาดงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในลีกตั้งแต่ออกสตาร์ต และการเปิดรังถล่ม ยูไนเต็ด 5-0 จากการยิงของ กาวิน พีค็อก, ชิโนล่า, เฟอร์ดินานด์ (2 ลูก), เชียร์เรอร์ และปิดท้ายด้วยลูกชิพอันเหนือชั้นของ ฟิลิปป์ อัลแบรต์ ที่ยกบอลผ่านมือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล นั้นยังตราตรึงในความทรงจำของเหล่า ทูน อาร์มี่ จนถึงทุกวันนี้

หลังยำปีศาจแดง - นิวคาสเซิ่ล นำโด่งเป็นจ่าฝูงอยู่หลายเดือน แต่มาถูก อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ในวันที่ยังไม่ได้ยศอัศวิน) งัดแผนสงครามจิตวิทยาใส่ คีแกน จนในที่สุด กลายเป็นว่า ยูไนเต็ด แซงคว้าแชมป์ไปดื้อๆ

__________________

เซาธ์แฮมป์ตัน 6 - 3 ยูไนเต็ด (26 ตุลาคม 1996, พรีเมียร์ลีก)

สนาม: เดอะ เดลล์

ในซีซั่น 1996-97 ยังเป็นปีที่ เร้ด เดวิลส์ ต้องพบกับความอับอาย เพราะไล่หลังจากบุกไปโดน นิวคาสเซิ่ล ยำเละเทะ เกมถัดมาปีศาจแดงยังคงเมาหมัดอย่างต่อเนื่อง และก็ถูก เซาธ์แฮมป์ตัน อัดยับเบินถึง 6-3

เริ่มเกมการแข่งขัน เอยัล เบอร์โควิช ซัดให้เจ้าถิ่นนำก่อน และสถานการณ์ของ ยูไนเต็ด ก็มาเลวร้ายลงอีกเมื่อ รอย คีน โดนไล่ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 20 เท่านั้น

ทุกอย่างจึงเข้าทางนักบุญแห่งแดนใต้ พวกเขาค่อยๆ ยิงทีละเม็ด แม้ว่าปีศาจแดงจะเอาคืนได้บ้างก็ตาม แต่ด้วยความที่ผู้เล่นน้อยกว่า บวกกับมักจะทำผลงานได้ย่ำแย่ที่ เดอะ เดลล์ สุดท้ายจึงพ่ายไปเละ 3-6 ซึ่งเป็นสกอร์ที่lสูงที่สุดในฤดูกาลนั้นเลย

__________________

เชลซี 5 - 0 ยูไนเต็ด (3 ตุลาคม 1999, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์

ยูไนเต็ด เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์คว้า 'เทรเบิ้ลแชมป์' ได้เป็นสโมสรแรกของเกาะอังกฤษ ในฤดูกาล 1998-99 และพวกเขาก็ยังฟอร์มยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องด้วยขุมกำลังที่ล้นไปด้วยผู้เล่นชั้นนำของโลก

ตุลาคม ในซีซั่น 1999-2000 พวกเขายังยึดหัวหาดจ่าฝูงสบายๆ แต่การบุกมา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี นั้นทำให้ เร้ด เดวิลส์ สิ้นฤทธิ์และต้องสะดุดหัวทิ่มแบบยับเยิน โดยที่ กุสตาโว่ โปเยต์ ยิงให้เจ้าถิ่นขึ้นนำตั้งแต่ 27 วินาทีแรกของการแข่งขัน ก่อนที่ คริส ซัตตัน, โปเยต์ (ลูกที่ 2), เฮนนิ่ง เบิร์ก (ทำเข้าประตูตัวเอง) และ โจดี มอร์ริส จะปิดกล่องให้สิงโตน้ำเงินครามยำผีแดงไป 5-0 

อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด สามารถกลับสู่ฟอร์มเก่งได้ไม่ยาก ก่อนจะเดินหน้าคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครองได้ตามเป้าหมาย แถมยังมีแต้มห่างจากอันดับ 2 อย่าง อาร์เซน่อล มากถึง 18 คะแนน เลยทีเดียว

__________________

ยูไนเต็ด 1 - 4 ลิเวอร์พูล (14 มีนาคม 2009, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะห่างเหินความสำเร็จในลีกมายาวนาน ตรงกันข้ามกับ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์แทบจะปีเว้นปี แต่เมื่อใดก็ตามที่เผชิญหน้ากัน หงส์แดงมักจะสร้างปัญหาให้กับเพื่อนรักทีมนี้อยู่เสมอ

ปีศาจแดงออกนำจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 22 แต่ก็ถูก เฟร์นานโด ตอร์เรส ตีเสมอในอีก 6 นาทีต่อมา ก่อนที่ สตีเว่น เจอร์รราร์ด จะสังหารจุดโทษในช่วงท้ายครึ่งแรกให้ยอดทีมแห่ง เมอร์ซี่ย์ ไซด์ พลิกนำ 2-1

ตอร์เรส ศูนย์หน้าทีมชาติสเปน ฟอร์มเจิดจรัสมากในวันนั้นกับการเล่นงาน เนมานย่า วิดิช เซนเตอร์ฮาล์ฟ ยูไนเต็ด จนโดนใบแดง และนำมาซึ่งอีก 2 ประตูจาก ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ อันเดรีย ดอสเซนน่า เป็นอันปิดฉากด้วยสกอร์ 4-1 ที่ โอลด์ แทร็อฟฟอร์ด ซึ่งเป็นการแพ้ ลิเวอร์พูล ยับเยินที่สุดนับตั้งแต่ปี 1936 แถมซีซั่นนั้นยังปราชัยให้อริตัวเอ้แบบไป-กลับอีกต่างหาก

__________________

ยูไนเต็ด 1 - 6 ซิตี้ (23 ตุลาคม 2011, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ยูไนเต็ด คือแชมป์เก่าจากซีซั่น 2010-11 และก็ออกสตาร์ตฤดูกาล 2011-12 ด้วยความไฉไลสุดขีดกับการเก็บชัยได้ 8 นัดติดต่อกันจนสาวกปีศาจแดงฝันหวานว่าปีนี้พวกเขาคงจะได้ฉลองกันเช่นเคย

อย่างไรก็ตาม ซิตี้ ที่ค่อยๆ สร้างทีมจนขึ้นมาทาบรัศมีก็บุกมาสยบความอหังการของอสูรแดงด้วยการบุกมาถล่มถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไป 6-1 พร้อมกับสโลแกนแสบๆ ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ยิงไป 2 ประตู แล้วโชว์เสื้อกับข้อความที่เขียนว่า 'Why always me?'

ฤดูกาลนั้นเรือใบสีฟ้าคว้าโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก ไปครองเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยได้แชมป์ในนัดสุดท้ายของซีซั่นจากประตูชัยในเกมสุดดรามาที่พลิกแซง คริสตัล พาเลซ จาก เซร์คิโอ อเกวโร่ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซิตี้ ก็สถาปนาตัวเองสู่การเป็นทีมใหญ่ของอังกฤษ

__________________

ซิตี้ 4 - 1 ยูไนเต็ด (22 กันยายน 2013, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: เอติฮัด

หลังการวางมือของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน - ยูไนเต็ด ดิ่งสู่ห้วงเวลาที่มืดมนภายใต้การกำกับของ 'เดอะ โชเซ่น วัน' เดวิด มอยส์ ในฤดูกาล 2013-14

เกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นเจ้าถิ่นที่นำไกลไปถึง 4-0 คือสิ่งที่ที่เหล่า เร้ด อาร์มี่ ผิดหวังอย่างรุนแรงกับรูปเกมที่เป็นรองเรือใบสีฟ้าแบบสุดกู่ แม้สุดท้ายจะได้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงกู้หน้ามาจบ 90 นาทีด้วยสกอร์ 4-1 ก็ตาม

ซีซั่นนั้น ซิตี้ ก้าวสู่แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 2 ขณะที่ ยูไนเต็ด จบอันดับ 7 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 23 ปี เลยทีเดียว

__________________

ยูไนเต็ด 1 - 6 สเปอร์ส (4 ตุลาคม 2020, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ฤดูกาล 2020-21 คือช่วงเวลาที่โควิด-19 ระบาดหนักทุกทุกหย่อมหญ้าบนพื้นพสุธาของโลกามนุษย์ โดยตอนนั้นกุนซือของ ยูไนเต็ด มีชื่อว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตเพชฌฆาตขวัญใจแฟนๆ ปีศาจแดง ที่เข้ามารับงานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่

อย่างไรก็ตาม เฮดโค้ชชาวโปรตุเกส ซึ่งกลับมาเยือนถิ่นเก่าก็ฝากรอยแค้นแบบแสบสันต์กับการพา สเปอร์ส บุกมายำถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยสกอร์ 6-1 ทั้งๆ ที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงให้อสูรแดงออกนำตั้งแต่นาทีที่ 2

แม้จะแพ้เละเทะให้กับไก่เดือยทอง แต่ซีซั่นนั้น โซลชาร์ ก็พา ยูไนเต็ด จบด้วยอันดับ 2 ต่อจาก ซิตี้ 

__________________

ยูไนเต็ด 0 - 5 ลิเวอร์พูล (24 ตุลาคม 2021, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ก่อนจะประวัติศาสตร์ของ 'แดงเดือด' จะจารึกสกอร์การแพ้ที่ขาดลอยที่สุดของ ยูไนเต็ด ที่มีต่อ ลิเวอร์พูล 0-7 พวกเขาเคยปราชัยให้หงส์แดงมาแล้ว 0-5 แถมครั้งนั้นยัง 'คาบ้าน' อีกด้วย

เจอร์เก้น คล็อปป์ คือกุนซือผู้รังสรรค์ให้ ลิเวอร์พูล กลับมาเป็น 'เครื่องจักรสีแดง' แบบเต็มตัว และหนึ่งในเกมแห่งความทรงจำของเขาที่ เดอะ ค็อป ต่างตราตรึงกับการขึงพืด เร้ด เดวิลส์ ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พร้อมกับ 'แฮตทริก' ของ โมฮาเมห็ด ซาลาห์ 

ฤดูกาลนั้น (2021-22) ยูไนเต็ด แพ้ไปถึง 12 เกม ก่อนจะจบด้วยอันดับ 6 ของตาราง และตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ พร้อมกับเป็นซีซั่นที่ 5 ติดต่อกันที่พวกเขาไร้โทรฟี่ติดมือ 

__________________

ไบร์ตัน 4  - 0 ยูไนเต็ด (7 พฤษภาคม 2022, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม: เอเม็กซ์

ไบร์ตัน เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 และก็กระเสือกกระสนในการอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดในทุกๆ ซีซั่น กระทั่งมาหายใจได้คล่องคอขึ้นหน่อยในระยะหลัง

จุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นน่าจะมาจากชัยชนะเหนือ ยูไนเต็ด 4-0 ในฤดูกาล 2021-22 ก่อนที่ซีซั่นนั้นทีมนกนางนวลจะจบอันดับ 9 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาเลยทีเดียว

__________________

เบรนท์ฟอร์ด 4 - 0 ยูไนเต็ด (13 สิงหาคม 2022, พรีเมียร์ลีก) 

สนาม:จีเท็ค คอมมิวนิตี้

ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ รวมทั้งหมด 20 สมัย (พรีเมียร์ลีก 13 ครั้ง) ในขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด เพิ่งจะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในฤดูกาล 2022-23

ทว่าปีศาจแดงที่เปลี่ยนโค้ชมาเป็น เอริก เทน ฮาก กลับกล้าๆ บุกไปปราชัยให้น้องใหม่ใสกริ๊งทีมนี้ถึง จีเท็ค คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ที่ขาดลอยถึง 4-0 ซึ่งกลายเป็นการแพ้ 2 เกม ติดต่อกันทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดซีซั่นมาหมาดๆ

โดยทั้ง 4 ประตูของ เบรนท์ฟอร์ด นั้นเกิดขึ้นในครึ่งแรกทั้งหมด ขณะที่ ยูไนเต็ด ซึ่งครองบอลถึง 67 เปอร์เซ็นต์ นั้นมีโอกาสสับไกตรงกรอบแค่ 4 ครั้ง เท่านั้น 

__________________


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X