ลิเวอร์พูล กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านทุบ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา โดยพวกเขาได้สองประตูสำคัญในครึ่งหลังจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นอกจากได้ชัยชนะแล้ว "หงส์แดง" ยังเก็บคลีนชีตจากการเล่นเกมลีก 4 แมตช์ติดต่อกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับพวกเขาก่อนทำศึก "แดงเดือด" รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมฟอร์มแรงที่สนามแอนฟิลด์ สุดสัปดาห์นี้
เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล ต้องกระตุ้นแข้ง "หงส์แดง" ให้กลับมางัดฟอร์มเก่งให้ได้หากยังหวังติดท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้ หลังแมตช์ล่าสุดทำได้เพียงแค่บุกเสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 แต่ข้อดีก็คือสามารถเก็บคลีนชีตได้ในเกมลีก 3 แมตช์ติดต่อกัน โดยเกมนี้พวกเขาจะได้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ กลับมาคุมเกมรับร่วมกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ขณะที่แบ็กซ้าย คอสตาส ซิมิคาส ได้ลงตัวจริง ส่วนแนวรุก ดาร์วิน นูนเญซ ผ่านความฟิตลงทำหน้าที่หน้าเป้า โดยมี ดีโอโก้ โชต้า ได้ยืนทางฝั่งซ้ายแทน โคดี้ กัคโป
ด้าน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ฟอร์มยังคงลุ่มๆ ดอนๆ สองแมตช์ล่าสุดในลีกเก็บได้แค่แต้มเดียวจากการบุกเสมอ ฟูแล่ม 1-1 แต่ข้อดีของพวกเขาก็คือความมั่นใจในการเล่นหลังเคยเปิดบ้านทุบ ลิเวอร์พูล เละเทะ 3-0 เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม โดยทัพ "หมาป่า" คาดหวังจะตอกย้ำความแค้นให้เจ้าบ้านอีกเกม และคว้าสามคะแนนพร้อมขยับตัวเองให้ออกจากโซนตกชั้นมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นเกมทั้งสองทีมยังไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก จนกระทั่งนาทีที่ 3 โมฮาเหม็ด ซาลาร์ มีโอกาสกระชากบอลไปถึงกรอบเขตโทษก่อนจะทำชิ่งหนึ่งสองกับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และบอลทะลักไปถึง สเตฟาน บายเซติช ได้ซัดแต่ตรงตัวโชเซ่ ซา
อีกนาทีถัดมา วูล์ฟส์ มีโอกาสได้สวนกลับโดย ปาโบล ซาราเบีย ได้บอลในเขตโทษก่อนจะซัดเต็มเหนี่ยวแต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ บินปัดออกไปได้อย่างสุดยอด ขณะที่ในจังหวะเตะมุมทีมเยือนได้ลุ้นอีกครั้งแต่ดันโหม่งออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 6 บายเซติช ส่งบอลให้ ซิมิคาส ได้หลุดเข้าไปเปิดเลียบแต่โดน เคร็ก ดอว์สัน สกัดทิ้งได้ทัน อีกสี่นาทีต่อมา วูล์ฟส์ เสียบอลนอกกรอบเขตโทษของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ ฟาบินโญ่ ตัดสินใจไม่ดีว่าจะส่งหรือยิงสุดท้ายก็เลยโดนตัดออกหลัง
"หงส์แดง" เกือบโดนลงโทษในนาทีที่ 13 เมื่อ โกนาเต้ ส่งบอลไปเข้าเท้า มาเตอุส นูเนส ก่อนเขาจะส่งให้ ราอูล ฮิเมเนซ ที่พยายามยิงประตูแต่โดน ฟาน ไดค์ เข้ามาป้องกันได้หวุดหวิด
เข้าสู่นาทีที่ 16 บายเซติช พลาดท่าเสียบอลง่ายเกินไป ทำให้เขาจำเป็นต้องทำฟาวล์และโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังจากนั้นดูเหมือนเจ้าบ้านจะออกบอลไม่ค่อยแม่นทำให้โดนทีมเยือนได้สวนกลับเป็นครั้งคราว
ในนาทีที่ 19 ซาลาห์ กระชากบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะผ่านเลียดเข้าไปตรงกลางให้กับ โชต้า ซึ่งพยายามตวัดยิงเร็วแต่โดนไม่ดีทำให้บอลหลุดออกเสาไกลอย่างน่าเสียดาย
"เดอะ เร้ดส์" เริ่มกลับมาครองเกมได้อีกครั้ง และพยายามหาช่องเพื่อหวังเจาะตาข่ายทีมเยือนให้ได้ ขณะที่ วูล์ฟส์ อาศัยการเล่นที่เหนียวแน่น และรอจังหวะสวนกลับทุกครั้งที่เจ้าบ้านเล่นพลาด
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมทั้งสองทีมยังเล่นไม่แน่นอน จนกระทั่งนาทีที่ 32 นูนเญซ มีโอกาสได้ซัดแถวกรอบเขตโทษแต่ไปแฉลบกองหลังวูล์ฟส์ และเกือบทะลักไปถึง "บังโม" แต่ ซา พุ่งออกมารับได้ทันก่อนที่บอลจะหลุดออกเส้นหลัง
อกาสทองของ ลิเวอร์พูล ที่จะได้ประตูขึ้นนำที่สุดเกิดขึ้นในนาทีที่ 39 เมื่อ โชต้า ส่งบอลให้ นูนเญซ ได้เปิดบอลเข้ากลางให้ เอลเลียตต์ ขึ้นโหม่งโล่งๆ ระยะ 6 หลาแต่ดันสะบัดไม่ดีบอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+2 วูล์ฟส์ โดนตัดบอลตรงกลางสนาม ฟาบินโญ่ ได้บอลกระชากกินแดนเข้าไปก่อนจะส่งให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ครอสบอลไปให้ นูนเญซ ซึ่งพักอกคืนให้ เอลเลียตต์ ซัดเต็มข้อบอลกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ ซา ไหวตัวทันพุ่งปัดออกหลังได้หวุดหวิด
จากจังหวะเตะมุม "หนุ่มเทรนต์" เปิดเข้ามาตรงกลางประตู และ ฟาน ไดค์ ได้โอกาสโหม่งเต็มหัวแต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานแบบไม่มีลุ้น จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง
เริ่มครึ่งหลังดูเหมือน วูล์ฟส์ จะทำผลงานได้ดีกว่านิดหน่อย และมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้เป็นครั้งคราว ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังคงพลาดเสียดายง่ายๆ ทำให้การเปิดเกมบุกไม่ต่อเนื่อง
นาทีที่ 55 นูนเญซ มีโอกาสได้บอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะค่อยๆ ลากบอลจี้แนวรับทีมเยือนจากนั้นก็ส่งให้ เอลเลียตต์ ที่ได้โอกาสยิงอีกครั้งแต่โดนไม่ดีทำให้ ซา รับได้สบายๆ
เกมผ่านมาครบ 1 ชั่วโมงสกอร์ยังคงเหมือนเดิม แต่รูปเกม "หงส์แดง" เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นนาทีที่ 64 ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ ซาลาห์ เลี้ยงบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนส่งให้ เทรนต์ ที่ตวัดเร็วแต่สั้นไปหน่อยทำให้ถูกตัดออกไปก่อนจะถึง โชต้า
ในนาทีถัดมา "หงส์แดง" ได้ประตูขึ้นนำเมื่อ โชต้า กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษและเบียดกับกับกองหลังวูล์ฟส์ล้มลง แต่บอลทะลักไปถึง นูนเญซ ที่ซัดเข้าไปไปเหลือซาก แต่น่าเสียดายที่โดนวีเออาร์ริบคืน เนื่องจาก หัวหอกชาวโปรตุกีส ไปทำฟาวล์ก่อน
"หงส์แดง" ไม่หมดกำลังใจพยายามเดินหน้าหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 73 เทรนต์ เปิดฟรีคิกเข้าไปในกรอบเขตโทษ ฟาน ไดค์ ขึ้นโหม่งบอลจะเข้าเสาไกลอยู่แล้ว แต่ ซา พุ่งปัดได้แต่ไปเข้าทาง โชต้า ที่ตวัดกลับเข้ากลางให้ ปราการหลังชาวดัตช์ ได้โหม่งอีกครั้งเป็นประตู ส่งเจ้าบ้านนำ 1-0
อีก 5 นาทีต่อมา เจ้าบ้านได้ประตูนำ 2-0 เมื่อ ซิมิคาส เล่นชิ่งหนึ่งสองกับ โคดี้ กัคโป ก่อนที่ "กรีก สเกาเซอร์" จะกระชากบอลไปเกือบถึงเส้นหลัง จากนั้นก็เปิดเข้ากลางให้ "บังโม" ทำประตูได้สำเร็จ
ตอนนี้ทัพ "หมาป่า" อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว จำเป็นต้องเปิดเกมบุกเพื่อหวังจะทำประตูตีไข่แตกให้ได้ แต่ยังขาดประสิทธิภาพ ขณะที่ ลิเวอร์พูล พยายามเล่นให้แน่นอน และครองบอลเพื่อรอจังหวะสวนกลับ
เข้าสู่ช่วง 3 นาทีสุดท้ายสถานการณ์ยังคงเป็นของ คล็อปป์ แอนด์ โค. ส่วน วูล์ฟส์ มีลุ้นในช่วงทดเจ็บจากจังหวะเปิดเข้าไปในเขตโทษ แต่ห่าง ดีเอโก้ คอสต้า ทำให้บอลเข้าซอง อลีสซง สบายๆ
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 คว้าสามคะแนนสำคัญทำให้ทีมเก็บไป 39 คะแนนเท่ากับ ฟูแล่ม แต่ประตูได้เสียดีกว่า ส่งให้พวกเขารั้ง อันดับ 6 และห่างจาก สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 เหลือ 6 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 เกม
ที่สำคัญชัยชนะในแมตช์นี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเหล่าพลพรรค "หงส์แดง" ก่อนทำศึก "แดงเดือด" รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น. 89) , อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ , คอสตาส ซิมิคาส, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ฟาบินโญ่, สเตฟาน บายเซติช (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น. 79) , โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น. 89) , ดิโอโก้ โชต้า (โคดี้ กัคโป น. 76)
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (4-2-3-1) : โชเซ่ ซา, เนลซอน เซเมโด้, เคร็ก ดอว์สัน, แม็กซ์ คิลแมน, อูโก้ บวยโน่ (รายัน เอต นูริ น. 24) , รูเบน เนเวส, มาริโอ เลอมิน่า, มาเตอุส นูเนส (ชูเอา โกเมส น. 64) , ชูเอา มูตินโญ่ (ดาเนียล โปเดนซ์ น.64) , ปาโบล ซาราเบีย (อดาม่า ตราโอเร่ น. 46) , ราอูล ฮิเมเนซ (ดีเอโก้ คอสต้า น. 79)