สาวก หงส์แดง เสียดายมั้ย อดีตหัวหน้าแมวมองทีม โมลด์ ออกโรงแฉ ลิเวอร์พูล เป็นอีกสโมสรของ พรีเมียร์ลีก ที่เคยให้ความสนใจในตัว เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ แต่สุดท้ายเมินการคว้าดาวยิงร่างยักษ์ไปร่วมสังกัดเนื่องจากต้องการคว้าหัวหอกตัวเป้าที่เล่นในสไตล์โบราณ
ฮาลันด์ กลายมาเป็นจอมถล่มประตูตัวอันตรายในลีกอังกฤษไปแล้วหลังจาก แมนฯ ซิตี้ ดึงเขามาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และถึงขณะนี้เจ้าของค่าตัว 51 ล้านปอนด์ (ราว 2,174 ล้านบาท) สอยตาข่ายไปแล้ว 12 ลูกจาก 8 นัด
ต่อประเด็นของศูนย์หน้าวัย 22 ปีซึ่งเริ่มค้าแข้งกับทีม เบิร์น ในบ้านเกิด และต่อด้วย โมลด์ ก่อนย้ายไปสร้างชื่อกับ เร้ดบูลล์ ซัลซบวร์ก และตามด้วย ดอร์ทมุนด์ ในปี 2020 นั้นเป็นที่รู้กันดีว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อดีตนายใหญ่ แมนน ยูไนเต็ด เคยแสดงความสนใจในตัวอดีตลูกทีมที่สโมสร โมลด์ แต่สุดท้ายไม่มีการทาบทามอย่างจริงจัง กระทั่งล่าสุด จอห์น วิค อดีตหัวหน้าแมวมองของ โมลด์ เผยกับ ดิ แอธเลติก ว่า ลิเวอร์พูล เคยมีโอกาสได้ตัวยอดหัวหอกก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับ เสือเหลือง ด้วยซ้ำ แต่ตัดสินใจในท้ายที่สุดว่าแนวทางการเล่นของเขาไม่เข้าตาเนื่องจากสโมสรจากลีกเมืองผู้ดีในยุคนั้นต้องการได้หน้าเป้าที่เล่นในสไตล์โบราณแค่บังบอล และโหม่งพังประตูเป็นหลัก
"ผมคิดว่าแมวมองจากอังกฤษมองเขาเป็นหน้าเป้าจากรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา แต่ผมบอกกับพวกเขาเรื่อยมาว่าเขาไม่ใช่หน้าเป้า หากคุณพิจารณาเขาแบบนั้น คุณจะต้องผิดหวัง" วิค เอ่ยเมื่อ 14 ก.ย.
"ผมจำได้ตอนที่ทีมของเราเดินทางไปที่ สเปน ผมพบกับเพื่อนร่วมอาชีพจาก พรีเมียร์ลีก และผมจำได้ว่าผมย้ำกับพวกเขาว่า "อย่าพิจารณาว่าเขาเป็นหน้าเป้า คุณต้องมองให้กว้าง เขาวิ่งทะลุช่องได้ เขาหาพื้นที่ได้ เขาวิเศษในกรอบเขตโทษ เขาเป็นนักเตะในลักษณะนั้น"
"แต่สโมสรจากอังกฤษมองกองหน้ามิติเดียวเหมือนกับเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เมื่อพวกเขาเห็นกองหน้าร่างใหญ่ พวกเขาจะมองว่าเขาเป็นหน้าเป้า และลืมไปว่าเขาสามารถทำอะไรอื่นได้"
"พวกเขามอง เออร์ลิ่ง ว่าเป็นหน้าเป้า ลิเวอร์พูล สามารถคว้าเขาได้ อาร์เซน่อล สามารถคว้าเขาได้ ทุกคนอยู่ที่นั่นเพื่อดูเขาในฐานะหมายเลข 9"
"ผมไม่ชอบให้เขาหันหลังให้กับปากประตู และในตอนนั้นเขาโหม่งบอลไม่ได้ ผมชอบตอนที่เขาพลิกบอล ตอนที่เขาวิ่งไล่บอล ตอนที่เขาวิ่งทะลุช่อง และการเคลื่อนที่ของเขาในกรอบเขตโทษ"
"เขาไม่ต้องการครองบอล เขาต้องการพลิกบอลบุกขึ้นไป มีหลายสโมสรที่ต้องเตะก้นตัวเองเพราะตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าเขาเก่งแค่ไหน"