เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศชัด การได้แชมป์มันเป็นประเด็นที่สำคัญกว่าการได้รับคำชมเยอะ หลังมีสื่อถามว่าเขารู้สึกว่าทีมของตัวเองยังไม่ได้รับเครดิตมากเท่าที่ควรรึเปล่า พร้อมบอกว่าทุกคนในทีมจำเป็นต้องมีหลักความคิดที่จะพัฒนาตัวเองในทุกๆ วันด้วย แถมบอกอีกว่ารู้สึกดีที่ได้พบปะกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าตนไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรกับการที่บางคนยังไม่ให้เครดิต "ปีศาจแดง" มากเท่าที่ควร โดยบอกว่าส่วนตัวแล้วตนมองว่าการได้แชมป์มันสำคัญกว่าการได้รับคำชมเยอะ
แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาคุม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ เทน ฮาก ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกว่าที่หลายคนคิด โดยพวกเขามีคิวลงเล่นเกม คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ด้วย อย่างไรก็ตาม บางคนก็ยังคิดว่าพวกเขาไม่ดีพอที่จะอยู่ในกลุ่มที่มีลุ้นแชมป์ลีกได้
หลังโดนถามว่าเขารู้สึกว่าฤดูกาลนี้ทีมของตัวเองไม่ได้รับคำชมมากพอหรือไม่แล้วนั้น เทน ฮาก ก็ตอบว่า "สิ่งที่สำคัญมันไม่ใช่คำชม แต่เป็นแชมป์ต่างหาก แน่นอนว่าเรามีโอกาสที่จะได้แชมป์ หมายถึงเกม คาราบาว คัพ ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้) แต่ในทุกครั้งน่ะเป้าหมายแรกของเราคือนัดต่อไปอยู่เสมอ"
"เราต้องมองกันไปแบบนัดต่อนัด แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องรักษาหลักความคิดที่ว่า -เราอยากทำผลงานของตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวันๆ - ให้ได้ด้วย นั่นคือเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ เมื่อคุณเจอทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า แล้วนั้น คุณก็ต้องเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะไม่มีโอกาสชนะหรอก"
"เราอยากผ่านเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้ และเราก็จำเป็นต้องเล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองหากเทียบกับการเล่นในฤดูกาลนี้เท่านั้น เรามีความเชื่อแบบนั้น เราตั้งตารอเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อ ดังนั้นมันเลยทำให้เรามีเรี่ยวแรงล้นเหลือ"
ทั้งนี้ เทน ฮาก โดนถามถึงเรื่องที่เขาไปกินข้าวเย็นกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วย ซึ่งกุนซือชาวดัตช์ไม่ได้แจกแจงว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร แต่บอกว่ามันเป็นการคุยกันที่ดีสำหรับตน "ผมรู้สึกสนุกอยู่เสมอเวลาที่ได้คุยกับคนที่มีความรู้เยอะ, คนที่มีประสบการณ์ล้นเหลือ เขาอยากแบ่งปันบางอย่าง เขาอยากช่วยเหลือ และอยากให้การสนับสนุน"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรของเขา เขารู้สึกผูกพันกับทีมมากๆ และอยากให้เราทำผลงานให้ออกมาดี มันเป็นคืนที่ยอดเยี่ยม และผมก็ตั้งตารอที่จะได้กินมื้อค่ำร่วมกับเขาอีก"