ลุ้นแชมป์ได้หรือยัง? สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู รอดครึ่งแรกมาอัดเลสเตอร์ยับ

ลุ้นแชมป์ได้หรือยัง? สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู รอดครึ่งแรกมาอัดเลสเตอร์ยับ
พลพรรคปีศาจแดงยังร้อนแรงแบบไม่เกรงใจใคร หลังเปิดบ้านถลกหนังหัวสุนัขจิ้งจอก ด้วยสกอร์ 3-0 ในเกมที่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังแตกต่างกันพอสมควร

และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก

1.เอริค เทน ฮาก ยังคงจัดตัวผู้เล่นด้วยสูตรเดิม คือให้ เวาท์ เวกฮอร์สต์ สวมบท 'หน้าต่ำ' แล้วขยับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ออกไปทางขวา โดยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นเป็นหัวหอก

มิเท่านั้นยังเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากเกมที่บุกไปเสมอ บาร์เซโลน่า เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาถึง 5 ตำแหน่ง เพราะต้องกรำศึกหนักถึง 3 นัด ในเวลาห่างกันแค่ 7 วัน

ลิซานโดร มาร์ติเนซ กลับมาคุมเกมรับคู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ เพื่อให้ ราฟาแอล วาราน ได้พักน่อง

แบ็คขวาเปลี่ยนจาก อารอน วาน-บิสซาก้า เป็น ดิโอโก้ ดาโลต์ 

แบ็คซ้ายเปลี่ยนจาก ไตเรลล์ มาลาเซีย เป็น ลุค ชอว์ 

ตรงกลางได้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ กลับมาลงเล่นแทน กาเซมิโร่ ที่ติดโทษแบนเป็นเกมสุดท้าย

ส่วน 'หน้าซ้าย' อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้ลงเล่นแทน เจดอน ซานโช่ แถมบนม้านั่งสำรองมีมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่หายบาดเจ็บแล้ว

แม้นจะมีผู้เล่นสำคัญๆ ที่บาดเจ็บ แต่ต้องบอกว่าทีมกำลังมีสมดุลย์ที่ดีเลยทีเดียว คือหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งกันได้แบบไม่เหลื่อมล้ำมากนัก

2.ด้วยศักยภาพผู้เล่นที่สูงกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลบุกได้มากกว่าตั้งแต่เริ่มเกมนะครับ

แต่กลับพบปัญหาบางประการ  

หนึ่งคือหาจังหวะจบไม่ค่อยได้ เพราะ เลสเตอร์ ถอยลงไปตั้งรับพลางปิดพื้นที่ได้แน่นหนา

หนึ่งคือหยุดเกมรุกของผู้มาเยือนไม่ค่อยอยู่

เวลา เลสเตอร์ บุก พวกเขาพาบอลผ่านแดนกลางของปีศาจแดงเข้ามาถึงพื้นที่สุดท้ายได้เร็วมาก

สันนิษฐานว่าน่าจะเพราะไม่มีตัวเลาะหน่อไม้อย่าง 

'คุณเกษมวิโรจน์' นี่แหละ เฟร็ด กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ พอเล่นเกมรับได้ แต่ไม่ค่อยเด็ดขาดสักเท่าไหร่ ด้วยไม่ใช่ทางของพวกเขาโดยตรง

ตัวทำเกมของ เลสเตอร์ อย่าง เจมส์ แมดดิสัน จึงพาบอลทะลุขึ้นมากดดันพลางสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับของเจ้าบ้านได้เป็นระยะ 

จังหวะบุกโจมตีของ 'จิ้งจอกสยาม' ได้น้ำได้เนื้อกว่าชัดเจน เรียกว่า 'ล่อเป้า' เลยทีเดียวจนสมควรที่จะขึ้นนำ 2-3 จังหวะ

3.จุดเปลี่ยนสำคัญคือความเหนียว/แน่น/หนึบ เหมือนแดร็กกาวตราช้าง 8 หลอดก่อนลงเฝ้าเสาของ ดาบิด เด เคอา นี่แหละ

ผู้ชมทางบ้านอย่างผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่าถ้าไม่ใช่นายทวารที่หลุดจากทีมชาติสเปนผู้นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด คงเสียประตูไปแล้วอย่างแน่นอน

หาก เลสเตอร์ ขึ้นนำก่อน 1-0 งานของเจ้าบ้านจะยากขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะตอนจบได้หรือเปล่า

เมื่อ เลสเตอร์ มีโอกาสแบบเหน่งๆ แล้วทำไม่ได้ พวกเขาก็ถูกลงโทษจากความผิดพลาดของตัวเอง

แทนที่จะขึ้นนำ กลับกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ขึ้นนำซะอย่างนั้น

4.ครึ่งแรกต้องบอกว่าเป็น เลสเตอร์ ที่หาจังหวะเข้าทำได้เหนือกว่าชัดเจน แถม แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหากับการเบรคเกมรุกของคู่แข่ง แต่เพราะ ดาบิด เด เคอา กับความไม่เฉียบคมเองของทีมเยือน ปีศาจแดงจึงรอดพ้นจากการเสียประตูหวุดหวิด

ผิดกับครึ่งหลังที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าอย่างชัดเจนพลางบุกกระหน่ำอยู่ข้างเดียว

...ว่าแล้วก็ต้องชื่นชมการแก้เกมของ เอริค เทน ฮาก อีกแล้ว

กุนซือชาวดัตช์ถอด อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่แผลงฤทธิ์ไม่ออก-ออก แล้วส่ง เจดอน ซานโช่ ลงมาเป็นหน้าต่ำพลางขยับ เวาท์ เวกฮอร์สต์ ไปเล่นหน้าเป้า

มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกถ่างออกมาเป็น 'หน้าซ้าย' ตำแหน่งถนัด

เจดอน ซานโช่ ลงมาสวมบทหมายเลข 10 แล้วก็สามารถประสานงานกับผู้เล่นในแดนกลาง ตัวรุกริมเส้น รวมถึงกองหน้าได้อย่างไหลลื่นพลางพลิกบอลสร้างสรรค์เกมรุกสนุกสนาน

นอกจากนี้ ผู้เล่นพันธุ์อสูรยังเล่นเกมรุกได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปิดโอกาสให้ เลสเตอร์ ได้บุกเข้ามาเหมือนครึ่งแรก ด้วยการดันขึ้นไปบีบสูงและบดบี้เข้าหาอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางสนาม ชิงจังหวะตัดบอล และเก็บบอลจังหวะ 2 ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

สุดท้ายได้เพิ่มอีก 2 ดอกจากการเข้าทำที่แม่นยำและรวดเร็ว เฉพาะอย่างยิ่งประตูที่ 3

จังหวะเข้าทำสวยงามมาก

ลิซานโดร มาร์ติเนซ ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม แล้วผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ประสานงานกันอีก 2-3 ทอด ก่อน เจดอน ซานโช่ จะทำชิ่งกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้าไปยิงตุงตาข่าย

นี่แหละการเข้าทำแบบ 'ปีศาจแดง' ที่เด็กผีคุ้นเคยสมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังเป็นกุนซือ

5.ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ แค่ 3 แต้มเองนะครับ และตามหลังจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล 5 แต้ม แต่แข่งมากกว่าทีมปืนโต 1 นัด

ถามว่าลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้หรือยัง ???

อืมมมมมมม...นะ

คือท๊อปโฟร์น่าจะอุ่นใจในระดับหนึ่ง เมื่อทิ้งห่าง สเปอร์ส 7 แต้ม และ นิวคาสเซิ่ล 8 แต้ม 

แหม่...นี่ถ้ามีกองหน้าตัวเป้าระดับตีนพระกาฬที่สามารถถล่มตาข่ายได้เป็นกอบเป็นกำแบบ มาร์คัส แรชฟอร์ด อีกสัก 1 คน หรือมีหัวหอกมหาประลัยแบบ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หรือ โคดี้ คักโป เอ๊ย! แฮร์รี่ เคน ก็คงจะประกาศไล่ล่าแชมป์แบบเต็มตัวไปแล้ว

เอาเป็นว่ารอฤดูกาลหน้าดีกว่า 5555

ฤดูกาลนี้อย่าเพิ่งไปหวังอะไรมากนัก แต่ 2 ทีมบน 

มึงอย่าพลาดบ่อยนะ ฮรี่ๆๆๆๆ

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport