ลิเวอร์พูล คือทีมแรกที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาลนี้ หลังจากนั้น พลพรรคสาลิกาดงก็ทำสถิติไร้พ่ายติดต่อกัน 17 นัด แถมเสียไม่เคยเกินนัดละ 1 ประตู ก่อนจะเวียนมาเจอกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้งที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค
และต่อไปคือสิ่งที่ผมอยากจะบอก...
1. เหมือนคำที่ใครบางคนเคยหล่นเอาไว้
กรุณาอย่าห้าว ถ้าไม่อยากกินข้าวผ่านกระถางธูป !!!
นิวคาสเซิ่ล ห้าวไปหน่อยครับที่เปิดฉากบุกพลางบดบี้ใส่ผู้มาเยือนอย่างผลีผลามด้วยความมั่นใจแบบนั้น
แดนหน้าบีบสูง กลางดันขึ้นสูงตาม กะขยี้แบบ...เอาตาย
โดนไปก่อน 1 ดอก ก็ยังห้าวไม่เลิก
ผลคือดอกที่ 2 ตามมาอย่างรวดเร็ว
เท่านั้นไม่พอยังเหลือผู้เล่น 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 22
จบข่าวอย่างรวดเร็ว
ทีหลังอย่าห้าวกับพวกพรี่ๆ เขานะครับ
2. เอ๊ดดี้ ฮาว เจตนาส่ง อแลง แซงต์-มักซิแมง ลงเล่นเป็น 'หน้าซ้าย' เพื่อเล่นงาน เทรนต์ เอเอ โดยเฉพาะ
แทนที่จะเล่นเขา ตัวเองกลับโดนเล่นซะอย่างนั้น เมื่อแบ็คขวาของหงส์แดง วางบอลยาวให้ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดไปยิงอย่างสวย
ไม่เพียงแต่ดาวเตะอุรุกวัยจะกะซวกตาข่ายได้สำเร็จ
โคดี้ คักโป ยังกดประตูได้ 2 เกมติดต่อกัน
อืมมมมมม...แล้วจะล้อกันยังไงล่ะทีนี้
3. การกลับมาของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ช่วยให้เกมรับของหงส์แดงแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน แถมช่วยให้ โจ โกเมซ มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
แดนกลางก็เหมือนจะพบส่วนผสมที่ลงตัว โดยดาวรุ่งอย่าง สเตฟาน ไบเซติช ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก
ขณะที่ 3 ประสานแดนหน้าก็เริ่มผสมผสานกันได้อย่างลงตัวขึ้นเรื่อยๆ
หลังนำห่าง 2-0 แถมคู่แข่งเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ลิเวอร์พูล ก็เล่นแบบติ๊ดชึ่ง เพื่อรักษาสกอร์ ไม่ได้เน้นเกมรุกบุกโหมกระหน่ำอะไรมากมาย
พวกเขาควรชนะมากกว่า 2 ประตูด้วยซ้ำ หากเน้นเกมรุกจริงจัง และจังหวะสุดท้ายมีความเด็ดขาดมากกว่านี้
4. ผลจากการถูกใบแดงตะเพิดออกจากสนามทำให้
นิค โพ้พ ติดโทษแบน 3 นัด อดลงเฝ้าเสาในนัดชิงฯ คาราบาว คัพ
นายทวารมือ 2 อย่าง มาร์ติน ดูบราฟก้า ก็ติด 'คัพ-ไท' เพราะเคยลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว
หมายความว่า นิวคาสเซิ่ล ต้องใช้นายประตูมือ 3 อย่าง ลอริส คาริอุส ในเกมสำคัญ
มองเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด
แต่อย่าลืมว่าบ่อยครั้งที่ฟุตบอลไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น แถมอยู่คู่กับเรื่องดราม่า
บางทีสถานการณ์อาจสร้างวีรบุรุษ...ก็..เป็น..ได้
5. ลิเวอร์พูล กลับมาได้ถูกจังหวะและเวลาเสียนี่กระไร
เพราะมีชัยในศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ตามมาด้วยการบุกเชือดสาลิกา อันดับ 4 จนเหลือแค่ 6 แต้ม แถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด
นั่นเท่ากับมีลุ้นติดท๊อปโฟร์แบบเต็มๆ ก่อนเจอ เรอัล มาดริด ที่กำลังแกว่งๆ ในรอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ที่สำคัญคือมันไปปลุกให้พวกพรี่ๆ เขากลับมาอาละวาดอีกครั้งทั้งในโลกแห่งความจริง และโลกเสมือน
น่ากลัวมาก ขอบอก !!!
"บอ.บู๋"