การศึกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นเกมที่จะส่งผลสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าหาก อาร์เซน่อล ชนะแล้วนั้นพวกเขาจะทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็น 6 คะแนน ในทางกลับกัน "เรือใบสีฟ้า" จะแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงได้ทันทีหากเก็บ 3 แต้มกลับบ้านได้ และสุดท้ายแล้วบทสรุปก็เป็นแบบหลัง จากการที่ทีมของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า คว้าชัยไปได้ 3-1
นี่นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ แมนฯ ซิตี้ ได้เป็นจ่าฝูงของลีกในซีซั่นนี้ แต่ถ้าเทียบแบบโปรแกรมต่อโปรแกรมแล้วล่ะก็ อาร์เซน่อล ครองตำแหน่งจ่าฝูงมาตั้งแต่โปรแกรมในสัปดาห์ที่ 3 ของ พรีเมียร์ลีก แล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเพิ่งมาเสียตำแหน่งจ่าฝูงแบบเต็มตัวหลังจบนัดล่าสุด
ทั้งนี้ ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้นที่ทีมซึ่งเป็นรองจ่าฝูงสามารถเอาชนะจ่าฝูงจนขึ้นไปเป็นอันดับ 1 แทนได้หลังจากผ่านมาอย่างน้อยครึ่งทางของฤดูกาล ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า 2 ครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นตอนไหน
- เชลซี vs แมนฯ ยูไนเต็ด : 3 เมษายน 2010
ในฤดูกาล 2009-10 เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันอย่างสนุก โดยที่ "ปีศาจแดง" เคยอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบจากการขึ้นเป็นจ่าฝูงได้ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2010 โดยเดือนนั้นพวกเขาชนะในลีกได้ครบทั้ง 4 นัดเลย
ด้วยเหตุนี้ เกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอกับ เชลซี เมื่อวันที่ 3 เมษายน ปี 2010 จึงได้รับการจับตามองจากหลายฝ่ายว่าอาจจะเป็นนัดตัดสินแชมป์ เพราะมันถือเป็นการลงเล่นในลีกนัดที่ 33 ของทั้งคู่ด้วย นั่นหมายความว่าคนที่พลาดก็แทบจะไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว
สุดท้ายเกมนั้นเป็น เชลซี ที่ได้กลับจากกรุงลอนดอนพร้อมกับ 3 คะแนน โดยพวกเขาได้ประตูจาก โจ โคล ในนาทีที่ 20 กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ในนาทีที่ 79 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ตีตื้นได้จาก เฟเดริโก้ มาเคด้า ในนาทีที่ 81 แต่ก็ได้แค่นั้น
ผลการแข่งขันนัดนั้นทำให้ เชลซี แซง แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้ และหลังจากนั้นทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เดินหน้าต่อไปจนคว้าแชมป์ลีกไปเชยชมด้วยการมี 86 คะแนน เฉือนชนะ "ปีศาจแดง" ไปแบบฉิวเฉียด 1 แต้ม
- แมนฯ ซิตี้ vs แมนฯ ยูไนเต็ด : 30 เมษายน 2012
ซีซั่นนั้น แมนฯ ซิตี้ ทำผลงานได้โดดเด่นจนมีลุ้นที่จะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ในระหว่างช่วงต้นเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายนของปี 2012 พวกเขาเคยพลาดท่าเก็บชัยชนะในลีกได้แค่ 2 เกมจาก 6 นัด จนทำให้ต้องเป็นฝ่ายตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันส่งท้ายเดือนเมษายนจึงเป็นเกมที่ได้รับการจับตามองจากหลายฝ่ายอย่างมาก เพราะตอนนั้นช่องว่างระหว่าง 2 ทีมอยู่ที่ 3 คะแนน แถมนั่นถือเป็นการลงเล่นในลีกนัดที่ 36 ของทั้ง 2 ทีมด้วย หรือก็คือพอจบเกมนี้แล้วมันจะมีโปรแกรมอีกเพียง 2 นัดเท่านั้น โดยที่ แมนฯ ซิตี้ จำเป็นต้องชนะเพื่อที่จะได้ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงด้วยการมีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่าอีกฝ่าย ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ขอเพียงผลเสมอเป็นอย่างน้อยก็เพียงพอที่จะยังนั่งบัลลังก์ต่อไป
ท้ายที่สุดแล้วเกมนั้นก็จบลงด้วยเสียงเฮของแฟนบอลเจ้าถิ่น หลังจาก แว็งซ็องต์ ก็องปานี ทำประตูชัยให้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก โดยนั่นทำให้ แมนฯ ซิตี้ สามารถพิชิตคู่อริร่วมเมืองแบบไป-กลับได้ด้วย หลังจากนัดแรกที่เจอกันในลีกพวกเขาก็บุกไปถล่มอีกฝ่าย 6-1 ได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาแล้ว
แน่นอน อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าในเกมลีก 2 นัดหลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด โดยเฉพาะนัดปิดฤดูกาลที่มาแซงชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 3-2 แบบสุดดราม่าจาก 2 ประตูในช่วงท้ายเกม จนทำให้ทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ จบฤดูกาลด้วยการมี 89 คะแนน เท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ทาง แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ไปครองเพราะกฎผลต่างประตูได้-เสีย
อย่างที่เห็นกันว่าทั้ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ทีมในอันดับ 2 ที่แซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้นั้นสามารถเดินหน้าต่อไปจนได้แชมป์ไปครองทั้ง 2 หน ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันว่าครั้งนี้มันจะซ้ำรอยหรือไม่
- เด็กเกร็ดบอล -