สงครามกุหลาบขบวนแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด จบลงด้วยการเสมอ 2-2 แบบสุดมันส์
แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะในบ้านก็จริง แต่หากมองว่าพวกเขา 'รอดตาย' เพราะเป็นฝ่ายตามหลังถึง 2 ประตู ก็ถือว่าน่าพอใจ
ต่อเมื่อดูจากการเล่นในบ้าน โดยมีโอกาสทำประตูกว่า 20 ครั้ง มันก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ 3 แต้ม
1.ก่อนอื่นไปดูการจัดผู้เล่น 11 ตัวจริง
ปีศาจแดงไม่มี กาเซมิโร่ ที่ติดโทษแบน สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็ยังไม่หายเจ็บ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ก็ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกแล้ว เช่นเดียวกับ อันโตนี่
มิเท่านั้น อารอน วาน-บิสซาก้า ยังมาป่วย อดลงสนามอีกคนจนต้องให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ ลงแทน
แดนกลาง มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคู่กับ เฟร็ด
3 กองหน้า เวาท์ เวกฮอร์สต์ เป็นหน้าเป้า และเอริค เทน ฮาก เลือกส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงก่อน เจดอน ซานโช่ ในตำแหน่งหน้าซ้าย แล้วโยก มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปทางขวา
ทั้งศักยภาพผู้เล่น ฟอร์มการเล่น และสถิติเหนือกว่าผู้มาเยือนจากยอร์คเชียร์พอสมควร
2.เปิดเกมได้ไม่ถึง 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต่อให้คู่แข่งซะอย่างนั้น เมื่อพลาดแบบไม่น่าพลาด
เหตุเกิดจากจังหวะเซ็ตบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง
ลีดส์ ขึ้นมาบีบสูงแล้วพุ่งเข้าใส่จนเจ้าบ้านขึ้นเกมไม่ถนัด และได้แต่จ่ายคืน ดาบิด เด เคอา
แม้จะขึ้นเกมไม่ได้ ผู้เล่นพันธุ์อสูรก็ยังพยายามฝืน
เข้าใจครับว่าเจ้านายสั่งมาแบบนั้นว่าพวกมึงต้องสร้างเกมตั้งแต่ในแดน แม้จะถูกบีบพื้นที่
แต่มันก็ต้องรู้จักพลิกแพลงไปตามสถานการณ์
จังหวะนั้น ดิโอโก้ ดาโลต์ ถูกบี้ใส่ ขณะเพื่อนร่วมทีมถูกประกบ แทนที่จะสาดยาวไปข้างหน้าก่อน เขากลับยัดบอลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทั้งที่เห็นว่าถูกประกบอยู่จนเสียบอลให้คู่แข่งเอามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
เรียบร้อยเลยครับคุณ
3.เจอความเน้นเป็นพิเศษของ ลีดส์ เข้าไป แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องใช้เวลาประมาณ 12-13 นาทีเลยทีเดียว กว่าจะตั้งเกมของตัวเองได้
หลังจากนั้นก็ครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว ปัญหาคือเกมรุก
เฟร็ด กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ คุมจังหวะตรงกลางได้ไม่ดีนัก จึงต้องเน้นเกมทางริมเส้นแทน
อเลฮานโดร การ์นาโช่ มีความเร็วและคล่อง ทว่าปราศจากความแน่นอน แถมพยายามเร่งจังหวะตัวเองมากเกินไปจึงมักจะทำบอลเสียง่ายๆ
ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เล่นไม่ออกพอๆ กับไร้บทบาท เมื่อถูกโยกไปทางขวา
นอกจากนี้ เมื่อมีโอกาสทำลายตาข่ายก็ไม่เด็ดขาด เฉพาะอย่างยิ่ง 'เจ้าหนูอาร์เจนติน่า' ที่ควรจะยิงได้ 2 ประตูด้วยซ้ำ
4.อาการของปีศาจแดงหนักขึ้นไปอีก เมื่อทะลึ่งเสียประตูที่ 2 ในช่วงต้นครึ่งหลังจากจังหวะเคลียร์บอลกันไม่ขาด
อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลนลานจนเสียบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง และนั่นคือหายนะ
เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่ามาตั้งแต่ครึ่งแรก ปัญหาใหญ่คือจังหวะสุดท้าย มันจึงต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นพลางปรับตำแหน่ง เพื่อความแตกต่าง
ปีกอย่าง เจดอน ซานโช่ กับ ฟากุนโด้ เปยิสตรี้ จึงถูกส่งลงมา โดยขยับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปเป็นหัวหอกแทน เวาท์ เวกฮอร์สต์ ที่หาจังหวะทำประตูแทบไม่ได้
การปรับเปลี่ยนของ เอริค เทน ฮาก สัมฤทธิ์ผลนะครับ
นักเตะที่เพื่อนร่วมทีมเรียกว่า 'แรชชี่' ทะลวงตาข่ายได้อีกแล้วในตำแหน่งศูนย์หน้า ขณะที่ เจดอน ซานโช่ ไม่เพียงแต่จะตะบันประตูตีเสมอได้สำเร็จยังโชว์ฟอร์มการเล่นได้ไฉไล ดูมีความมั่นใจกว่าเดิมเยอะ
5.อย่างที่เกริ่นเอาไว้ตอนต้น
มุมหนึ่งถือว่าน่าเสียดายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ 3 แต้ม เพราะครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า แถมมีโอกาสถล่มตาข่ายมากกว่า 20 ครั้ง
มุมหนึ่งก็บุญแล้วที่รอดพ้นจากการ 'คาบ้าน' เพราะเสียประตูง่ายๆ จนตามหลัง 2-0 มิเช่นนั้น 'โลกไม่สงบสุข' แน่ๆ
วันอาทิตย์นี้ทั้งคู่จะเซิ้งกันอีกครั้งที่ เอลแลนด์ โร้ด
เจดอน ซานโช่ ต้องลงตัวจริงแล้วนะครับ ส่วน ดร. มาร์คัส ก็ควรได้เล่นเป็นหน้าเป้า แล้วลองให้ไอ้ก้านยาวเป็นตัวสำรองดูบ้าง
สุดท้ายต้องขอชื่นชม เฟร็ด ที่ทำให้การดูบอลตอนดึกมีรสชาติมากยิ่งขึ้นถึงกับต้องสบถออกมาในภาษาแม๊งค์สำเนียงแมนคูเนียเป็นระยะว่า...
โธ่...ไอ้แฟร่เฟร็ด !!!
บอ.บู๋