ก่อนแข่งอาร์เซนอลเจอความกดดันจากแมนฯซิตี้ ถล่มวูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ทำให้นำแค่สองแต้มก่อนรับมือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้แข่งน้อยกว่ามีเกมในมือ แต่ช่องว่างสองนี่คือหายใจรดต้นคอแล้ว โดยเฉพาะผู้ไล่คือแมนฯซิตี้
ความกดดัน, ความยากจากคู่แข่งอย่างแมนฯยูฯ นี่คือจุดที่ มิเกล อาร์เตตา และลูกทีมต้องกระโดดข้ามรั้วนี้ให้พ้น อย่างแย่ๆคือเสมอ แต่ถ้าชนะมันคือการประกาศคุณสมบัติของทีมที่พร้อมจะเป็นแชมป์
เกิดอะไรขึ้นบ้างในเกมนี้ผมคิดว่ามีสองเรื่องในเรื่องเดียวกันนั่นคือเกมแพลนที่แตกต่างจากสองฝั่ง อาร์เซนอลเจ้าบ้านกับบอลพาสซิง และคอนโทรลเกมเอาไว้ ส่วนแมนฯยูไนเต็ด มีทีเด็ดจากเกมสวนกลับและรอลงโทษคู่แข่งที่เล่นบอลผิดพลาด
รูปเกมมันออกมาแบบนั้นชัดเจนครับ
ปืนคุมเกม ผีรอจังหวะลงโทษ
เรื่องตัวผู้เล่นไม่ใช่ปัญหาของอาร์เซนอล ชุดเดิม 11 คนแรก ที่ทุกคนเห็นกันอยู่แล้ว ส่วนแมนฯยูไนเต็ดนั้นใครจะเล่นแทน กาเซมิโร ซึ่ง เอริก เทน ฮาก จัด สกอต แมกโทมิเนย์ เล่นกับ คริสเตียน เอริกเซน มีแตกต่างจากนัดชนะ 3-1 คือ เวาต์ เวกฮอร์สท์ ลงเล่นหน้าเป้า
เกมนี้ต้องยอมรับว่าอาร์เซนอลคุมเกมได้เป็นส่วนใหญ่ตามเกมแพลนของพวกเขา เพียงแต่สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อ "พลาด" พวกเขาโดนลงโทษอย่างเจ็บปวด จากจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไรกดดันในนาทีที่ 17
ซาลีบา โหม่งสกัดบอลออกมา ซากา พยายามพาบอลหลบ บรูโน แต่โดน แรชฟอร์ด มาบีบแย่งบอล จังหวะนั้นส่งให้ ปาร์เต ที่ตั้งใจจะแทงหลังแบ๊กให้ เบน ไวท์ ที่วิ่งเติมขึ้นไป ปรากฏว่า ปาร์เตย ดันไปจ่ายเข้าเท้า แรชฟอร์ด แถมยังตามไปแย่งไม่ได้ โดนแรชฟอร์ด หลบได้พาบอลเข้าหน้าเขตโทษก่อนสับไกยิงสุดคม ผ่านทางด้าน กาเบรียล และ ซาลีบา เข้าเสาแรกอย่างงดงาม
นั่นคือครั้งแรกที่แมนฯยูฯ ได้ยิงใน 17 นาที
เข้ากรอบและเป็นประตูจากความผิดพลาดที่เริ่มจาก ปาร์เตย
จากนั้น...ปืนเปิดฉากบุกเข้าหา จนมาได้ประตูที่เกิดจากจังหวะเตะมุม แล้วเล่นบอลต่อเนื่อง
ประตูตีเสมอ 1-1 ของอารเซนอล มาจากจังหวะเตะมุมสั้น ทำให้การจัดระเบียบเกมรับของ แมนฯยูฯ อาจยืนผิดตำแหน่ง เพราะ วาน บิสซากา กับ ลุค ชอว์ ยืนทับกนในตำแหน่งแบ๊กซ้าย
ระหว่างการเซตบอลด้านซ้าย ซินเชนโก ตัดเข้าในฝากบอลที่ โอเดการ์ด ไหลต่อออกไปริมเขตโทษด้านซ้ายอีกครั้ง กรานิต ชากา บรรจงชิพข้ามหัวทั้ง วาราน และ มาร์ติเนส มาถึงพื้นที่เสาสอง จังหวะนั้น เอ็นเคเทียร์ แทรกตัวขึ้นโขกระยะเผาขน...ตีเสมอ 1-1
วาน บิสซากา ไม่ตามไปเล่น ขณะที่ ชอว์ ยืนว่างไม่มีอะไรทำ
นี่คือทีมโกล ของอาร์เซนอลที่ยอดเยี่ยม แม่นจริง
ส่วนประตูนำ 2-1 ต้นครึ่งหลังเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ บูกาโย ซากา ที่พาบอลหนี เอริกเซน แล้วปั่นลูกนี้กระดอนพื้นเสียบเสาสองเข้าไปงดงาม แต่ใครจะคิดบ้างว่า อาร์เซนอลจะพลาดเสียประตู โดนตีเสมอง่ายๆ จังหวะ แรมส์เดล ออกมาพยายามคว้าบอลแต่กลายเป็นปัดตกพื้นไปเข้าหัว มาร์ติเนส ที่โหม่งย้อยๆเสียบคาน
พลาดสองครั้ง โดนลงโทษ 2 ลูกจากเกมที่เหนือกว่า
จะว่าไปทุกสิ่งอย่างอยู่ในการควบคุมของ อาร์เซนอลแบบสิ้นเชิง ทั้งครองบอล การเข้าแดนสามแล้วยิง , เตะมุม กดดันผีแดงต่อเนื่อง แบบว่า เอนไปเอนมา จนสุดท้ายก็ได้ประตูตัดสินชัยชนะช่วงนาทีสุดท้ายพอดี
มันคือความพยายามในการบุกของอาร์เซนอล...จนได้ผลตอบแทนจากบอลสุดท้าย เอนเคเทียร์ ดีดเข้าไป จังหวะนี้ไม่ล้ำหน้า เพราะวาน บิสซากา ห้อยท้าย...
ส่วนทางด้านแมนฯยูไนเต็ด คงไม่น่าจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจ เพียงแต่ว่าถ้าหากต้องการยกระดับในการลุ้นแชมป์ เอริก เทน ฮาก คงจะต้องปรับวิธีการเล่นของทีมให้มากกว่าการเล่นสวนกลับ รอจังหวะคู่แข่งพลาดแล้วลงโทษ
แน่นอนมันต้องใช้เวลา...แต่มาถึงตรงนี้ถือว่างานของ เทน ฮาก ไปข้างหน้าไม่ใช่ถอยหลัง เป้าหมายทีมมาก่อน วิธีการเล่นค่อยๆคลืบคลานเข้ามา เพียงแต่ชั่วโมงนี้จะให้มาบุกสู้ อาร์เซนอล เชื่อว่ายังคงทำไม่ได้ขนาดนั้น เพราะ อาร์เตตา สร้างทีมของเขามาด้วยระยะเวลามากกว่า เทน ฮาก
ส่วนชัยชนะ 3-2 ของอาร์เซนอลมาจากวิธีการเล่นที่พวกเขาต้องการคอนโทรล ควบคุมเกม บุกเข้าหา ทั้งที่รู้ว่ามันเสี่ยงต่อการโดนลงโทษเหมือนเกมแรกที่พวกเขาแพ้ 3-1 แต่พวกเขาทำได้...
อาร์เซนอลจึงเป็นทีมที่เหมาะสมในการคว้าสามแต้ม จากทั้งคุณภาพในการเล่น พวกเขาได้ประตูจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ ทั้งสามลูก ส่วนแมนฯยูฯ นั้นได้ประตูจากความผิดพลาดของอาร์เซนอลเองทั้งสองลูก รวมทั้งปริมาณตัวเลขก็สะท้อนชัดเจนว่าอาร์เซนอลคือทีมที่เหนือกว่าในเกมนี้
%ครองบอล 58-42
ยิงประตู 23-6
เตะมุม 12-4
อาร์เซนอล นำเรือใบ 5 แต้ม (แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด)
ลงสนาม 19 นัดมี 50 แต้ม เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อผ่านครึ่งฤดูกาล
เจ๋งกว่ายุคไร้พ่าย2003-04 ที่มี 45 แต้มเมื่อผ่าน 19 นัด
แม้แฟนปืนยังไม่อยากคิดฝันไปไกล แต่มีความเชื่อมั่นกับทีมชุดนี้
โดยสิ่งหนึ่งทีพิสูจน์ให้เห็นหลังจากเชือด แมนฯยูไนเต็ด ลงได้...
ผ่านเกมยากแบบนี้มันคือหนึ่งในคุณสมบัติของทีมที่มีสิทธิ์เป็นแชมป์ครับ