จบลงไปแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น แต่ไม่มีฝ่ายไหนแฮปปี้สำหรับเกม พรีเมียร์ลีก นัดบิ๊กแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล เจ๊ากับ เชลซี ที่ แอนฟิลด์ 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ม.ค.
เท่ากับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ หงส์แดง อดฉลองการคุมทีมครบ 1,000 นัดนับตั้งแต่เขาเริ่มจับงานโค้ชตั้งแต่แรก ส่วน สิงห์บลูส์ มีเรื่องให้น่าปลื้มกับฟอร์มของ มิไคโล มูดริค นักเตะใหม่แม้ทีมของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ จะไม่อาจคว้าสามแต้มกลับลอนดอนได้ก็ตาม
1.บายเซติช ตัวจริงเกมลีกหนแรก
เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล วางขุมกำลังด้วยการเลือกใช้งาน สเตฟาน บายเซติช ออกสตาร์ตเกม พรีเมียร์ลีก เป็นตัวจริงนัดแรก และได้ ดาร์วิน นูนเซญ กองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย ที่เจ็บไปสองเกมกลับมานั่งสำรองร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ซึ่งไม่ฟิตเต็มร้อย และพลาดการซ้อมเนื่องจากเจ็บกล้ามเนื้อ
เทียบจากเกมชนะ วูล์ฟส์ 1-0 ในถ้วย เอฟเอคัพ กุนซือด๊อยช์ปรับทัพสามรายโดยหากไม่นับกองกลางวัย 18 ปีซึ่งได้เล่นเป็นตัวจริงฟัดกับทีม หมาป่า เช่นกัน สามสตาร์ที่กลับมาอยู่ในโผ 11 คนแรกประกอบไปด้วย โม ซาลาห์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ อลิสซง
2. คล็อปป์1,000 - เอลเลียตต์ 50
อย่างที่ทราบกันว่า คล็อปป์ คุมทีมดวลกับ เชลซี เป็นนัดที่ 1,000 ในการรับบทโค้ชของเขาตลอด 22 ปีที่ผ่านมากับสามสโมสรทั้ง ไมนซ์ , ดอร์ทมุนด์ และ ลิเวอร์พูล แบ่งเป็น 270 นัดกับ ไมนซ์ , 319 นัดกับ ดอร์ทมุนด์ และ 411 นัดกับ ลิเวอร์พูล
นับตั้งแต่ปี 2001 รวมทั้งสิ้น 999 นัดที่ผ่านมา กุนซือเฮฟวี่เมทัลกำชัยได้ 538 นัด เสมอ 239 นัด และแพ้ 222 นัด แต่สถิติชี้ว่าเขาชนะ เชลซี แค่ 6 นัดเท่านั้นจากการดวลกับเศรษฐีลอนดอน 19 นัด (เสมอ 4 แพ้ 9) ซึ่งคิดค่าเฉลี่ยได้แย่ที่สุดของเขาโดยมีเรตชนะแค่ 32% ในการคุมทีมบู๊กับคู่แข่งในลีกอังกฤษด้วยกันสิบนัดขึ้นไป
สำหรับ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ การลงเล่นเกมนี้นับเป็นเกมที่ 50 ของเขากับ เร้ด แมชีน ขณะที่การเปิดบ้านต้อนรับ เชลซี เป็นเกมที่ 50,000 นัดพอดีที่สนาม แอนฟิลด์ รองรับเกมในลีกสูงสุดของประเทศ
3 . มูดริค สตาร์ใหม่ สิงห์บลูส์ นั่งสำรอง
ฝ่าย แกรห์ม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีม เชลซี จัดทัพด้วยการใส่ชื่อ มิไคโล มูดริค ปีกตัวใหม่วัย 22 ปีที่ย้ายมาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ด้วยค่าตัวมหาศาล 89 ล้านปอนด์นั่งเป็นตัวสำรอง และมีการปรับทัพแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมชนะ พาเลซ 1-0
ต่อตำแหน่งดังกล่าว อดีตนายใหญ่ ไบรท์ตัน เลือกส่ง มาร์ค กูกูเรย่า ที่ย้ายมาจากทีม นกนางนวล เช่นกันกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงแทน คาร์เนย์ ชุควูเอเมก้า ขณะที่ มาเตโอ โควาซิช ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเกมนี้
4. 35 นาทีของ มูดริค
หลังจากเกมในครึ่งแรก เชลซี เจ๊ากับ ลิเวอร์พูล แบบไม่มีสกอร์แม้จะเล่นได้เหนือกว่าเจ้าบ้านเล็กน้อยจากการครองบอล 51:49% และได้ยิงมากกว่า 6:5 ครั้ง รวมถึงส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 2:1 ครั้งเช่นกัน
ในที่สุด พ็อตเตอร์ ก็ตัดสินใจเรียกใช้บริการจาก มูดริค สตาร์ใหม่ในต้นครึ่งหลังนาทีที่ 55 แทน ลูอิส ฮอลล์
ฉับพลันทันใน ดาวเตะผมทองก็แผลงฤทธิ์ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้อย่างร้ายกาจตั้งแต่เกมแรกของเขากับสโมสรใหม่ และลีกใหม่โดยอาศัยทักษะตลอดจนสปีดที่จี๊ดจ๊าดสร้างปัญหาให้กับทีมเจ้าบ้านเป็นระยะโดยเฉพาะ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งต้องยอมทำฟาวล์ พร้อมรับใบเหลืองจนโดนเปลี่ยนออกใทันทีห้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่หนุ่มแน่นกว่าลงไปรับภาระแทน
จากผลงานดังกล่าว อาจบ่งบอกได้ว่าทำไม เชลซี จึงยอมจ่ายอย่างแพงปาดหน้าคว้า มูดริค มาจาก อาร์เซน่อล สโมสรที่ติดต่อขอซื้อเขาเป็นเจ้าแรก แต่สุดท้ายต้องอกหักโดนทีมร่วมเมืองฉุดกระชากไปเข้าสังกัดแทน
พร้อมกันนี้ บอกได้เลยว่าหาก มูดริค เป็นของจริง และยืนระยะสร้างผลงานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เชลซี ก็น่าจะมีผลงานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งเจ้าตัวจะเป็นนักเตะขวัญใจสาวก สิงห์บลูส์ คนใหม่ได้ไม่ยาก
5.ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นประโยชน์สำหรับทั้งคู่
หลังโม่เกือกกันครบ 90 นาที เชลซี ยังครองบอลได้มากกว่า 52:48% แต่ ลิเวอร์พูล พลิกกลับมามีโอกาสคลำเป้ามากกว่า 15:11 ครั้ง และเข้ากรอบมากกว่า 3:2 ครั้ง ก่อนที่ทั้งสองทีมจะเจ๊ากันไปแบบไร้สกอร์
อย่างไรก็ดี การแบ่งแต้มไม่ได้เกิดผลดีต่อทั้งสองฝ่ายเนื่องจาก หงส์แดง เก็บแต้มได้น้อยนิดที่สุดแค่ 29 แต้ม (ชนะ 8 เสมอ 5 แพ้ 6) จาก 19 นัดนับตั้งแต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สร้างผลงานเอาไว้ในช่วงกลางซีซั่น 2014/15 ซึ่งทีมจาก แอนฟิลด์ เก็บได้แค่ 28 แต้มหลังพ้นครึ่งทาง
ด้าน สิงห์บลูส์ ก็ไม่น่าปลื้มเช่นกันกับการคว้าแต้มออกจาก แอนฟิลด์ ได้แค่แต้มเดียวในเกมนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ชนะเกมเยือนนานติดต่อกันเจ็ดนัดแล้ว (เสมอ 3 แพ้ 4) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2010 ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ (เสมอ 2 แพ้ 5) ซึ่งในจำนวนนี้มีเกมบุกมาพ่ายที่ แอนฟิลด์ 2-0 รวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่ พ็อตเตอร์ คุมทีมลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก หนแรกในซีซั่น 2019/20 กับ ไบรท์ตัน ไม่มีกุนซือคนไหนคุมทีมคว้าผลเสมอ 0-0 มากเท่ากับเขาอีกแล้วโดยนับรวมเกมล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ก็เป็นครั้งที่ 16 เข้าไปแล้ว