แมนเชสเตอร์ถูกฉาบด้วยสีแดงนะครับ หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์กลับมาชนะ แมนฯ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 2-1 แบบมีดราม่าที่โรงละครแห่งความฝัน
และนี่คือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก
1. เอริค เทน ฮาก จัดตัวและปรับผู้เล่นบางตำแหน่ง เพื่อรับมือกับผู้มาเยือนอย่าง แมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะ เนื่องจากเกมแรกของฤดูกาลนี้ที่เจอกัน ลูกทีมของเขาโดนเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปใน Rule Darkz โดย เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กับ ฟิล โฟเด้น ทำแฮตทริคได้สำเร็จ
เขาเลือกใช้ ลุค ชอว์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คนะครับ แม้ว่าตัวหลักอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ จะพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงแล้วก็ตาม
ตรงกลาง กาเซมิโร่ คือตัวหลัก แต่เขาเปลี่ยนคู่ของคุณเกษมจาก คริสเตียน เอริคเซ่น เป็น เฟร็ด เหตุผลคือต้องการมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน พลางขยับดาวเตะพันธุ์โคนมขึ้นไปเล่นเป็นหน้าต่ำแทน บรูโน่ แฟร์นันด์ส
แดนหน้า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เป็นตัวเป้า มาร์คัส แรชฟอร์ด ประจำการฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาให้ 'บรูโน่' ทำหน้าที่
นี่คือการจัดทีมแบบระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะผู้มาเยือนคือ แมนฯ ซิตี้ ที่เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด มา 3 เกมติดต่อกัน
2. ตอนแรก...ผมคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คงเน้นเกมตั้งรับอย่างจงหนักแบบไม่คิดจะครองบอลสู้ แล้วค่อยหาจังหวะตอบโต้อย่างฉาบฉวยเหมือนที่เคยใช้ได้ผลกับทีมเรือใบสีฟ้า สมัยที่กุนซือคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ที่ไหนได้นะครับ เพราะผู้เล่นพันธุ์อสูรพยายามครองบอลสู้ แถมทำได้ดีเสียด้วย
พวกเขาต่อบอลกันด้วยความมั่นใจ ก่อนเปลี่ยนจังหวะเป็นการจู่โจมเร็วด้วยการทิ้งบอลยาวให้กองหน้า
วิธีนี้เล่นงานกองหลังของ แมนฯ ซิตี้ จนเกือบได้ประตูขึ้นนำถึง 2-3 ครั้ง
ขณะที่เกมรับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะถอยลงมาคุมพื้นที่ในแดนตัวเอง เวลาคู่แข่งได้บอลจะจี้เข้าหาเร็ว
นอกจากนี้ยังให้ เฟร็ด เป็นตัวโจ๊กเกอร์คอยสอดซ้อนผู้เล่นในแผงแบ็คโฟร์เวลาเสียตำแหน่ง รวมถึงเป็นผู้ดูแล เควิน เดอ บรอยน์ เป็นพิเศษ
และในทางกลับกัน
ทีมที่เล่นอย่างรัดกุมและระมัดระวังเป็นพิเศษกลับเป็นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
หลายจังหวะที่ควรเล่นแบบวัด ได้-เสีย ผู้เล่นทีมสีฟ้าจะดึงจังหวะให้ช้าลงพลางพยายามผ่านบอลด้วยความแน่นอน
แม้นจะครองบอลได้มากกว่า แต่แทบไม่มีอันตราย และไม่ได้สร้างความกดดันให้เจ้าบ้านเลย
จนกระทั่งครึ่งหลังนั่นแหละ
3. แมนฯ ซิตี้ มาเร่งเกมรุกในครึ่งหลัง ด้วยการต่อบอลทำชิ่งกันอย่างรวดเร็ว และไปทางตรงมากขึ้น เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น
15 นาทีแรกของครึ่งหลังจึงกด แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ข้างเดียวจนแทบจะเรียกได้ว่า 'โงหัวไม่ขึ้น'
ในที่สุดก็ทะลวงประตูจนได้จากตัวสำรองอย่าง แจ็ค กรีลิช ที่ลงมาแทน ฟิล โฟเด้น
ตอน แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ ผมคิดว่ามันจบแล้วครับ เพราะคงเป็นเรื่องยากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะครองบอลบุกอยู่ฝ่ายเดียว
เท่านั้นไม่พอ
หลังขึ้นนำ 1-0 แมนฯ ซิตี้ ก็ยังครองบอลบุกมากกว่าเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบการเล่นแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่เห็นตั้งแต่ครึ่งแรก คือแผงหลังของทีมสำเภาเศรษฐีมีจุดอ่อน การปราศจาก จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส และอายเมอริค ลาปอสสสส เอ๊ย ลาปอร์กต์ ทำให้ความแข็งแกร่งของเกมรับลดน้อยลง
นี่แหละเหตุผลที่ 'ปีศาจแดง' กระชากตัวเองกลับมาจากป่าช้าได้สำเร็จ
4. ทีนี้มาว่ากันถึงจังหวะปัญหาจากลูกตีเสมอเป็น 1-1
จังหวะเปิดบอลทะลุไลน์ของ กาเซมิโร่
มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าแน่นอนครับ
ส่วนเจตนาเล่นหรือเจตนาปล่อยขึ้นอยู่กับการตีความของผู้ตัดสิน
ดูจากภาพช้า เขาทำท่าว่าจะเล่นนะครับ เพียงแต่ยังไม่ได้ครอบครองบอล
ทันใดนั้นเองที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส พุ่งสอดขึ้นมาพอดี ดาวเตะระดับดอกเตอร์จึงปล่อยให้บอลไหลผ่านพร้อมออกท่าบอกผู้ตัดสินประมาณว่า 'กูไม่ได้เล่นนะครับ'
อ่อ...ขอบอกว่าจังหวะนี้ไม่ได้ใช้ VAR มาช่วยตัดสินนะครับ ตอนถ่ายทอดสดก็ไม่มีภาพช้าจาก VAR เพราะมันไม่ใช่ความผิดพลาดของผู้ตัดสิน หรือผู้ตัดสินไม่ได้ทำผิดพลาดอะไร
VAR จึงไม่มีสิทธิ์ยุ่ง
เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
ยกตัวอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มองว่า 'แรช' รบกวนผู้รักษาประตู และกองหลัง แม้จะไม่ได้เล่นบอลก็ตาม
แฟนบอลจำนวนหนึ่งของบางทีมที่รักความยุติธรรมแบบเต็มประดาก็ออกมาดิ้นพล่านพลางโวยวายว่า...ขี้โกง
สำหรับผู้ชมทางบ้านอย่างผม มองว่า...ก็ในเมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังไม่ได้ครองบอล และยังไม่ได้สัมผัสบอล มันก็ไม่ล้ำหน้า
คิดง่ายๆ ครับว่าอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าจริง แต่ไม่ได้เล่น แถมไม่ได้ไปบังทางผู้รักษาประตูหรือกองหลังอย่างที่ถูกกล่าวอ้างเสียด้วย ขณะที่คนสอดขึ้นมายิงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า มันก็ไม่ล้ำหน้าสิ
ที่แน่ๆ คือท่านตุลาการสนามที่ย่อมรู้กติกามากกว่าแฟนบอลอย่างแน่นอนยืนยันว่า...เป็นประตู
จบนะ 55555
5. ก่อนศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ - พลพรรคปีศาจแดงกะซวกชัยมา 8 นัดติดต่อกันก็จริง เพียงแต่ยังไม่เจอ 'ของจริง'
กระทั่งยัดเยียดความปราชัยให้ แมนฯ ซิตี้ นี่แหละที่ถึงแม้จะมีแฟนบอลจำนวนหนึ่งพยายามจะ 'ดราม่า' ทว่าสิ่งที่ต้องยอมรับคือ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ไฉไลในระดับหนึ่ง
เล่นเป็นระบบ เล่นเป็นทรง มีรูปแบบ และทีมเวิร์ค ไม่ใช่ต่างคนต่างเล่นบนความสะเปะสะปะเหมือนแต่ก่อน
ที่สำคัญคือแสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเท รวมถึงความหื่นกระหายในชัยชนะออกมามากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้ไล่บี้ แมนฯ ซิตี้ เหลือแค่แต้มเดียวแล้ว
อย่างไรก็ตาม สาบานว่าขอแค่ติด 4 อันดับแรกของตารางก็พอ ยังไม่คิดที่จะลุ้นแชมป์อะไรกับเขาหรอก
แต่ถ้าจะยกให้ก็...เอานะ
บอ.บู๋