นางนวลเหนือหงส์,อลิสซง หลังหัก! 5 ข้อ เกม ลิเวอร์พูล โดน ไบรท์ตัน ขยี้เละ

นางนวลเหนือหงส์,อลิสซง หลังหัก! 5 ข้อ เกม ลิเวอร์พูล โดน ไบรท์ตัน ขยี้เละ
ถือเป็นเกมที่ย่ำแย่อย่างแรงสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่บุกมาแพ้ ไบรท์ตัน แบบน่าสลดด้วยสกอร์ 3-0 จากการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.

จากสกอร์ที่ปรากฏ ส่งผลให้ นกนางนวล แซงหน้า หงส์แดง ในอันดับตารางได้แล้ว แถมยิงประตูได้มากกว่า เครื่องจักรสีแดง แล้วเช่นกันซึ่งมองดูแล้วส่อแววว่าจะเป็นซีซั่นที่ล้มฟุบสำหรับทีมที่เคยยิ่งใหญ่ถึงขนาดลุ้นคว้าโทรฟี่มากถึงสี่รายการ

1 .นางนวล ส่งแข้ง แชมป์โลก ออกสตาร์ต

ไบรท์ตัน ส่ง  อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติ อาร์เจนติน่า ชุด แชมป์โลก ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมลีกนัดแรกนับตั้งแต่จบสิ้นศึก เวิลด์คัพ ขณะที่ อดัม ลัลลาน่า อดีตดาวเตะ เร้ด แมชีน ก็ได้ออกสตาร์ตฟัดกับต้นสังกัดเก่าเช่นกัน

เทียบจากเกมล่าสุดที่บุกไปขยี้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 5-1 ในศึก เอฟเอคัพ กุนซือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ปรับทัพสามรายโดยนอกเหนือจาก แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้ว กัปตันทีม ลูดิส ดังค์ กับนายทวารมือหนึ่ง โรเบิร์ต ซานเชส ได้กลับมาอยู่ในโผตัวจริงโดยที่ เจสัน สตีล , ทาริค แลมพ์ตีย์ และ ยาน พอล ฟาน เฮคเก้ หล่นไปนั่งข้างสนาม

2. คล็อปป์ ใช้งาน อ็อกซ์เลด แทน นูนเญซ

สำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งประสบกับปัญหามีนักเตะล้มหมอนนอนเสื่อแบบยาวๆหลายรายไม่อาจโรเตชั่นทีมได้มากนัก และตัดสินใจใช้งาน 10 นักเตะหน้าเดิมจากเกมเสมอ วูล์ฟส์ 2-2 ในศึก เอฟเอคัพ รอบสามที่สนาม แอนฟิลด์

ด้วยเหตุที่ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าทีมชาติ อุรุกวัย เดี้ยงเพิ่มไปอีกราย เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันจึงตัดสินใจใช้งาน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ให้ปักหลักอยู่ทางฝั่งซ้าย

ต่อการขาดหายไปของอดีตหัวหอก เบนฟิก้า โคดี้ กัคโป ซึ่งเปิดตัวไม่สวยในเกมบู๊กับทีม หมาป่า จึงได้รับความไว้วางใจให้สวมบทกองหน้าในฐานะตัวรุกสารพัดประโยชน์โดยที่ โม ซาลาห์ ทำหน้าที่จู่โจมทางด้านขวาเช่นเดิม

3. ครึ่งแรก หงส์ ทรงอย่างแบด

ยังไม่ฟื้นจริงๆสำหรับฟอร์มในระยะนี้ของ ลิเวอร์พูล รวมทั้งเกมในครึ่งแรกที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่า นกนางนวล ทำเกมรุกได้เหนือกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูล ยังรอดตายเหมือนควายขวิดอีกด้วยที่ไม่เสียลูกโทษท้ายครึ่งแรกเนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้าซะก่อน แต่รวม 45 นาทีแรกทีมของ เด แซร์บี้ เล่นได้ดีกว่าอย่างครบวงจร

ไม่ว่าจะเป็นการครองบอลที่เหนือกว่าสูงถึง 64:36% ซึ่งปกติแล้วทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะอาศัยกลเม็ด เกเก้นเพรสซิ่ง คุมจังหวะเกมได้เหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด

แล้วไหนจะเป็นโอกาสเช็คบิลอีกที่ ไบรท์ตัน มีมากกว่าจาก 6 ครั้งที่พวกเขาส่งบอลเข้ากรอบได้ 3 ครั้ง ขณะที่ เร้ด แมชีน มีลุ้น 3 ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบเลย

4. ชัยชนะที่เด็ดขาดของ ไบรท์ตัน


ต้องยอมรับว่านาทีนี้ ซอลลี่ มาร์ช กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างเร่าร้อนต่อการส่งบอลเข้าปะทะกับตาข่ายฝ่ายตรงข้าม

แม้ครึ่งแรกทีมเจ้าบ้านจะยังเบิกสกอร์ไม่ได้ทั้งๆที่เล่นได้เหนือกว่า แต่หลังออกสตาร์ตครึ่งหลังมาได้แค่สองนาที มิดฟิลด์อิงลิชก็ซัดประตูให้ทีมนำเร็ว ก่อนจะมาเบิ้ลเม็ดสองได้ในนาทีที่ 53

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวสำรองอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค ยังระเบิดลีลายิงประตูปิดกล่องได้เหลือรับประทานอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไง มาร์ช ก็นับเป็นหัวใจสำคัญในยามนี้ของ นกนางนวล อย่างแท้จริงเนื่องจากเขาคลำเป้าได้รวมเป็นสี่ประตูแล้วจากการลงเล่นในเกมลีกสี่นัดหลังรวมถึงเกมถล่ม หงส์แดง ด้วย

เริ่มจากเกมบุกทุบ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ต่อด้วยเกมบุกอัด เอฟเวอร์ตัน 4-1 แล้วมาโชว์ของในเกมยำใหญ่ ลิเวอร์พูล ด้วยการเหมาซัดสองประตู มีแค่เกมเฝ้าบ้านแพ้ อาร์เซน่อล 4-2 เท่านั้นหลังนัดบู๊กับ เดอะ เซนต์ส ที่ มาร์ช ไม่อาจสอยตาข่ายได้

ด้าน เด แซร์บี้ ถึงตอนนี้เขาทำให้กองเชียร์ ไบรท์ตัน ลืม แกรห์ม พ็อตเตอร์ ไปหมดใจแล้วเนื่องจาก นกนางนวล มีผลงานดีกว่า เชลซี ของอดีตเจ้านายคนเก่งซะอีก โดยเฉพาะเกมกำราบ เร้ด แมชีน ซึ่งมีสถิติบ่งชี้ออกมาหลังครบ 90 นาทีที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

นั่นเป็นเพราะว่า ไบรท์ตัน ครองบอลได้มากกว่าสูงถึง 62:38% และได้กระทุ้งประตูรวม 16 ครั้งซึ่งเข้ากรอบ 9 ครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้สับไกแค่ 6 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

ฉะนั้นแล้วจึงพูดได้เลยว่าหากไม่ได้นายทวารชั้นยอดอย่าง อลิสซง ช่วยเซฟประตูครั้งแล้วครั้งเล่า ลิเวอร์พูล จะต้องประสบกับความขายหน้ามากไปกว่านี้อย่างแน่นอน

5. ส่องโอกาสคัมแบ็คของ ลิเวอร์พูล


หลังบุกมาแพ้ ไบรท์ตัน แบบหมดสภาพ ลิเวอร์พูล จะลงเล่นเกมต่อไปด้วยการบุกไปเยือน วูล์ฟส์ ในศึก เอฟเอคัพ นัดรีเพลย์หลังจากเกมที่ แอนฟิลด์ พวกเขาโดนทีม หมาป่า ไล่ตีเสมอ 2-2

แน่นอนว่าแม้ระยะนี้ ลิเวอร์พูล จะมีผลงานไม่สู้ดีแกว่งไปแกว่งมาหาความแน่นอนไม่ได้ แต่หาก คล็อปป์ หวังว่าจะมีจุดเปลี่ยน เขาก็ต้องพยายามพาทีมผ่านเข้ารอบถ้วยน็อคเอาต์ให้ได้เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของทีมกลับคืนมาโดยเร็ว

ถัดจากเกมฟัดกับทีม หมาป่า หงส์แดง จะลงเล่นเกมลีกอีกสี่นัดก่อนเปิดบ้านต้อนรับ เรอัล มาดริด ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

และสำหรับสี่นัดที่ว่า ลิเวอร์พูล ก็ไม่ถึงกับเจองานหนักมากจนเกินไปเริ่มจากเกมเปิดบ้านต้อนรับ เชลซี ซึ่งยามนี้มีผลงานเหลวแหลกยิ่งกว่าซะอีก

จากนั้น คล็อปป์ จะคุมทีมบุกไปเยือน วูล์ฟส์ โจทก์เก่าในเกมลีกอีกหน และต่อด้วยการลงเล่นในบ้านบู๊กับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งน่าจะการันตีสามแต้มเหมือนเคย และเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล สมควรต้องชนะสถานเดียวเพื่อสร้างความฮึกเหิมก่อนบุกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล เป็นลำดับต่อไป


ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport