ตอนนี้ เชลซี ได้หัวเรือใหม่เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ แกรม พ็อตเตอร์ เข้ามารับหน้าที่แทน โธมัส ทูเคิ่ล ที่ถูกสั่งปลดแบบฟ้าผ่าเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยการมาของกุนซือชาวอังกฤษอาจจะทำให้นักเตะบางคนของ "สิงห์บลูส์" ได้รับโอกาสใหม่อีกครั้ง
ทูเคิ่ล กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของสโมสรคนใหม่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกัน โดยหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการที่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ต้องการเซ็นสัญญากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่กุนซือชาวเยอรมันไม่อยากได้
ปัญหาภายในดังกล่าวถูกเก็บเอาไว้จนกระทั่ง ทูเคิ่ล ทำผลงานได้น่าผิดหวังในช่วงต้นซีซั่นทั้งในศึกพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่งผลให้ โบห์ลี่ มีความชอบธรรมทุกประการในการเฉดหัวเขาออกจากตำแหน่งทันที
สำหรับการมาของ พ็อตเตอร์ แน่นอนว่าเขามีขุมกำลังที่พร้อมใช้งานได้ทันที ในขณะเดียวกันนักเตะที่เคยโดน ทูเคิ่ล หมางเมินมีโอกาสที่จะได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาเหมาะสมที่จะได้อยู่ในทีมต่อไป
คริสเตียน พูลิซิช
แนวรุกเลือดมะกันไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวหลักของเชลซี นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2019 สถานการณ์ชีวิตของ พูลิซิช ยิ่งย่ำแย่เมื่อโดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงานส่งผลให้นักเตะขาดโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงซัมเมอร์นี้นักเตะเริ่มรู้สึกว่าการทู่ซี้อยู่กับทีมต่อไปชีวิตนักเตะอาจจะพังพินาศ นั่นทำให้เขาเริ่มคิดเรื่องการย้ายไปเล่นแบบยืมตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว และทำให้ ดาวเตะวัย 23 ปีเริ่มมีความหวังว่าเขาสามารถทำผลงานได้ประทับใจ พ็อตเตอร์ ได้ และถ้าทำสำเร็จชื่อของเขาคงอยู่ในทีมชาติสหรัฐอเมริกา ลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 แน่นอน
เทรโวห์ ชาโลบาห์
ชาโลบาห์ ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการเล่นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และนักเตะได้ลงเล่นตัวจริงในลีกแค่เกมเดียวเท่านั้นในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะการที่ "สิงห์บูลส์" เซ็นสัญญาคว้าตัว เวสลี่ย์ โฟฟาน่า มาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสนนราคา 70 ล้านปอนด์ (ราว 3,080 ล้านบาท) ยิ่งทำให้โอกาสของ ชโลบาห์ ลดน้อยยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่ตอนนี้ พ็อตเตอร์ เข้ามาสวมบทนายใหญ่แล้ว และเขาเป็นคนที่มีสถิติดีเยี่ยมในการปั้นกองหลังดาวรุ่ง ดูได้จากกรณีของ เบน ไวท์ ซึ่งเป็นเด็กในอะคาเดมี่ของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ปัจจุบันเขาย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) แถมยังก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษด้วย ฉะนั้น ชาโลบาห์ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้แจ้งเกิดในยุคของ "เฮียพ็อต" เช่นกัน
คอนอร์ กัลลาเกอร์
พ่อหนุ่มรูปหล่อผมสลวยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับการเล่นแบบยืมตัวกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และดูเหมือนชีวิตนักเตะของเขาน่าจะรุ่งเรืองเมื่อได้หวนกลับมาสู่ต้นสังกัดแม่ในซีซั่นนี้ ขณะเดียวกัน ทูเคิ่ล ก็ค่อนข้างชื่นชอบ กัลลาเกอร์ แต่กระนั้นดาวเตะเลือดผู้ดีต้องเจอกับความยากลำบากในการเล่นตัวจริงเกมลีกแมตช์แพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-3 จากนั้นก็มาโดนไล่ออกในเกมที่ปะทะกับ เลสเตอร์ ซิตี้ สำหรับตอนนี้ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอีกแล้ว แต่นักเตะวัย 22 ปี ก็ยังมีความหวังที่จะได้เป็นตัวหลักในยุคพ็อตเทอร์เช่นกัน
ฮาคิม ซิเย็ค
ปีกทีมชาติโมร็อกโก ที่มีเท้าซ้ายที่สุดยอดมากๆ แต่นักเตะแทบไม่ค่อยได้รับโอกาสในยุคทูเคิ่ลเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และเจ้าตัวก็คิดหนักจนถึงขนาดต้องการกลับไปเล่นให้ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในช่วงซัมเมอร์นี้ สำหรับเรื่องศักยภาพของนักเตะไม่มีใครสงสัยอยู่แล้ว แต่ปัญหาเดียวก็คือช่วงที่ผ่านมา ซิเย็ค ไม่ค่อยได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้สถานการณ์ของ เชลซี เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว และการที่ พ็อตเตอร์ มีผู้เล่นอย่าง ซิเย็ค อยู่ในทีม งานนี้บอกเลยว่าเขาคงได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องเพราะผู้เล่นที่มีเทคนิคดีจะมีประโยชน์กับระบบการเล่นของกุนซือวัย 47 ปี
โรเมลู ลูกากู
เชลซี คว้าตัว ลูกากู มาร่วมทัพด้วยค่าตัวเกือบ 100 ล้านปอนด์ (ราว 4,400 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่าเขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามเพราะ ทูเคิ่ล มองว่านักเตะเล่นไม่เข้ากับแท็กติก ยิ่งไปกว่านั้น กุนซือชาวเยอรมัน ไม่คิดที่จะปรับระบบเพื่อช่วยดึงศักยภาพของ หัวหอกชาวเบลเยียม ออกมา และยืนกรานว่านักเตะต้องพยายามเรียนรู้ที่จะเล่นให้ได้ตามแนวทางของเขา ในเมื่อทั้งสองคนไม่คิดที่จะปรับทุกอย่างเข้าหากันสุดท้ายก็ต้องต่างคนต่างเดิน โดย ลูกากู ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ อินเตอร์ มิลาน ช่วงซัมเมอร์นี้ สำหรับ พ็อตเตอร์ ช่วงที่คุม ไบร์ทตัน เขาไม่มีปัญหาเรื่องการให้โอกาสนักเตะ ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ ลูกากู จะได้กลับมาแจ้งเกิดในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง
ทอมเม้ง