โรนัลดินโญ่ ตำนานดาวเตะทีมชาติบราซิล มีอันต้องตกเป็นข่าวอื้อฉาวระดับชาติอีกระลอก เมื่อถึงขนาดต้องไปให้ปากคำต่อสภาผู้แทนราษฎรในบ้านเกิด ภายหลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการฉ้อโกงครั้งใหญ่ของบริษัทคริปโตเคอร์เรนซี่รายหนึ่งซึ่งมีผู้เสียหายมากมายเลยทีเดียว
เจ้าของชื่อจริง "โรนัลโด้ เด อัสซิส โมเรยร่า" กล่าวต่อสมาชิกสภาผู้แทนฯ ในระหว่างการไต่สวนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีชื่อว่า "18เค โรนัลดินโญ่ โคแมร์ซิโอ อี ปาร์ชิซิปาโซเอส ลิมิตาดา" (18k Ronaldinho Comércio e Participações Ltda) แต่อย่างใดทั้งสิ้น
"พวกเขาเอาชื่อของผมไปใช้แบบผิดๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับกิจการของตัวเอง" อดีตกองหน้าชื่อก้องของ บาร์เซโลน่า กล่าวระหว่างการไต่สวนดังกล่าว ซึ่งมีข้อความปรากฎอยู่ในแถลงการณ์ของสภาเมืองกาแฟ
แถลงการณ์ฉบับเดิมระบุเพิ่มเติมด้วยว่า "เหยินน้อย" วัย 43 ปี บอกด้วยว่าเขาเคยเซ็นสัญญากับ 18เค วอตช์ คอร์ปอเรชั่น (18k Watch Corporation) เมื่อปี 2016 เพื่อสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นนาฬิกาข้อมือที่มีภาพลักษณ์ของตนเอง แต่ไม่มีการเปิดเผยใดๆ ว่าสองบริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ เมื่อปี 2020 โรนัลดินโญ่ มีอันต้องกลายมาเป็นจำเลยในคดีความที่ยื่นฟ้องโดยองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคของประเทศ ซึ่งเรียกร้องค่าเสียหาย 300 ล้านเรอัลบราซิล (ประมาณ 2,132.58 ล้านบาท) สำหรับการเยียวยาลูกค้าของ 18เค มาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ดี ในปีเดียวกันนั้น สมาชิก "เซเลเซา" ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 กับพี่ชายก็มีอันต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศปารากวัยนานถึง 171 วัน ด้วยข้อหาใช้หนังสือเดินทางปลอม
รายงานระบุด้วยว่า ริคาร์โด้ ซิลวา ผู้เสนอรายงานการประชุมต่อสภาบราซิล ได้ถาม โรนัลดินโญ่ ว่าฟ้องร้องบริษัทดังกล่าวที่เอาชื่อตัวเองไปใช้ในการละเมิดกฎหมายไปแล้วหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่ามอบหมายให้พี่ชายเป็นผู้ดูแลคดีนี้ไปแล้ว
โรนัลดินโญ่ เกือบจะต้องโดนตำรวจจับกุมตัวเสียแล้ว หลังจากที่ไม่ยอมมาตามหมายเรียกถึงสองครั้งสองครา โดยคณะกรรมาธิการที่ดำเนินการไต่สวนคดีดังกล่าวถึงกับขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดี หากไม่มาปรากฎตัวในการไต่สวนเป็นครั้งที่สาม