อังกฤษ พบ ลัตเวีย! 5 ข้อสิงโตกินนิ่ม,เจมส์-เอเซ่ ตุงแรก,ทูเคิ่ล หน้าบาน

1. แรชฟอร์ด ลุยต่อ-โฟเด้น หลุดโผ

โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือทีมชาติ อังกฤษ ยังวางใจส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเล่นเป็นตัวจริงต่ออีกเกมแม้สตาร์ทีม แอสตัน วิลล่า จะถูกนายใหญ่ด๊อยทช์วิจารณ์ว่าเล่นได้ไม่น่าประทับใจในเกมชนะ แอลเบเนีย 2-0 เมื่อวันศุกร์

อย่างไรก็ดี ฟิล โฟเด้น ดาวเตะทีม แมนฯ ซิตี้ ซึ่งถูก ทูเคิ่ล ระบุถึงผลงานที่ไม่ดีพอเช่นกันหลุดโผตัวจริงโดยมี จาร์ร็อด โบเว่น ได้เสียบแทน

นอกจากนี้ มอร์แกน โรเจอร์ส ได้ออกสตาร์ตการรับใช้ชาติเป็นเกมแรกด้วยแทนที่ เคอร์ติส โจนส์ ขณะที่ มาร์ค เกฮี กลับมาคุมเกมรับแทน แดน เบิร์น

สุดท้าย รีซ เจมส์ ได้เสียบแทน ไคล์ วอล์คเกอร์ โดยแบ็คขวาทีม เชลซี กลับมาลงบู๊ให้แผ่นเดินเกิดเป็นตัวจริงนัดแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 รวมแล้ว ทรี ไลอ้อนส์ โรเตชั่นทีมสี่ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่ อังกฤษ เลือกใช้งานดาวเตะทีม สิงห์ผงาด ในโผตัวจริงพร้อมกันมากถึงสามราย (เอซรี่ คอนซ่า , โรเจอร์ส และ แรชฟอร์ด) นับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.2009 ในเกมอุ่นแข้งกับ สเปน (กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ , เอมิล เฮสกี้ และ แกร็ธ แบร์รีย์)

พร้อมกันนี้ เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ไลน์อัพของ อังกฤษ ไม่มีนักเตะจาก แมนฯ ยูไนเต็ด , แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เลยแม้แต่รายเดียวถัดจากแมตช์เสมอกับ ฝรั่งเศส 0-0 ในศึก ยูโร 1992

ด้าน จอร์แดน พิคฟอร์ด เฝ้าเสานัดนี้เป็นเกมที่ 75 ถือสถิติร่วมนายทวาร ทรี ไลอ้อนส์ ที่ติดธงมากที่สุดอันดับสองเช่นเดียวกับ โจ ฮาร์ท และ เดวิด ซีแมน เป็นรองแค่ ปีเตอร์ ชิลตัน รายเดียว (125 นัด)

2. เพื่อนเก่า ไรซ์ นั่งสำรอง

เปาโล นิโคลาโต้ กุนซือทีมชาติ ลัตเวีย ซึ่งมีอันดับ 140 ในแรงกิ้งฟีฟ่าพาทีมเก็บสามแต้มเต็มได้เช่นกันในเกม ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนัดแรกที่บุกไปพิชิต อันดอร์ร่า 1-0

แม้จะลุกจากซุ้มม้านั่งในครึ่งหลังลงไปพังประตูโทนให้ทีมได้ แต่ ดาริโอ ซิตส์ ยังมีชื่อเป็นตัวสำรองเช่นเดิม

ขณะเดียวกัน ริชาร์ดส์ มาเตรวิชส์ นายทวารร่างยักษ์วัย 26 ปีเจ้าของความสูง 6 ฟุต 7 นิ้วหรือ 201 ซ.ม.เพื่อนเก่าของ เดแคลน ไรซ์ สมัยเป็นนักเตะเยาวชนของ เวสต์แฮม ด้วยกันทั้งคู่ถูกจับให้นั่งข้างสนาม

3. เจมส์ เบิกสกอร์แรกอย่างแจ่ม

หลังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในทีมชาติหนแรกในรอบสองปีครึ่ง เจมส์ ก็ไม่ทำให้กุนซือที่เยี่ยมที่สุดของเขาต้องผิดหวังหลังโชว์การซัดลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาเข้าประตูอย่างสุดสวยพา ทรี ไลอ้อนส์ นำหน้า 1-0 ในนาทีที่ 38 ซึ่งถือเป็นการลดความกดดันให้ ทูเคิ่ล อดีตผู้จัดการทีม เชลซี ได้ไม่น้อย

ขณะเดียวกัน กองหลังวัย 25 ปียังประเดิมคลำเป้าในการรับใช้ชาติได้เป็นประตูแรกด้วยกับการติดธงเป็นเกมที่ 18 และกลายเป็นกองหลังรายแรกของ อังกฤษ ที่เช็กบิลที่ เวมบลีย์ ได้จากลูกฟรีคิกต่อจาก สจ๊วร์ต เพียร์ซ ในเกมบู๊กับ ตุรเคีย วันที่ 18 พ.ย.1992

อย่างไรก็ดี สกอร์นำแค่ 1-0 หลังจบ 45 นาทีแรกของทีมเจ้าบ้านถือว่าน้อยเกินไปเมื่อมองจากโอกาสของพวกเขาที่ได้ส่องยิงในกรอบเขตโทษของอาคันตุกะหลายหน

แน่นอนว่า อังกฤษ มีสถิติครองบอลในครึ่งแรกเหนือกว่าบานเบอะ 78.9%:21.1% และได้ยิงมากถึง 17 ครั้งโดยพวกเขาส่งบอลเข้ากรอบได้ 3 ครั้ง ขณะที่ ลัตเวีย ได้ส่อง 2 ครั้ง และเข้ากรอบ 1 ครั้ง

4. เอเซ่ ไม่น้อยหน้า

นอกจาก เจมส์ จะยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้ เอเบเรชี่ เอเซ่ ปีกทีม คริสตัล พาเลซ เบิกสกอร์แรกกับทีม สิงโตคำราม ให้ตัวเองได้เช่นกันจากการลงเล่นนัดที่ 10 แม้จะเป็นลูกยิงแฉลบกองหลัง ลัตเวีย ก็ตาม

ถึงกระนั้น โรเจอร์ส นับเป็นขุนพลทีม สิงโตคำราม ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจไม่แพ้ใครในเกมนี้แม้จะไม่มีชื่อติดสกอร์บอร์ด

จากการได้ลงเล่นเป็นตัวจริงกับ อังกฤษ นัดแรก สตาร์จาก วิลล่า พาร์ค ได้โอกาสสับไกมากถึง 6 ครั้งในเกมนี้เท่ากับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม แต่มีผลงานลากบอลหนีตัวประกบได้มากที่สุดรวม 6 ครั้ง

สำหรับ แฮร์รี่ เคน ซึ่งพังประตูนัดนี้ได้อีกเม็ดฉลองการติดธงนัดที่ 105 เท่ากับ บิลลี่ ไรท์ รั้งอันดับ 9 ร่วมนักเตะที่ลงเล่นให้แผ่นดินเกิดมากที่สุด และสอยตาข่ายให้แผ่นดินเกิดเพิ่มเป็นเม็ดที่ 71

จบเกม อังกฤษ ครองบอลได้มากกว่า 73.4%:26.6% และได้ส่องยิง 27 ครั้งเข้ากรอบ 8 ครั้ง ขณะที่ ลัตเวีย ได้ยิงเพิ่มอีกหนรวมเป็น 3 ครั้ง และเข้ากรอบ 1 ครั้ง

5. ทูเคิ่ล ไม่ขายหน้า

อาจไม่ใช่เกมที่น่าปลื้มสำหรับสาวก ทรี ไลอ้อนส์ แต่สำหรับนายใหญ่คนใหม่ อย่างน้อยเขาพาทีมเก็บได้หกแต้มเต็มจากสองเกมกับทีมรองบ่อน และที่สำคัญ อังกฤษ เก็บคลีนชีตได้ทั้งสองเกมจากการดวลกับทีมที่ต่ำชั้นกว่า

ด้วยเหตุนี้ ทูเคิ่ล จึงเป็นกุนซือทีมเมืองผู้ดีคนแรกที่พาทีมคว้าชัยชนะได้ทั้งสองเกมแรกที่มีความหมายต่อจาก ฟาบิโอ คาเปลโล่ ในเดือนก.ย.2008 (ชนะรวด 8 นัดแรก) โดยนายใหญ่ทีมชาติ อังกฤษ คนสุดท้ายที่คุมทีมแพ้รวดในสองเกมแรกที่มีความหมายคือ เซอร์ อัลฟ์ แรมซีย์ ในปี 1963

ขณะเดียวกัน นี่้เป็นเกมแรกสุดที่ อังกฤษ ได้เผชิญหน้ากับ ลัตเวีย ด้วย และพวกเขายังสานต่อสถิติไม่แพ้คู่ปรับที่ดวลกับพวกเขาเป็นครั้งแรกเป็นชาติที่ 57 ติดต่อกันแล้ว (ชนะ 43 เสมอ 14) นับตั้งแต่พวกเขาเสียทีให้ เม็กซิโก 2-1 ในเดือนพ.ค.1959

หลังคว้าชัยเหนือ ลัตเวีย 3-0 อังกฤษ เพิ่มผลงานชนะเกมที่มีความหมายใน เวมบลีย์ เพิ่มเป็น 36 เกมติดต่อกันหากพวกเขามีสกอร์นำในครึ่งแรกนับตั้งแต่เสมอกับ เนเธอร์แลนด์ 2-2 ในปี 1993 ทั้งๆที่ จอห์น บาร์นส์ กับ เดวิด แพล็ต ส่องให้เจ้าบ้านนำก่อน 2-0

ถึงตอนนี้ อังกฤษ ไม่แพ้เกมคัดบอลโลก และบอลยูโรนัดเหย้ารวมกันนาน 39 นัดแล้ว (ชนะ 35 เสมอ 4) โดยพวกเขากำชัยเกมที่มีความหมายได้ห้านัดติดต่อกันด้วยซึ่งเป็นสถิติที่เทียบเท่ากับเดือนมิ.ย.2021