ลี คาร์สลีย์ กุนซือขัดตาทัพของ อังกฤษ กู้หน้าได้อย่างสุดสวยเมื่อพาทีมบุกไปล้างตา กรีซ ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าชัยชนะ 3-0 ในการฟาดแข้งฟุตบอล เนชั่นส์ ลีก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย.ซึ่งทำให้ทีม สิงโตคำราม ผงาดนำเป็นจ่าฝูงด้วยประตูได้เสียที่เหนือกว่า
1. ซิมิคาส คืนโผตัวจริง
คอสตาส ซิมิคาส แบ็คซ้ายทีม ลิเวอร์พูล กลับมาอยู่ในโผ 11 คนแรกของทีมชาติ กรีซ อีกครั้งโดยนัดพิชิต อังกฤษ 2-1 เขาไม่มีส่วนร่วม แม้จะได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองช่วงแปดนาทีสุดท้ายนัดก่อนที่เฝ้าบ้านชนะ ไอร์แลนด์ 2-0
เทียบจากเกมที่ เวมบลีย์ เจ้าบ้านปรับทัพสองรายโดยนอกจาก ซิมิคาส แล้ว คริสตอส ซาฟีริส ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นกันเนื่องจาก ดิมิทริออส คูร์เบลิส ติดโทษแบน ขณะที่ ดิมิทริส จิอันนูลิส หล่นไปเป็นตัวสำรอง
จากการมีชื่อติดทีมชุดนี้ ซาฟีริส ได้รับใช้ชาติในฐานะตัวจริงเป็นเกมแรกด้วยหลังจากก่อนหน้านี้สี่นัด กองกลางวัย 21 ปีของทีม สลาเวีย ปราก ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองโดยตลอด
2. โจนส์ ติดธงชุดใหญ่เกมแรก,เคน สำรอง
ลี คาร์สลีย์ กุนซือทีมชาติ อังกฤษ ขัดตาทัพวางโผ 11 คนแรกแบบเซอร์ไพรส์เล็กๆด้วยการส่ง เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ทีม ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทันทีในการรับใช้ชาติชุดใหญ่หนแรก
หลังแพ้ กรีซ คารัง 2-1 ทีมเมืองผู้ดีดร็อป แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนเก่งนั่งเป็นตัวสำรองตามคาดจากที่มีกระแสข่าวเผยออกมาก่อนแล้วแม้สตาร์ทีม บาเยิร์น มิวนิค จะไม่ได้บาดเจ็บ และส่งผลให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ทำหน้าที่กัปตันทีม
สำหรับหัวหอกตัวความหวังในการล้างตา กรีซ คาร์สลีย์ เลือกส่ง โอลลี่ วัตกิ้นส์ ศูนย์หน้าทีม แอสตัน วิลล่า ให้รับภาระแทน เคน
3. วัตกิ้นส์ ตอบแทนเจ้านาย
หลังมีข่าวหลุดออกมาว่า คาร์สลีย์ จะดร็อป เคน เป็นตัวสำรองที่เอเธนส์ สุดท้ายผู้จัดการทีมวัย 50 ปีตัดสินใจอย่างที่มีข่าวปรากฏออกมาจริง
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่ อังกฤษ จับดาวซัลโวสูงสุดที่ยังมีผลงานกับสโมสรในซีซั่นนี้อย่างน่าประทับใจเป็นตัวสำรอง แต่เขาอธิบายกับสื่อก่อนเกมว่าเชื่อว่า วัตกิ้นส์ จะทำได้ดีในเกมนี้
และแล้วแค่ 7 นาที ทีมเมืองผู้ดีซึ่งออกสตาร์ตได้อย่างน่าเกรงขามก็นำหน้าเจ้าบ้านจนได้จากฝีเท้าของดาวยิงทีม สิงห์ผงาด หลัง โนนี่ มาดูเอเก้ รับบอลยาวจาก จู๊ด เบลลิ่งแฮม แล้วกระชากขึ้นกราบขวาไปจนสุดเส้นหลังก่อนตวัดไปหน้าประตูโดยมี วัตกิ้นส์ ซัดไม่เหลือ
ถึงตอนนี้ สตาร์วัย 28 ปีคลำเป้าให้ อังกฤษ เป็นเม็ดที่ 5 แล้วจากการลงสนาม 18 นัด แต่เป็นประตูแรกของเขาในรายการ เนชั่นส์ ลีก
4. มาดูเอเก้ อนาคตสดใส
ไม่เพียงจะโชว์ฟอร์มในซีซั่นนี้กับ เชลซี ได้อย่างน่าจับตาเท่านั้น โนนี่ มาดูเอเก้ ยังฉายฟอร์มในสีเสื้อ ทรี ไลอ้อนส์ เกมนี้ได้อย่างโดดเด่นเป็นที่สุดด้วยแม้จะได้อยู่ในสนามไม่ถึง 70 นาทีเนื่องจาก คาร์สลีย์ เลือกมอบโอกาสให้ตัวสำรองลงเล่นหลายราย
หลังผ่านการติดธงชุดใหญ่มาก่อนหน้านี้สามนัด ในที่สุด มาดูเอเก้ ก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีม สิงโตคำราม ชุดใหญ่เป็นเกมแรก และเขาสามารถทดแทนการขาดหายไปของ บูคาโย่ ซาก้า ได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงจะแอสซิสต์ให้ อังกฤษ บุกมานำหน้าเท่านั้น พ่อค้าแข้งวัย 22 ปียังจ่ายบอลงามๆได้หลายหนเช่นกันจากสปีดฝีเท้าที่จัดจ้านและจับทางได้ลำบากกระทั่งทำเอา ซิมิคาส เสียเหลี่ยมไปหลายหน
ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายกุนซือ อีวาน โยวาโนวิช จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนกองหลัง ลิเวอร์พูล ออกช่วงต้นครึ่งหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ทีมเสียหายมากไปกว่านี้ แต่หลังจาก อังกฤษ ถอดดาวเตะทีม เชลซี ออกไปพัก พวกเขาสามารถเช็กบิลเพิ่มได้อีกสองลูก
5. เรื่องร้ายกลายเป็นดี
ก่อนเกมบุกมาเยือน โอลิมปิก สเตเดี้ยม คาร์สลีย์ ประสบกับปัญหาขาดนักเตะที่พากันถอนตัวมากถึงแปดราย และทำเอา เคน วิจารณ์พรรคพวกผ่านสื่อว่าสมควรให้ความสำคัญต่อทีมชาติมากกว่าสโมสร
เท่านั้นไม่พอ ถึงที่สุดแล้ว จาร์ราด แบรนธ์เวท กองหลัง เอฟเวอร์ตัน ถอนตัวเพิ่มอีกเป็นรายที่เก้าจนทำให้ จาเรลล์ ควานซาห์ ถูกเรียกตัวมาเสริมแทนโดยก่อนหน้านี้ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มาก่อน
แม้จะปราศจากสตาร์ดังบานเบอะทั้ง ฟิล โฟเด้น , เดแคลน ไรซ์ , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แจ็ค กรีลิช แต่ คาร์สลีย์ สามารถเนรมิตชัยชนะที่ยอดเยี่ยมให้กับ อังกฤษ ได้ทั้งๆที่ต้องบุกมาเล่นในถิ่นของ กรีซ แต่ทีมเมืองผู้ดีโชว์ฟอร์มข่มทีมเจ้าบ้านแบบหายห่วงผิดกับเกมที่ เวมบลีย์ ซึ่่งอดีตแชมป์ยูโรเล่นกันได้อันตรายกว่านัดนี้หลายเท่า