เสียงที่ดังที่สุดตลอด 90 นาทีของเกมมาจากฝั่งมุมประตูด้านไกลภายหลังกรีซสร้างประวัติศาสตร์เอาชนะอังกฤษได้เป็นครั้งแรก
อย่างแรกเลยต้องให้เครดิตชาติจากแดนเทพนิยายที่เล่นได้ยอดเยี่ยม พวกเขามาเวมบลีย์ โดยไม่ได้คิดแค่หวังแต้มเดียว ในทุกโอกาสที่ได้ครองบอลก็พยายามเซตเกมเข้าทำ สกอร์ 2-1 อาจไม่ได้บอกรายละเอียดทุกอย่างโดยเฉพาะพวกเขายิงเข้าไปอีก3ครั้งแต่โดนจับล้ำหน้าทั้งหมด
ลี คาร์สลี่ย์ออกมายืดอกรับผิดชอบ เขาเลือกที่จะวางสูตรfalse9 โดยเลือกที่จะใช้เหล่าตัวรุกที่มีลงพร้อมหน้าทั้ง จู๊ด เบลลิ่งแฮม (รับบทfalse), ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า, แอนโธนี่ กอร์ดอน และ โคล พาลเมอร์
ใช่ครับ นี่คือสิ่งที่กองเชียร์อังกฤษหลายคนอยากเห็นมาตลอด
ใช่อีกครับ นี่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต โค้ชที่ให้น้ำหนักเกมรับมากกว่าเกมรุก
ถามนาทีนี้ว่าสรุปแล้วใครกันแน่ที่คิดถูก?
แน่นอนว่าท้ายทีสุดในโลกของเกมลูกหนังก็ผูกไว้ที่ 'ผลการแข่งขัน' ซึ่งเป็นสิ่งที่ คาร์สลี่ย์ เองก็สะท้านว่าเขาคงไม่ได้รับข้อเสนอให้คุมสิงโตคำรามถาวรหลังจากแพ้ให้กรีซ1-2
แต่ในมุมของความกล้าก็ต้องชื่นชม มันเป็นสิ่งที่ผมก็อยากเห็นเช่นกันว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าหากตอนนั้นหรือตอนโน้น เซาธ์เกต จัดทีมใส่ตัวรุกลงเต็มสูบ อีกนั่นแหละฟุตบอลในชีวิตจริงต่างจากในเกมคอมพิวเตอร์เสมอ
เมื่อคืนพฤหัสฯ พาลเมอร์ ถอยมารับบทมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ เดแคลน ไรซ์ ข้อนี้บางคนก็วิจารณ์ว่าเหมือนว่า คาร์สลี่ย์ จะวางไม่ถูกตำแหน่ง กระนั้นย้อนไปในรุ่นยู-21 ก็เป็น คาร์สลี่ย์ ที่จับสตาร์ เชลซี คอยเดินเกมกลางสนามซึ่งก็ได้ผลอย่างดี
ส่วนตัวไม่คิดว่าสูตรfalse9จะผิดอะไร ในเมื่อ แฮร์รี่ เคน ฟิต ไม่พอและต่อให้บนม้านั่งสำรองจะมีตัวเลือกอย่าง โอลลี่ วัตกิ้นส์ กับ โดมินิค โซลันเก้ รออยู่ มันคือโอกาสของโค้ชคนหนึ่งที่อาจมองว่าเขาเองอาจจะไม่ได้โอกาสจะทดลองอะไรอย่างนี้อีกแล้ว
ปัญหาอยู่แค่งานทีมชาติมีเวลาน้อยในการเตรียมทีม นักเตะลากกระเป๋าเข้าแค้มป์วันจันทร์แต่กว่าได้ซ้อมจริงจังก็วันอังคาร ดังนั้นก็แค่ 2 วันเท่านั้นที่ คาร์สลี่ย์ ได้ขลุกอยู่กับทีมในเชิงของแท็กติก
น่าตกใจกว่านั้นหลังเกมเขาให้สัมภาษณ์ว่า "เราซ้อมสูตรfalse9นี้แค่ 20นาทีของบ่ายวันพุธ..."
เหตุผลเพราะ คาร์สลี่ย์ กับทีมงานหวังลึกๆว่าเคนจะลงสนามได้ เหตุผลต่อมาเขาก็มั่นใจในศักยภาพของนักเตะตัวเองที่มีว่าจะโชว์ผลงานได้ตามที่วาดภาพเอาไว้
นับแต่อดีตจึงพบได้ว่าทีมแชมป์รายการทัวร์นาเมนต์ระดับชาติจึงอาจไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดหรือมีฟอร์มน่าประทับที่สุด ด้วยเวลาอันสั้นของการเตรียมทีมมันก็จึงอยู่ที่จังหวะ, โชคไปจนถึงการตัดสินใจของโค้ช
ดังนั้นก็ต้องคิดต่อว่าถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาก็ไม่มีอะไรการันตีว่าต้องประสบความสำเร็จ
พวกเขาทั้งสองจะเปลี่ยนสิงโตให้เป็นสิงโตในฉบับตัวเองได้ในเวลาการคุมซ้อมอันน้อยนิดต่างจากงานสโมสรได้?
คาร์สลี่ย์ อาจจะมองข้ามกรีซเกินไปหน่อยจึงเลือกทดลองสูตรการเล่นในเกมที่ควรต้องเอาชนะไว้ก่อน
แต่นี่คือปัญหาของชาติที่บ้าบอลชาติหนึ่ง
เล่นรับมากไปก็โดนก่นด่า
พอพลิกตำราจัดตัวรุกเต็มสูบก็เหมือนเรือที่ลอยเคว้งกลางทะเลหาทางกลับฝั่งไม่เจอ
เหนืออื่นใด...พวกเขาคงถูกพร่ำสอนมาเสมอว่าไปไหนต้องได้แชมป์เท่านั้น
"ไก่ป่า"......