ศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก ฟาดแข้งกันจบครบสมบูรณ์ทั้ง 10 กลุ่ม เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้เราได้ 21 จาก 24 ทีมที่จะเข้าไปอวดโฉมรอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมนี ช่วงกลางปีหน้าเรียบร้อย โดยเป็น 20 ทีมจากรอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์และรองแชมป์) + 1 ทีมชาติเจ้าภาพ ซึ่งนั่นก็คือ เยอรมนี ส่วนโควตาที่เหลืออีก 3 ที่นั่ง จะเป็นผู้ชนะจากการเตะเพลย์ออฟ ซึ่งจะฟาดแข้งกันช่วงเดือนมีนาคม ปีหน้า และนี่คือโฉมหน้าของบรรดาทีมที่การันตีคว้าตั๋วไปสู้ศึก ยูโร 2024 เรียบร้อย
เยอรมนี (เจ้าภาพ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 14 ครั้ง (1972, 1976, 1980, 1984, 1988, 1992, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 3 สมัย (1972, 1980 และ 1996)
"อินทรีเหล็ก" ผ่านเข้าไปสู้ศึก ยูโร เป็นหนที่ 14 ซึ่งมากสุดเหนือกว่าชาติอื่นๆ และมีผลงานดีสุดคือการเป็นแชมป์ 3 สมัย โดยถึงแม้ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่ เยอรมนี ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ยังคงเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะ ยูโร 2024 ที่จะได้เล่นในบ้านตัวเอง
สเปน (แชมป์กลุ่ม เอ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 12 ครั้ง (1964, 1980, 1984, 1988, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 3 สมัย (1964, 2008 และ 2012)
แชมป์เก่า 3 สมัย ผ่านเข้าไปลุยศึก ยูโร 2024 ได้แบบไม่ยากเย็น ด้วยผลงานชนะ 7 จาก 8 นัด (แพ้ 1) ในรอบคัดเลือก กลุ่ม เอ โดยที่มี อัลบาโร่ โมราต้า กับ โฆเซลู เป็นสองดาวยิงหลักของทีม (คนละ 4 ประตู)
สกอตแลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม เอ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 4 ครั้ง (1992, 1996, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบแบ่งกลุ่ม (1992, 1996 และ 2020)
ทัพ "ตาร์ตัน" ได้สัมผัสศึก ยูโร เป็นหนที่สองติดต่อกัน ซึ่งก็ต้องขอบคุณ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางร่างใหญ่จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กระหน่ำได้ถึง 7 ประตู ในรอบคัดเลือก
ฝรั่งเศส (แชมป์กลุ่ม บี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 11 ครั้ง (1960, 1984, 1992, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 2 สมัย (1984 และ 2000)
ผ่านจากรอบคัดเลือกด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมสำหรับทัพ "ตราไก่" ที่ชนะรวด 7 นัด ก่อนมาเสมอในเกมสุดท้าย (บุกเจ๊า กรีซ 2-2 เมื่อคืนวันอังคาร) โดยทำได้ถึง 29 ประตู และเสียแค่ 3 ลูกเท่านั้น ซึ่งมีแค่ โปรตุเกส (2 ลูก) ที่เสียน้อยกว่า และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาถือเป็นอีกหนึ่งทีมเต็งแชมป์ ยูโร 2024 เพราะด้วยความแข็งแกร่งและลงตัวในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะแนวรุกที่มี คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นตัวชูโรง
เนเธอร์แลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม บี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 11 ครั้ง (1976, 1980, 1988, 1992, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 1 สมัย (1988)
ทัพ "อัศวินสีส้ม" ของกุนซือ โรนัลด์ คูมัน ไม่พลาดคว้าตั๋วลุยศึก ยูโร 2024 โดยถึงแม้แพ้ทั้งสองเกมที่เจอกับ ฝรั่งเศส แต่พวกเขาก็เก็บชัยได้หมดในเกมที่เหลือ และ เวาต์ เว็กฮอร์สต์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม (3 ประตู) ร่วมกับ โคดี้ กัคโป และ กัลฟิน สเตงส์
อังกฤษ (แชมป์กลุ่ม ซี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 11 ครั้ง (1968, 1980, 1988, 1992, 1996, 2000, 2004, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รองแชมป์ (2020)
"สิงโตคำราม" ซึ่งเป็นรองแชมป์เก่า ผ่านจากรอบคัดเลือกได้แบบไม่ยากลำบาก โดยที่มีผลงานชิ้นโบแดงเป็นการปราบ อิตาลี ได้ทั้งเกมเหย้าและเยือน และแน่นอนว่า แฮร์รี่ เคน ดาวยิงกัปตันทีมคนเก่ง ซัลโวไปทั้งสิ้น 8 ตุงในรอบคัดเลือก
อิตาลี (รองแชมป์กลุ่ม ซี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 11 ครั้ง (1968, 1980, 1988, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 2 สมัย (1968 และ 2020)
ทีมแชมป์เก่าภายใต้การนำทัพของกุนซือ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ต้องลุ้นหนักจนถึงนัดสุดท้าย (เสมอ ยูเครน 0-0 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา) กว่าจะคว้าตั๋วไปโชว์ฝีเท้าที่ เยอรมนี ซึ่งหากทำไม่สำเร็จคงจะเป็นหายนะสำหรับวงการลูกหนังแดนมะกะโรนีเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้พลาดลุยศึก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ มาสองหนติด (2018 และ 2022)
ตุรกี (แชมป์กลุ่ม ดี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 6 ครั้ง (1996, 2000, 2008, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบรองชนะเลิศ (2008)
การันตีแชมป์กลุ่ม ดี ด้วยการออกไปเสมอ เวลส์ 1-1 เมื่อคืนวันอังคาร ทำให้พวกเขาได้ลุย ยูโร เป็นหนที่สามติดต่อกัน และถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ด้วยกลุ่มนักเตะรุ่นใหม่ที่ผสมเข้ากับก๊วนแข้งเก๋าประสบการณ์ได้อย่างลงตัว
โครเอเชีย (รองแชมป์กลุ่ม ดี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 7 ครั้ง (1996, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบก่อนรองชนะเลิศ (1996 และ 2008)
ทีม "ตาหมากรุก" ของสุดยอดมิดฟิลด์ ลูก้า โมดริช เป็นทีมสุดท้ายในบรรดา 21 ทีมที่การันตีคว้าตั๋วไปสู้ศึก ยูโร 2024 หลังเปิดบ้านเบียดชนะ อาร์เมเนีย 1-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่า โครเอเชีย พลาดลุย ยูโร แค่หนเดียวเท่านั้น (ในปี 2000) นับตั้งแต่แยกประเทศออกมาจาก ยูโกสลาเวีย และเป็นสมาชิก ฟีฟ่า ภายใต้ชื่อ โครเอเชีย ในปี 1994
แอลเบเนีย (แชมป์กลุ่ม อี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 2 ครั้ง (2016 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบแบ่งกลุ่ม (2016)
ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่ แอลเบเนีย ผ่านจากรอบคัดเลือกในฐานะแชมป์กลุ่ม อี ทั้งที่มีทีมแกร่งอย่าง สาธารณรัฐเช็ก และ โปแลนด์ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม โดยพวกเขามีผู้เล่นหลายคนที่ค้าแข้งในเวที กัลโช่ เซเรีย อา เป็นดาวเด่น อาทิเช่น เอลซีด ฮูซาย (ลาซิโอ), คริสเตียน อัสลานี (อินเตอร์ มิลาน) และ อาร์เดียน อิสไมลี (เอ็มโปลี)
สาธารณรัฐเช็ก (รองแชมป์ กลุ่ม อี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 11 ครั้ง (1960, 1976, 1980, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024* นับรวมสมัยเป็น เชโกสโลวาเกีย)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 1 สมัย (1976)
อาจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอดีต แต่ สาธารณรัฐเช็ก ถือเป็นอีกหนึ่งชาติขาประจำในศึก ยูโร และชุดนี้มี โทมัส ซูเช็ค กองกลาง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นดาวเด่นประจำทีม
เบลเยียม (แชมป์กลุ่ม เอฟ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 7 ครั้ง (1972, 1980, 1984, 2000, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รองแชมป์ (1980)
"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ยังคงยอดเยี่ยม ถึงแม้เหมือนกำลังอยู่ในช่วงขาลงของยุคทอง โดยพวกเขาผ่านจากรอบคัดเลือกได้แบบไร้พ่าย (ชนะ 6, เสมอ 2) และ 14 จาก 22 ประตูที่ทำได้มาจาก โรเมลู ลูกากู หัวหอกคนเก่งของทีม ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในรอบคัดเลือกหนนี้ด้วย
ออสเตรีย (รองแชมป์กลุ่ม เอฟ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 4 ครั้ง (2008, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบ 16 ทีมสุดท้าย (2020)
ถึงแม้อยู่ในกลุ่มที่ไม่เบา ซึ่งมีทีมอย่าง เบลเยียม และ สวีเดน แต่พวกเขาก็สามารถควง เบลเยียม ผ่านเข้าไปอวดโฉมในศึก ยูโร 2024 ช่วงกลางปีหน้าได้สำเร็จ ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับกุนซือ ราล์ฟ รังนิก และบรรดานักเตะฝีเท้าดีที่ส่วนใหญ่ค้าแข้งในเวที บุนเดสลีกา
ฮังการี (แชมป์กลุ่ม จี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 5 ครั้ง (1964, 1972, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : อันดับ 3 (1964)
ทัพลูกหนัง "แม็กยาร์" ที่มี โดมินิค โซโบซไล กองกลางดาวดัง ลิเวอร์พูล เป็นกัปตันทีม คว้าตั๋วเข้าไปลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ประเทศเยอรมนี ได้อย่างน่าประทับใจ โดยไม่แพ้ใครเลย (ชนะ 5, เสมอ 3) แถมชนะรวดทั้ง 4 เกมในบ้านตัวเอง
เซอร์เบีย (รองแชมป์กลุ่ม จี)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 6 ครั้ง (1960, 1968, 1976, 1984, 2000 และ 2024* นับรวมสมัยเป็น ยูโกสลาเวีย)
- ผลงานดีสุด : รองแชมป์ (1960 และ 1968)
ตีตั๋วผ่านเข้ารอบมาในเกมสุดท้ายของรอบคัดเลือก ที่เปิดบ้านเสมอ บัลแกเรีย 2-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน โดยพวกเขาได้เข้าร่วมศึก ยูโร ภายใต้ชื่อ เซอร์เบีย เป็นครั้งแรก เพราะครั้งล่าสุดที่ได้เล่นเกิดขึ้นเมื่อปี 2000 สมัยยังคงเป็น ยูโกสลาเวีย
เดนมาร์ก (แชมป์กลุ่ม เอช)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 10 ครั้ง (1964, 1984, 1988, 1992, 1996, 2000, 2004, 2012, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 1 สมัย (1992)
ทัพลูกหนังแดนโคนมอาจไม่หวือหวา แต่ก็ได้ลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่เรื่อยๆ และศึก ยูโร ครั้งนี้พวกเขาก็ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มด้วยผลงานที่น่าประทับใจ โดยแพ้แค่นัดเดียว (ชนะ 7 เสมอ 1) เท่านั้น ขณะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ หัวหอกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานยอดเยี่ยม กดไป 7 ประตู
สโลวีเนีย (รองแชมป์กลุ่ม เอช)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 2 ครั้ง (2000 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบแบ่งกลุ่ม (2000)
สามารถเข้าไปวาดลวดลายในศึก ยูโร ได้อีกครั้ง หลังจากที่ว่างเว้นยาวมาตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์ในปี 2000 โดย สโลวีเนีย ชุดนี้มีแข้งดังอย่าง ยาน โอบลัค โกลจอมหนึบจาก แอตเลติโก มาดริด และ เบนจามิน เซสโก้ หัวหอกดาวรุ่งพุ่งแรงจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เป็นดาวเด่น
โรมาเนีย (แชมป์กลุ่ม ไอ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 6 ครั้ง (1984, 1996, 2000, 2008, 2016 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบก่อนรองชนะเลิศ (2000)
โรมาเนีย ได้กลับไปลุย ยูโร อีกครั้ง หลังจากที่พลาดทัวร์นาเมนต์ในปี 2020 ซึ่งถึงแม้ทีมชุดนี้ไม่คอยมีแข้งดาวดัง แต่พวกเขาสามารถผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มด้วยสถิติไร้พ่าย (ชนะ 6 เสมอ 4) แถมเสียประตูแค่ 5 ลูกเท่านั้น
สวิตเซอร์แลนด์ (รองแชมป์กลุ่ม ไอ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 6 ครั้ง (1996, 2004, 2008, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบก่อนรองชนะเลิศ (2020)
สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีสตาร์ดังอย่าง เซอร์ดาน ชากิรี่, ยานน์ ซอมเมอร์, มานูเอล อาคันจี และ ฟาเบียน แชร์ คว้าตั๋วไปสู้ศึก ยูโร 2024 ได้แบบไม่ลำบาก แม้เสียสถิติไร้พ่ายในเกมสุดท้ายที่ออกไปแพ้ โรมาเนีย 0-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
โปรตุเกส (แชมป์กลุ่ม เจ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 9 ครั้ง (1984, 1996, 2000, 2004, 2008, 2012, 2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : แชมป์ 1 สมัย (2016)
ทัพลูกหนังแดนฝอยทองผ่านจากรอบคัดเลือกอย่างเหนือชั้น ด้วยสถิติชนะ 100% จากการลงแข่ง 10 นัด แถมกระหน่ำไปถึง 36 ประตู ซึ่งมากสุดเหนือทุกทีมในรอบคัดเลือก แถมเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น ซึ่งก็น้อยสุดในรอบคัดเลือกเช่นกัน และแน่นอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีม (10 ประตู)
สโลวาเกีย (รองแชมป์กลุ่ม เจ)
- เข้าร่วมศึก ยูโร : 3 ครั้ง (2016, 2020 และ 2024)
- ผลงานดีสุด : รอบ 16 ทีมสุดท้าย (2016)
ถึงแม้แพ้ทั้งสองเกมที่เจอกับ โปรตุเกส แต่ สโลวาเกีย สามารถคว้าตั๋วไปสู้ศึก ยูโร 2024 ได้แบบไม่ลำบาก โดยที่มีคะแนนทิ้งห่าง ลักเซมเบิร์ก ทีมอันดับสาม ถึง 5 แต้ม ซึ่งทีมชุดนี้มีแข้งดังอย่าง มิลาน สคริเนียร์ เซนเตอร์แบ็ก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, มาร์ติน ดูบราฟก้า นายทวาร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ สตานิสลาฟ โลบ็อตก้า กองกลาง นาโปลี เป็นกำลังสำคัญ
สำหรับ 12 ทีมที่ได้สิทธิ์เตะเพลย์ออฟ (พิจารณาจากผลงานในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ซีซั่น 2022-23) เพื่อหาอีก 3 โควตาสุดท้ายไปสู้ศึก ยูโร 2024 โดยแบ่งแข่งขันเป็นสามสาย ซึ่งจะฟาดแข้งกันช่วงปลายเดือนมีนาคม ปีหน้า มีดังต่อไปนี้
สาย เอ
- โปแลนด์ พบ เอสโตเนีย (21 มี.ค.)
- เวลส์ พบ (*รอคอนเฟิร์มระหว่าง ฟินแลนด์ / ยูเครน / ไอซ์แลนด์) (21 มี.ค.)
*รอบชิงชนะเลิศ (26 มี.ค.)
สาย บี
- อิสราเอล พบ (*รอคอนเฟิร์มระหว่าง ยูเครน / ไอซ์แลนด์) (21 มี.ค.)
- บอสเนียฯ พบ (*รอคอนเฟิร์มระหว่าง ฟินแลนด์ / ยูเครน) (21 มี.ค.)
*รอบชิงชนะเลิศ (26 มี.ค.)
สาย ซี
- จอร์เจีย พบ ลักเซมเบิร์ก (21 มี.ค.)
- กรีซ พบ คาซัคสถาน (21 มี.ค.)
*รอบชิงชนะเลิศ (26 มี.ค.)
Subinho