อังกฤษ กู้ชื่อกลับคืนมาได้สำเร็จด้วยการบุกไปพิชิต สกอตแลนด์ 3-1 ในเกมอุ่นแข้งที่สนาม แฮมป์เด้น พาร์ค เมื่อวันอังคารที่ 12 ก.ย.หลังจากก่อนหน้านี้ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกตำหนิไม่น้อยเนื่องจากทำได้แค่ไล่ตีเสมอ ยูเครน 1-1 ในศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก
แรกทีเดียวเหมือนว่า ทรี ไลอ้อนส์ จะกำราบ วิสกี้ ได้ไม่ยาก แต่ แม็กไกวร์ เชิญยิ้ม ปราการหลังตัวสำรองถูกส่งลงมาจุดประกายความหวังให้กับทีมเจ้าบ้านซะอย่างนั้น ดีที่ว่า แฮร์รี่ เคน ยังพึ่งพาได้ และสบโอกาสซัดลูกตอกฝาโลงทีมขี้เมาในช่วงสิบนาทีสุดท้ายโดยเกมนี้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ระเบิดฟอร์มฮ็อตทั้งยิงทั้งจ่าย
1. ขี้เมาเต็มสูบไม่มีพักตัว
สตีฟ คลาร์ก ผู้จัดการทีม สกอตแลนด์ แสดงความจริงจังต่อเกมนี้ด้วยการส่ง 11 นักเตะชุดเดิมลงสนามเช่นเดียวกับเกมล่าสุดที่เขาพาทีมบุกไปไล่ต้อน มอลต้า 3-0 ในศึกฟุตบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ต่อการจัดทัพดังกล่าว ส่งผลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้าย ลิเวอร์พูล กัปตันทีม วิสกี้ ติดธงเป็นเกมที่ 66 ขณะที่ ลอว์เรนซ์ แชงต์แลนด์ กองหน้าทีม ฮาร์ทส์ ซึ่งหลุดโผนัดก่อนกลับมามีชื่อนั่งเป็นตัวสำรอง
2. เซาธ์เกตทำช็อกดร็อปลูกรัก
เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติ อังกฤษ ปรับทัพลงบู๊นัดนี้หลายตำแหน่งหลังจากนัดล่าสุดพวกเขาเป็นฝ่ายไล่ตีเสมอ ยูเครน 1-1 ในเกม ยูโร 2024 รอบคัดเลือก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรี ไลอ้อนส์ ทดลองใช้งาน ลูอิส ดังค์ เป็นเกมที่สองในนามทีมชาติชุดใหญ่แทนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ รวมทั้งส่ง คัลวิน ฟิลลิปส์ ลงสัมผัสเกมแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ด้วย
นอกจากนี้ อีกสี่ตำแหน่งที่มีการโรเตชั่นคือ ฟิล โฟเด้น ได้ออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ส่งผลให้ บูคาโย่ ซาก้า กับ เจมส์ แมดดิสัน หลุดไปนั่งข้างสนาม ขณะที่ อารอน แรมสเดล ได้เฝ้าเสาแทน จอร์แดน พิคฟอร์ด ส่วนแบ็คซ้าย คีแรน ทริปเปียร์ ติดธงเกมที่ 43 โดยเบียด เบน ชิลเวลล์ ตกไปเป็นตัวสำรอง
3.โรเบิร์ตสัน ฝันร้าย
แม้เกมจะเป็นรองตามมาตรฐาน แต่ สกอตแลนด์ ยังรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไปเนื่องจากเกมรุกของ อังกฤษ ยังไม่เข้าที่เข้าทางแม้จะเป็นฝ่ายบุกได้ดีกว่า
กระทั่งนาทีที่ 32 โฟเด้น มาเข่นลูกเบิกร่องปลดล็อกให้ทีมเมืองผู้ดีได้ และจากนั้นเกมของทีมเยือนก็ไหลรื่นทันตาเห็นก่อนจะมาได้สกอร์เพิ่มอีกเม็ดในอีกสามนาทีต่อมาจาก เบลลิ่งแฮม ซึ่งได้ลูกส้มหล่นเนื่องจาก โรเบิร์ตสัน ก่อความผิดพลาดจับบอลหลุดเท้าในเขตโทษตัวเองซึ่งส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากการเปิดโอกาสให้คู่แข่งฉีกหนีไปไกลทั้งๆที่เกมเป็นรองบานเบอะอยู่แล้ว
จบครึ่งแรก ทีม ตาร์ตัน จึงมีสถิติที่เลวร้ายไม่มีโอกาสได้ง้างยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่ สิงโตคำราม ได้ส่องหกครั้ง และเข้ากรอบสองครั้งเป็นสองประตู อีกทั้งครองบอลได้เหนือกว่าเจ้าถิ่นที่ตัวเลข 62:38% ด้วย
4. แม็กไกวร์ ไม่มีแผ่ว
หลังนำห่าง 2-0 ในครึ่งแรก เซาธ์เกต ก็ตัดสินใจโชว์การเล่นเกมรับ และส่งลูกชายคนโต แม็กไกวร์ ลงเล่นเป็นตัวสำรองรายแรกทันทีโดยถอด มาร์ค เกฮี ออก
เท่านั้นแหละ เกมรับที่แข็งแกร่งดีอยู่แล้วของ อังกฤษ ก็รวนเรเป็นระยะจากการถูกเจ้าบ้านโหมบุกเข้าใส่อย่างหนักหมายทำประตูคืน และในที่สุดนาทีที่ 68 กองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สร้างเรื่องขึ้นมาจนได้เมื่อแหย่เท้าสกัดบอลพลาดหลุดเข้าประตูตัวเองให้ วิสกี้ ตีไข่แตกไล่มา 2-1 ซึ่งส่งผลให้เกมรุกของทีมบ้านพี่เมืองน้องวูบวาบอย่างต่อเนื่อง และเชื่อได้เลยว่า เซาธ์เกต จะต้องหาเหตุผลมาตอบนักข่าวอีกตามเคยว่าส่งดาวเตะ ผีแดง ลงบู๊เพื่ออะไรในเมื่อเขาทำให้เกมที่เหนือกว่าคู่แข่งพลิกกลับมาเป็นรองอย่างชัดเจน
กระนั้นก็ดี แม้จะมีโอกาสยิงประตูในครึ่งหลังมากขึ้น แต่เจ้าบ้านส่งบอลเข้ากรอบไม่ได้เลยแม้จะตีไข่แตกได้ก็ตามซึ่งชี้ให้เห็นว่าทีมของ คลาร์ก ยังต้องพัฒนาในจุดนี้หากอยากผงาดขึ้นมาเป็นทีมในระดับหัวแถวของทวีป
ครบ 90 นาทีซึ่ง อังกฤษ มาได้ เคน ช่วยการันตีชัยชนะเห็นได้ชัดว่า สกอตแลนด์ มีฟอร์มในครึ่งหลังที่กระเตื้องขึ้นเยอะก็จริง แต่พวกเขาไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบให้ แรมสเดล ได้ออกแรงปัดเลยแม้แต่ครั้งเดียวจากโอกาสส่องยิงทั้งหมด 7 ครั้ง ขณะที่ ทรี ไลอ้อนส์ ได้ง้างรวม 11 ครั้ง และเข้ากรอบ 5 ครั้ง อีกทั้งครองบอลได้เหนือกว่า 60:40%
5. สิงโตยังเหนือวิสกี้
อย่างที่รู้กันว่าเท่าที่ผ่านมา อังกฤษ มีผลงานเหนือกว่า สกอตแลนด์ เล็กน้อยจากการต่อกรกันรวมถึงนัดล่าสุดเป็นเกมที่ 116 ของทั้งสองฝ่ายแล้ว
และถ้าจะว่ากันถึงสถิติของ เซาธ์เกต กับทีมเมืองน้ำเมาทั้งในฐานะที่เขาเป็นนักเตะ และผู้จัดการทีม เขาก็มีผลงานเหนือกว่าอริรายนี้เช่นกัน
เมื่อครั้งยังสวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟให้ทีมชาติ อังกฤษ เซาธ์เกต เคยดวลกับ สกอตแลนด์ สองครั้ง และมีผลงานแพ้ชนะอย่างละครั้งโดยเขาเอาชนะคู่ปรับสำคัญได้ 2-0 ในศึก ยูโร 1996 และแพ้ที่ เวมบลีย์ 1-0 ในปี 1999 แต่ลงเอยแล้ว สิงโตคำราม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ยูโร 2000 ได้จากสกอร์รวม 2-1 ของเกมเพลย์ออฟ
จากนั้นนับตั้งแต่กุมบังเหียน ทรี ไลอ้อนส์ เซาธ์เกต ไม่เคยเสียท่าให้กับ สกอตแลนด์ เลยจากทั้งหมดสี่นัดโดยเขามีผลงานชนะสอง เสมอสองเริ่มจากเกมเฝ้าบ้านกำชัย 3-0 ในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกเมื่อเดือนพ.ย.2016 และบุกไปคว้าผลเสมอ 2-2
ถัดมาในศึก ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ เสมอกับ สกอตแลนด์ แบบไร้สกอร์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้โดยเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ก่อนได้ตำแหน่งรองแชมป์เนื่องจากพ่ายการดวลลูกโทษให้กับ อิตาลี ขณะที่ ตาร์ตัน ตกรอบแบ่งกลุ่มในฐานะทีมบ๊วยซึ่งเก็บได้แค่แต้มเดียวจากสามนัด กระทั่งล่าสุดพวกเขาถูก สิงโตคำราม บุกมาตะปบคารัง 3-1 แม้ในศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือกงวดนี้ ทีมขี้เมาจะมีผลงานน่าประทับใจชนะรวดทั้งห้านัดก็ตามที แถมสอยตาข่ายได้มากถึง 12 ประตู และเสียไปแค่ประตูเดียวซะด้วย
สำหรับผลงานโดยรวมที่คู่นี้ตะบันแข้งกันมาทั้งหมด 116 นัด อังกฤษ ฟาดชัยชนะไปได้ 49 ครั้ง ขณะที่ สกอตแลนด์ เป็นฝ่ายได้เฮ 41 ครั้ง ส่วนที่เหลืออีก 26 นัดออกเจ๊า