ฆอร์เก้ บิลด้า อดีตโค้ชทีมชาติหญิงสเปนส่งเสียงโวยแหลกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมหลังถูกปลดทั้งๆที่เพิ่งสร้างผลงานพาทีมชาติคว้าตำแหน่ง แชมป์โลก มาครองหมาดๆ
บิลด้า กลายเป็นอดีตนายใหญ่ทีมชาติหญิงของสเปนไปแล้วเนื่องจากถูกตะเพิด ตามคาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาด้วยถูกมองว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หลุยส์ รูเบียเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอลซึ่งก่อคดีฉาวจูบปาก เฆนนี่ เอร์โมโซ่
ต่อกรณีถูกปลดโดยที่ มอนต์เซ่ โตเม่ อดีตกองกลางทีมชาติหญิงซึ่งเป็นผู้ช่วยของเขาได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทน ล่าสุดเมื่อ 6 ก.ค. อดีตนายใหญ่ได้ออกโรงโวยว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งๆที่สร้างผลงานโดดเด่นมาหมาดๆเมื่อเดือนก่อนจากการพาทีมสยบ อังกฤษ 1-0 ในนัดชิงดำฟุตบอลโลก
"ผมถูกไล่ออกหลังจากได้แชมป์โลกเมื่อสิบวันก่อน ผมเชื่อว่าผมถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม" บิลด้า เอ่ยกับสื่อ
"ในแง่ของกีฬา ผมพร้อมรับคำวิจารณ์ แต่ในทางบุคคล ผมเชื่อว่ามันไม่แฟร์ มันเป็นปีที่พิเศษ ผมเหมือนจบปริญญาเอก พวกเขาไม่ได้พูดตรงๆ พวกเขาพูดแบบอ้อมค้อมซึ่งผมไม่ควรได้รับ สิ่งต่างๆที่พูดออกมาไม่เป็นความจริง"
"ผมได้คุยกับ เปโดร โรช่า (รักษาการณ์ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน) สั้นๆ เขาบอกแค่ว่าต้องการปรับโครงสร้างทั้งๆที่ผมเพิ่งพาทีมประสบความสำเร็จ และหลังจากผมทุ่มเท 100% ผมยังมีสติดี ผมไม่เข้าใจการโดนไล่ออก ผมไม่คิดว่าผมสมควรได้รับ"
ก่อนหน้านี้ สตาฟฟ์ส่วนใหญ่รวม 11 รายของ บิลด้า ประกาศลาออกไปแล้วเพื่อประท้วงที่ รูเบียเลส ไม่สละตำแหน่ง ขณะที่ บิลด้า เองถูกมองว่าสนับสนุนประธานสหพันธ์ฟุตบอลเนื่องจากปรบมือในงานแถลงข่าวที่ รูเบียเลส ยืนยันไม่ไขก๊อกหลังก่อเหตุจูบปาก เอร์โมโซ่
"ผมไม่ได้ปรบมือให้กับเรื่องทางเพศ ผมไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าผมไปงานแถลงข่าวทำไม ผมคิดว่าเขาจะลาออก"
"ประธานเล็งเห็นผลงานของผม และประกาศต่อสัญญาให้ผม และผมปรบมือให้กับเรื่องนี้ ผมปรบมือให้การจัดการกับทีมหญิงของ รูเบียเลส เช่นกันที่เพิ่มงบประมาณให้เราสี่เท่า"
"นอกจากนี้ คนรอบๆคุณ 150 คนกำลังปรบมือ มันจึงยากหากคุณเป็นคนเดียวที่ไม่ปรบมือ" บิลด้า อธิบาย