หากจะยึดว่าเกม เนชั่นส์ลีก เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนฟาดแข้งศึก ฟุตบอลโลก
ก็ต้องบอกว่า อังกฤษ ทำได้อย่างเลวร้ายจนถึงเลวร้ายที่สุดหลังปราชัยให้กับ อิตาลี 1-0 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
จากผลงานที่น่าผิดหวังในเกมบุกไปเยือนทีม อัซซูรี่ ที่สนาม ซาน ซีโร่ หมายความว่า สิงโตคำราม ไม่ชนะเลยในห้านัดหลังซึ่งจัดเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1992 ที่มี เกรแฮม เทย์เลอร์ ผู้ล่วงลับเป็นกุนซือ
ทำไปทำมา กลายเป็นว่า อังกฤษ ลืมวิธีเอาชนะคู่แข่งไปซะแล้ว แถมสอยตาข่ายฝ่ายตรงข้ามจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ไม่ได้มานานถึง 450 นาทีซะด้วยทั้งๆที่มี แฮร์รี่ เคน ยอดกองหน้าตัวท็อปแห่งยุคยืนเป็นหัวหอก
เท่านั้นไม่พอ เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปีเช่นกันที่ ทรี ไลอ้อนส์ เท้าบอดอย่างต่อเนื่องติดต่อกันสามนัดจนโดนแฟนบอลโห่ใส่หลังจบเกมล่าสุดซึ่งถึงขณะนี้เหลือเวลาอีก 56 วันเท่านั้น ฟุตบอลโลก 2022 ก็จะออกสตาร์ตกันแล้ว
จากผลงานไม่ชนะในห้านัดหลังของศึก เนชั่นส์ลีก ทำให้ อังกฤษ ต้องหล่นไปเล่นในลีกบีซีซั่นหน้าร่วมกับทีมเกรดต่ำทั้งหลายแหล่ของทวีปซึ่งถือเป็นเรื่องน่าวิตกไม่น้อยก่อนที่พวกเขาจะประเดิมสนามในศึก เวิร์ลคัพ ดวลกับ อิหร่าน วันที่ 21 พ.ย.
อย่างไรก็ดี หาก เซาธ์เกต หวังพลิกดำให้เป็นขาวที่ กาตาร์ ให้ได้ เขาก็มีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาทั้ง 5 ข้อนี้ให้สำเร็จ
1.ต้องเลิกเป็นโรคปอด (แหก)
ในเกมล่าสุดกับ อิตาลี เซาธ์เกต วางหมากเล่นในระบบหลังห้าโดยมีสามเซ็นเตอร์ฮาล์ฟซึ่งประกอบด้วย ไคล วอล์คเกอร์ , แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ เอริค ดายเออร์
จากรูปแบบการเล่นดังกล่าว เป็นเรื่องหนีไม่พ้นที่ทีม สิงโตคำราม เหลือที่ให้นักเตะจำพวกตัวสร้างสรรค์เกมในสนามน้อยลงไปซึ่งส่งผลให้พวกเขามีผลงานที่น่าผิดหวังอย่างที่เห็น
โดยธรรมชาติแล้ว เซาธ์เกต เป็นผู้จัดการทีมที่เน้นเกมรับเป็นสำคัญ และอาจไม่คิดเปลี่ยนระบบการเล่นก็ได้ในเมื่อทัวร์นาเมนต์สำคัญใกล้เข้ามาถึงทุกขณะ
กระนั้นก็ดี หากเขายังเน้นขันเกมรับให้แน่นเอาไว้ก่อนมันก็ย่อมส่งผลลบถึงทางเลือกในเกมรุกทั้งๆที่ทีมชาติ อังกฤษ ชุดนี้มีทรัพยากรในแดนบนให้เลือกใช้สอยอย่างเหลือเฟือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปล่อยให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ นั่งเฉยๆที่ข้างสนามในเกมล่าสุดทำให้ แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตกองหน้าซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ถึงกับวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าเนื่องจากแบ็คขวาจอมบุกของ ลิเวอร์พูล สามารถสร้างสรรค์เกมให้ทีมได้
2.แข้งตัวหลักนัดกันฟอร์มตก
อีกประเด็นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือคีย์แมนที่ เซาธ์เกต พึ่งพาเป็นหลักนัดกันเล่นได้อย่างย่ำแย่ในซีซั่นนี้
ที่แน่ๆ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ นักเตะขวัญใจอันดับหนึ่งของกุนซือทีม สิงโตคำราม ไม่ได้เล่นเป็นตัวจริงให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนแล้ว แต่ เซาธ์เกต ยังทู่ซี้ส่งเขาลงเล่นเป็นตัวจริงที่ มิลาน แม้เขาจะลงบู๊ให้ ผีแดง ในซีซั่นนี้แค่ห้านัดก็ตาม
ในตำแหน่งแบ็คซ้ายก็เช่นกันที่ อังกฤษ ประสบกับปัญหาทั้ง ลุค ชอว์ กับ เบน ชิลเวลล์ ซึ่งไม่ได้ลงเล่นให้กับต้นสังกัดมากพอในระยะหลังทั้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี แถมที่น่าช็อกยิ่งไปกว่านั้นก็คือประเด็นที่ เซาธ์เกต ใช้งาน บูกาโย่ ซาก้า ปีกตัวเก่งของ อาร์เซน่อล ให้สวมบทวิงแบ็คฝั่งซ้ายฟาดเกือกกับ อิตาลี
จากการตัดสินใจที่พิลึกพิลั่นดังกล่าวของ เซาธ์เกต เป็นผลให้ตัวรุกจากทีม สิงห์บลูส์ อย่าง เมสัน เมาท์ ต้องนั่งดูเกมเฉยๆ ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยังอยู่ในโหมดปรับตัวหลังย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ ไปค้าแข้งกับเศรษฐีลอนดอน
นอกจากนี้ คัลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางอีกรายแทบไม่ได้ลงสนามให้ เรือใบสีฟ้า เลยหลังย้ายออกจากทีม ลีดส์ เนื่องจากเจ็บไหล่ซ้ำขึ้นมาอีกรอบจนจำต้องเข้ารับการผ่าตัด และไม่แน่ว่าจะฟิตทันลงเล่น ฟุตบอลโลก หรือเปล่าหลังถอนตัวจากโผงวดล่าสุด
เมื่อสถานการณ์เข้าสู่อีหรอบนี้ เซาธ์เกต จึงจำเป็นต้องตัดสินใจให้ได้ว่าจะยังพึ่งพานักเตะคนโปรดของเขาต่อไป หรือจะเรียกใช้งานนักเตะที่กำลังมีฟอร์มที่ดีลงสนามแทน
3.หวังพึ่ง เคน ไม่เลิก
ในเกมปะทะกับ อิตาลี อังกฤษ วางหมากสามหัวหอกลงสนามซึ่งประกอบไปด้วย แฮร์รี่ เคน หน้าเป้า และ สเตอร์ลิ่ง กับ ฟิล โฟเด้น ที่โลดแล่นทางริมเส้น
แม้จะยิงประตูให้แผ่นดินเกิดมาแล้ว 50 ลูก แต่ดาวเตะทีม สเปอร์ส แผลงฤทธิ์ไม่ออกนัดต่อกรกับ อัซซูรี่ เนื่องจากเขาถอยลงต่ำมากไป
และในเมื่อแผนแรกไม่เวิร์ค อังกฤษ ก็ไม่มีแผนสำรองโดยเฉพาะทั้ง อีวาน โทนีย์ และ แทมมี่ อบราฮัม ยังอ่อนประสบการณ์เกินกว่าที่จะลงเล่นแทน เคน ได้ในเกมระดับชาติ
อย่างไรก็ดี ว่ากันตามจริง เซาธ์เกต ยังพอมีทางเลือกเนื่องจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมามีฟอร์มที่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว แต่น่าเสียดายที่บาดเจ็บขึ้นมาอีกจนไม่มีชื่อติดทีมชาติหนล่าสุด
4.ต้องเชื่อใจคลื่นลูกใหม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซาก้า เป็นนักเตะอนาคตไกลของทีม สิงโตคำราม แต่เขากลับต้องรับผิดชอบเกมรับเป็นหลักจากระบบการเล่นของ เซาธ์เกต
นอกจากนี้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ก็เป็นอีกรายที่ถูกจำกัดอิสระมากไปในเกมแดนกลางทั้งๆที่ขุนพลทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สมควรได้รับไฟเขียวให้สำแดงตัวตนอย่างชัดเจนมากกว่าที่เห็น
และที่สำคัญ โฟเด้น ถือเป็นเพชรเม็ดงามของ แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หากแต่ เซาธ์เกต ยังดึงศักยภาพจากตัวเขาออกมาได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนที่ เรือใบสีฟ้า ประสบผลสำเร็จ
5.กำลังใจจากแฟนบอล
นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมชาติในปี 2016 กุนซือวัย 52 ปีได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเนื่องจากเขาสร้างผลงานในช่วงเริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจ
กระทั่งแมตช์ก่อนหน้านี้ที่แพ้ ฮังการี แบบดูไม่จืด 4-0 คาสนาม โมลินิวซ์ กราวด์ ส่งผลให้ เซาธ์เกต ถูกโห่ไล่อย่างหนัก
และแล้วในเกมล่าสุดที่ ซาน ซีโร่ เมื่อคืนวันศุกร์ สาวก สิงโตคำราม 4,000 คนก็พากันตะโกนด่า เซาธ์เกต อย่างเดือดดาลหลังเห็นทีมถอยหลังลงคลองไม่เลิก
แม้จะยอมรับหลังเกมว่าสามารถเข้าใจปฏิกริยาจากแฟนบอลได้ แต่ เซาธ์เกต แทบไม่เหลือเวลาให้แก้ตัวเพื่อดึงแฟนบอลกลับมาอยู่ฝั่งเดียวกับเขาเหมือนก่อนอีกแล้วยกเว้นเกมในวันจันทร์นี้นัดต้อนรับทีม อินทรีเหล็ก
งานนี้จะหมู่หรือว่าจ่าก็ต้องรอลุ้นกันล่ะว่ากุนซือ ทรี ไลอ้อนส์ จะพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จหรือไม่ในเกมสุดท้ายของเขาก่อนพาทีมลงบู๊ศึก เวิร์ลคัพ 2022 ที่ กาตาร์