อังกฤษช็อกตกชั้น! "สิงโตคำราม" ผลงานยังน่าผิดหวังหลังบุกไปพ่าย อิตาลี 0-1 ส่งผลให้เล่นไป 5 นัดยังไม่ชนะทีมใด จมบ๊วยมี 2 คะแนน หล่นชั้นไปเล่น ลีก บี แน่นอนแล้ว แม้จะเหลือเกมนัดสุดท้ายกับ เยอรมัน วันจันทร์นี้ก็ตาม ในศึกเนชั่นส์ ลีก กลุ่ม 3 ลีก เอ
ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เป็นนัดที่ 5 ของ ลีก เอ กลุ่ม 3 ระหว่าง อิตาลี อันดับ 3 เปิด ซาน ซิโร่ รับการมาเยือนของ อังกฤษ บ๊วยของกลุ่มที่ยังไม่ชนะทีมใด
โรแบร์โต้ มันชินี่ เทรนเนอร์ของทัพ อัซซูร์รี่ ชวดพาทีมไปลุยบอลโลก 2022 ปลายปีนี้ที่กาตาร์ นัดนี้ปรับทัพหลายตำแหน่ง แนวรุกส่ง จานลูก้า สกามัคก้า หัวหอกของ เวสต์แฮม ยืนล่าตาข่ายคู่กับ จาโคโม่ ราสปาโดรี่
ส่วนทางฝั่ง "สิงโตคำราม" ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องหาชัยชนะนัดแรกให้ได้ นัดนี้ส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนคุมหลัง มี รีซ เจมส์ และบูคาโย่ ซาก้า เล่นวิงแบ็ค ส่วนแนวรุกด้านบนเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น และแฮร์รี่ เคน
ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรก เจ้าบ้านบุกกดดันอย่างหนัก และไม่ถึง 5 นาทีแรก เกือบชิงขึ้นนำไปก่อนหลัง เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ครอสบอลมาเสาไกลให้ จานลูก้า สกามัคก้า เทกตัวเหนือกว่า แม็กไกวร์ โขกมุมแคบแต่ดีที่ไปติด นิค โพ๊พ ก่อนที่แม็กไกวร์จะเคลียร์ออกหลังอีกที
นาที 11 ทีมชาติอังกฤษ ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะต่อเนื่องของลูกฟรีคิก โฟเด้น ตักบอลยาวมาในกรอบให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เบียดขึ้นโขกแต่บอลยังเบาและไปตรงตัว ดอนนารุมม่า
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมยังหาโอกาสเข้าไปส่องแบบเน้นๆ ไม่ได้เลย
นาที 35 รีซ เจมส์ เก็บบอลจากนอกกรอบก่อนหวดด้วยขวาเข้าไปบอลพุ่งไปติดบล็อคก่อนออกหลังไป จากนั้นอีกสองนาที จู๊ด เบลลิงแฮม ได้วอลเลย์จากนอกกรอบ แต่บอลก็ยังเบาไปเข้ามือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0
ครึ่งหลัง นาที 48 ราฮีม สเตอร์ลิง เรียกฟรีคิกกว่า 20 หลาให้ทัพสิงโตคำราม ทว่า รีซ เจมส์ ดันวิ่งมาซัดเหินคานออกไปแบบหมดลุ้น
นาที 68 กลายเป็นเจ้าบ้าน อิตาลี ที่ขยับขึ้นนำ อังกฤษ 1-0 จากจังหวะเข้าทำอันสุดสวยเริ่มจาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ วางตัดหลังแนวรับให้ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ดูดบอลลงอย่างเนียนก่อนพลิกหลบ ไคล์ วอร์คเกอร์ แล้วซัดเต็มแรงด้วยขวาบอลพุ่งเสียบมุมตาข่ายอย่างสวยงาม
นาที 77 "สิงโตคำราม" บุกอย่างหนัก และได้ลุ้นจากจังหวะที่ เคน ซัดมุมแคบแต่ยังไม่ผ่านมือ ดอนนารุมม่า แม้จะซ้ำอีกทีแต่ก็ยังโดน ดอนนารุมม่า ปัดออกมา
นาที 85 เจ้าบ้านเกือบนำห่างหลัง มาโนโล่ กับเบียดินี่ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลยังไปติดขา นิค โพ๊พ ช่วยทัพสิงโตไว้ได้
และถัดมาไม่ถึงนาที ทัพ ทรี ไลออนส์ เกือบเสียเม็ดสองอีก คราวนี้ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ได้บอลทางซ้ายก่อนซัดเน้นๆ แต่ยังพุ่งไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย
จบเกม อิตาลี ชนะ อังกฤษ 1-0 คว้าชัยนัดที่สอง มีเพิ่มเป็น 8 คะแนนขึ้นรองฝูง ส่วนทัพ สิงโตคำราม ยังไม่ชนะใครเลยมีสองคะแนน จมบ๊วยของกลุ่ม พร้อมการันตีหล่นตกชั้้นไปเล่นใน เนชั่นส์ ลีก ลีก บี ฤดูกาลหน้าแน่นอนแล้ว
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อิตาลี (3-5-2) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - ราฟาแอล โตลอย, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ฟรานเชสโก้ อแซร์บี้ - โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, จอร์จินโญ่ (เอแมร์ซอน น.89), นิโกโล่ บาเรลล่า (ตอมมาโซ่ โปเบก้า น.63), ไบรอัน คริสตันเต้, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ (ดาวิเด้ ฟราตเตซี่ น.89) - จานลูก้า สกามัคก้า (วิลฟรีด กอนโต น.63), จาโคโม่ ราสปาโดรี่ (มาโนโล่ กับเบียดินี่ น.81)
เทรนเนอร์ : โรแบร์โต้ มันชินี่
อังกฤษ (3-4-2-1) : นิค โพ๊พ - ไคล์ วอร์คเกอร์ (ลุค ชอว์ น.72), เอริก ดายเออร์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์ - รีซ เจมส์, จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, บูคาโย่ ซาก้า (แจ็ค กรีลิช น.71) - ฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิง - แฮร์รี่ เคน
เทรนเนอร์ : แกเร็ธ เซาธ์เกต