กลายเป็นข่าวที่น่าฮือฮาสุดขีดเมื่อ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ออกโรงแจงว่าจะไม่ต่อสัญญาเพิ่มเติมกับต้นสังกัดที่ผูกมัดกันจนถึงปี 2024
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวยืนยันด้วยว่าไม่มีแผนย้ายสังกัดในซัมเมอร์นี้อย่างที่สื่อโมเมเนื่องจากแฮปปี้ที่จะค้าแข้งกับเศรษฐีเมืองน้ำหอมในซีซั่นหน้าตามที่มีสัญญา
ต่อกรณีดังกล่าว เท่ากับว่า เปแอสเช จะเสียหัวหอกทีมชาติ ฝรั่งเศส แบบฟรีๆในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 ทั้งที่พวกเขาลงทุนควักกระเป๋า 180 ล้านยูโรดึงเขามาจาก โมนาโก เมื่อปี 2017
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่ปักใจเชื่อว่า เปแอสเช จะปล่อยดาวยิงวัย 24 ปีออกจาก ปาร์ค เดส์ แพรงส์ อย่างแน่นอนในซัมเมอร์นี้เพื่อป้องกันการเสียสตาร์ดังแบบไร้ค่าตัวโดยถึงขณะนี้ เอ็มบัปเป้ ทะลวงประตูให้แชมป์ ลีกเอิง ไปแล้ว 213 ลูก และ 98 แอสซิสต์จากการลงสนาม 260 นัด
ขณะเดียวกันในการรับใช้ชาติ "นินจาเต่า" คลำเป้าไปแล้ว 38 ประตูจาก 68 นัดรั้งอันดับห้าดาวซัลโวของทีม เลส์ เบลอส์ โดยมีผลงานเป็นรองดาวซัลโวสูงสุด โอลิวิเยร์ ชิรูด์ 15 ประตู
จากสถิติดังกล่าว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลายทีมกระหายได้ เอ็มบัปเป้ ไปเสริมทัพแน่ แต่ทีมไหนที่มีโอกาสสมหวังสูงสุด เชื่อว่าน่าจะมีแค่ 5 สโมสรดังต่อไปนี้
1. เรอัล มาดริด
คงไม่มีใครลืมว่า เอ็มบัปเป้ เกือบได้ย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ก่อน ฉะนั้นแล้ว ราชันชุดขาว จึงถูกมองว่าเป็นเต็งจ๋าที่จะได้เขาไปเสริมทีมตามระเบียบ
อย่างที่รู้กันว่าหัวหอกผิวสีตกเป็นข่าวกับทีมดังของลีกกระทิงดุมานานแล้ว แถมเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เขาถูกแฉว่าตกลงสัญญาส่วนตัวกับทีมลูกหนังแห่งถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ได้แล้วเช่นกัน
มีการเปิดเผยว่า เรอัล มาดริด พร้อมจ่ายค่าลงน้ำหมึกให้นักเตะเป็นจำนวน 150 ล้านยูโร บวกกับค่าแรงอีก 40 ล้านยูโร แต่สุดท้าย เอ็มบัปเป้ สร้างเซอร์ไพรส์เลือกต่อสัญญากับ เปแอสเช แม้จะระบุว่าฝันที่จะเล่นให้ ราชันชุดขาว ในอนาคต
กระทั่งล่าสุดเมื่อสถานการณ์เปิดกว้างให้อีกครั้ง อีกทั้ง เรอัล มาดริด กำลังมองหาศูนย์หน้าคนใหม่ไปเสียบแทน คาริม เบนเซม่า ที่ย้ายไปค้าแข้งในลีก ซาอุดิ อาระเบีย ความพยายามทาบซื้อ แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีม สเปอร์ส ของทีมดังแห่ง ลา ลีกา จึงน่าจะยุติในเมื่อพวกเขามีเป้าหมายอันดับหนึ่งรอให้คว้ามาร่วมทีม
ก่อนหน้านี้ มีการยืนยันว่า คาร์โล อันเชล็อตติ ได้ตัว จู๊ด เบลลิ่งแฮม กองกลางทีมชาติ อังกฤษ มาจากสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่างแน่นอนแล้วในราคา 103 ล้านยูโร และบางทีกุนซืออิตาเลี่ยนน่าจะได้พ่อค้าแข้งรายที่สองย้ายตามมาในไม่ช้า
2. แมนฯ ยูไนเต็ด
เป็นทีมยักษ์ของยุโรปอีกรายที่กระหายดึงศูนย์หน้ามาเสริมทัพ และเป็นเพียงไม่กี่สโมสรที่มีเงินหนาพอต่อการจ่ายค่าตัวนักเตะระดับท็อป
อย่างไรก็ดี อาจยังต้องรอดูความชัดเจนกันอีกนิดว่าสุดท้ายแล้ว ชีคห์ ยาสซิม หรือว่า เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ที่จะได้เทคโอเวอร์สโมสรหากตระกูล เกลเซอร์ จึงไม่คิดบิดพลิ้ว และยอมรับข้อเสนอของใครคนหนึ่ง
เป็นที่ชัดเจนว่า เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์ตั้งธงคว้าตัวหัวหอกมาร่วมทีมในซีซั่นที่สองของเขากับ ปีศาจแดง และเล็งไปที่ แฮร์รี่ เคน หากว่า แดเนี่ยล เลวี่ ประธานทีม สเปอร์ส จะยอมขายดาวยิงคนสำคัญ
กระนั้นก็ดี หลังจากมีความเป็นไปได้ว่า เอ็มบัปเป้ ส่อย้ายสโมสรในซัมเมอร์นี้ ว่าที่เจ้าของใหม่ ผีแดง จึงน่าจะพร้อมควักกระเป๋าดึงกองหน้าทีมชาติ ฝรั่งเศส มาร่ายลีลาใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับสาวก เร้ด อาร์มี่
3. ทีมจาก ซาอุดิ อาระเบีย
กลายเป็นเทรนด์ในเวลานี้ไปแล้วที่ดาวดังในยุโรปจะแห่กันมาโกยเงินใน ซาอุดิ อาระเบีย ซึ่งเดินตามรอยเท้าลีกจีนด้วยการทาบคว้าพ่อค้าแข้งระดับแนวหน้า
และจากซีซั่นก่อนที่พวกเขาประสบความสำเร็จโน้มน้าวให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาสร้างสีสันให้กับ อัล นาสเซอร์ ได้ คาริม เบนเซม่า อดีตกองหน้าทีม เรอัล มาดริด ก็เป็นดาวยิงตัวพ่ออีกรายที่ตกลงเซ็นสัญญากับ อัล อิตติฮัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตามรายงานของ ฟอร์บส์ เมื่อเดือนพ.ค. หัวหอกเลือดฝอยทองวัย 38 ปีผงาดเป็นนักกีฬาที่มีรายได้ต่อปีสูงที่สุดในโลก 108.7 ล้านปอนด์หลังเจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ ห้าสมัยตัดสินใจย้ายมาหากินในดินแดนตะวันออกกลาง
แม้ อัล ฮิลาล จะพลาดได้ตัว ลิโอเนล เมสซี่ มาล่าตาข่ายเนื่องจากศูนย์หน้าทีมชาติ อาร์เจนติน่า เลือกย้ายจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปลิ้มลองความท้าทายใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ กับทีม อินเตอร์ ไมอามี่ แต่ในเมื่อ เอ็มบัปเป้ น่าจะย้ายทีมในซัมเมอร์นี้ มีหรือที่บรรดามหาเศรษฐีในลีก ซาอุดิ อาระเบีย จะนิ่งดูดายโดยเฉพาะ อัล นาสเซอร์ ซึ่งมี โรนัลโด้ ไอดอลของหัวหอกเฟรนช์แมนค้าแข้งอยู่ก่อนแล้ว
4. เชลซี
เพียงแค่ปีแรกที่ ท็อดด์ โบลีห์ เข้ามานั่งเก้าอี้เจ้าของทีม เชลซี เศรษฐีแยงกี้ทุ่มเงินไปแล้วมากกว่า 550 ล้านปอนด์สำหรับการจ่ายตลาดทั้งสองงวดที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี หลังประสบกับความล้มเหลว สิงห์บลูส์ หนีไม่พ้นต้องสร้างความแข็งแกร่งอีกรอบอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันพวกเขาจำเป็นต้องโละนักเตะที่มีอยู่เกลื่อนสโมสรทิ้งไปด้วยเพื่อไม่ให้เข้าข่ายละเมิดกฏการใช้จ่าย
ดังจะเห็นว่า เชลซี กล้าบ้าบิ่นมากพอที่จะทุ่มเงินเป็นสถิติของเมืองผู้ดี 107 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ทั้งๆที่พวกเขาจ่ายเงิน 89 ล้านปอนด์ดึง มิไคโล มูดริก มาร่วมทัพก่อนแล้วภายใต้สัญญาแปดปีครึ่ง แต่สองสตาร์ค่าตัวมหาศาลไม่อาจงัดฟอร์มเก่งออกมาช่วยทีมได้เลย
ในฐานะทีมอันดับ 12 ของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อน จึงบอกได้เลยว่า โบลีห์ เสียหน้าไม่น้อยที่ใช้เงินเป็นเข่ง แต่พาทีมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้นแล้วในเมื่อตลาดหน้าร้อนนี้เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ตัว จึงเชื่อแน่ว่านักธุรกิจมะกันยังไม่คิดเข็ดหลาบกับการใช้เงินซื้อความสำเร็จ
5. ลิเวอร์พูล
ย้อนเวลากลับไปในปี 2020 เอ็มบัปเป้ เคยให้สัมภาษณ์ว่าปลื้มทีม ลิเวอร์พูล พร้อมทั้งระบุว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมฝีมือดีหลังจาก หงส์แดง ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครองได้เป็นหนแรก
ขณะเดียวกัน เร้ด แมชีน ก็ถูกลือกับศูนย์หน้าเฟรนช์แมน แต่นายใหญ่ด๊อยทช์ ยืนยันว่าค่าตัวนักเตะสูงเกินกว่าที่สโมสรจะเอื้อมถึงซึ่งตรงกับกรณีล่าสุดที่ทีมจาก แอนฟิลด์ ถอนตัวซื้อ จู๊ด เบลลิ่งแฮม โดยคล็อปป์ เปรียบเปรยว่าไม่ต่างอะไรกับเด็กร้องขอเฟอร์รารี่เป็นของขวัญวันคริสต์มาสจากพ่อแม่
จะอย่างไรก็ตาม จอห์น เฮนรี่ เจ้าของสโมสรเคยเอ่ยออกมาว่าพร้อมลงทุนอีกหนให้ทีมมีโอกาสแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี้
สำหรับ เปแอสเช แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดรอเสีย เอ็มบัปเป้ แบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์หน้า มันจึงเป็นโอกาสเหมาะที่กลุ่มทุนจากอเมริกาจะเอาชนะใจสาวก เดอะ ค็อป ด้วยการเปิดไฟเขียวให้สโมสรล่าตัวหัวหอกชั้นยอดด้วยเช่นกัน