พลพรรคปีศาจแดงกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังศึกฟุตบอลโลก 2022 เพิ่งจบไปหมาดๆ โดยเปิดบ้านยัดเยียดความปราชัยให้จ่าฝูงแชมเปี้ยนชิพอย่าง เบิร์นลี่ย์ ไปแบบไม่ร้าวรานหัวแม่ตีนสักเท่าไหร่
และต่อไปคือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านผมอยากจะบอก
1. เห็นรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงแล้วก็สัมผัสได้ว่า เอริค เทน ฮาก ต้องการจะ 'เอานะ' ถ้วยน้ำพริกถ้วยนี้แน่นอน ด้วยการจัดทีมชุดที่ดีที่สุดในมือ โดยปราศจาก ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาแอล วาราน, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ดิโอโก้ ดาโลต์ และเจดอน ซานโช่ ที่ยังไม่พร้อม
นายทวารมือ 2 อย่าง มาร์ติน ดูบราฟก้า ได้ลงเฝ้าเสาในรายการนี้แทน ดาบิด เด เคอา
ส่วนเด็กดาวรุ่งจากโรงเรียนลูกกรอกคะนองที่ถูกส่งลงตัวจริงมีแค่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ คนเดียวเท่านั้นเอง
น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นฟอร์มการเล่นของ 'หัวแตงโม' อยากรู้ว่าจะเจ๋งเหมือนตอนสวมเครื่องแบบสิงโตคำรามในบอลโลกที่เพิ่งผ่านพ้นหรือเปล่า ???
2. ตำแหน่งคู่เซ็นเตอร์จัดว่าน่าเป็นห่วง
เมื่อมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง กาเซมิโร่ ถูกขยับไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ขณะที่ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ สวมบทมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ คริสเตียน เอริคเซ่น
ปรากฏว่า 'คุณเกษม' ใช้ความเก๋าเอาตัวรอดได้ ไม่มีปัญหาอะไร แม้นจะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด
นอกจากนี้ก็ไม่ได้เจอบททดสอบที่หนักหนาสาหัสอะไร เมื่อคู่แข่งเป็นทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ
3. ตอนแรกนึกว่าการกลับมารวมตัวกัน หลังจากแยกย้ายไปรับใช้ทีมชาติ หายไปเดือนเศษๆ อีกทั้งยังใช้ผู้เล่นชุดผสม มันคงยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่
ทว่าฟอร์มการเล่นถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้นะครับ-ขอโทษ
เล่นเป็นเกม เป็นรูป และเป็นทรง ไม่สะเปะสะปะ
ฟอร์มโดยรวมของผู้เล่นแต่ละคนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แม้จะแสดงความผิดพลาดออกมาบ้าง ก็ไม่ถึงกับเสียหายอะไรมากมาย
ชนะด้วยสกอร์ 2-0 จึงถือว่าไม่น่าเกลียดนะ
4. ผมชอบทั้ง 2 ประตู 2 สไตล์ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ในเกมนี้
ประตูแรกมาจากการครองบอลบุกกดดันใส่คู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
เมื่อยังหาช่องทางในการเข้าทำไม่ได้ พวกเขาถ่ายบอลไปถ่ายบอลมาเรื่อยๆ เพื่อรอจังหวะจู่โจมอย่างใจเย็น
บัดดล...เมื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เหลือบเห็นช่องทางในการโจมตี เขาวางยาวแทยงมุมให้แบ็คขวาอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า ที่พุ่งตัวสอดขึ้นมาตรงๆ ทางเสาสอง ก่อน 'ไอ้แมงมุม' จะกระโดดวอลเลย์ด้วยขวา !!!
ครับ - กระโดดวอลเล่ย์ลูกด้วยขวาแบบเจตนา 'แอสซิสต์' ให้ คริสเตียน เอริคเซ่น ที่ชาร์จเข้ามาตรงกลางแบบพอดิบพอดี
ประตูที่ 2 มาจากความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่โชว์ลีลาข้ามาคนเดียว กระชากลูกจากครึ่งสนามแล้วโซโลรันเข้าไปสับด้วยขวา
5. เรียนตามตรงว่าเหมือน 'ซ้อมใหญ่' ก่อนที่จะพบโปรแกรมหฤโหดในช่วงปลายปีซะมากกว่า
เกมต่อไปคือศึกพรีเมียร์ลีกที่จะเจอ ฟอเรสต์ ในบ้านวันอังคารที่ 27 ธันวาคม แล้วค่อยออกไปเยือน วูล์ฟส์ วันสุดท้ายของปี 2022
ตามด้วยเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีก 2 นัดติด คือเจอ บอร์นมัธ วันอังคารที่ 3 มกราคม 2023 แล้วคั่นด้วย เอฟเอ คัพ รอบ 3 กับ เอฟเวอร์ตัน ในวันศุกร์ที่ 6 มกราคม
หลังจากนั้นคือความน่าสะพรึง เพราะต้องเจอคู่เล่นอันตรายทั้ง แมนฯ ซิตี้ ในบ้าน และ อาร์เซน่อล ที่ เอเมเรตส์ สเตเดี้ยม
บอ.บู๋