แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาลงสนามหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ถือว่าใช้ได้เมื่อเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ชนะ เบิร์นลี่ย์ ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 4 เมื่อวันพุธที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา แมตช์นี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ผลงานสุดยอดโดยเฉพาะจังหวะการกระชากลากเลื้อยกว่าครึ่งสนามเข้าไปกดประตูให้ทัพ "ปีศาจแดง" ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังคงเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม ชัยชนะในเกมนี้ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะเตรียมตัวพบกับช่วงโปรแกรมหฤโหดในสัปดาห์หน้าลากยาวจนถึงต้นเดือนมกราคม 2023
1. จัดชุดเด็ดเคาะสนิทเพิ่มความมั่นใจ
เชื่อว่าสาวก "เร้ด อาร์มี่" ได้เห็นไลน์อัพในแมตช์นี้พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าชัยชนะน่าจะอยู่ในมือ เพราะนักเตะส่วนใหญ่แทบจะเป็นตัวหลักของทีม โดยเฉพาะแดนกลางการใส่ชื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส, คริสเตียน เอริคเซ่น และสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับแนวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล แสดงให้เห็นว่ากุนซือเอริค เทน ฮาก เอาจริงกับถ้วยใบนี้ ขณะที่ กาเซมีโร่ โดนจับไปเยือนเป็นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น ก็ถือว่าทำผลงานพอไปวัดไปวาได้ ที่สำคัญการใส่ผู้เล่นตัวหลักที่เพิ่งกลับมาจากการช่วยชาติในศึกฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ ก็เพื่อเป็นการประเมินความฟิต และนักเตะเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายของพวกเขาพร้อมเต็มสูบไม่ว่าจะเจอกับเกมถี่ยิบก็ตาม
2. แรชฟอร์ดโหดดีแท้
ผลงานสุดยอดเยี่ยมของ แรชฟอร์ด กับทีมชาติอังกฤษ ยังคงแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องเมื่อหวนกลับมาช่วยทัพ "ปีศาจแดง" ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า "ดร.แรชชี่" เต็มไปด้วยความมั่นใจในการเล่นอย่างแท้จริง งานนี้ต้องยกเครดิตให้กับ เทน ฮาก ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในศักยภาพของ หัวหอกเลือดผู้ดี อย่างมาก และนักเตะก็ตอบแทนความเชื่อใจของกุนซือด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ จังหวะที่เจ้าตัวใช้ความเร็วกระชากบนกว่าครึ่งสนามเข้าไปตะบันประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 เป็นการบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาพร้อมที่จะแบกรับหน้าที่ตะบันตาข่ายคู่แข่งแทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งแยกทางกับสโมสรไปเรียบร้อยแล้ว
3. ติดประมาทไปหน่อยจนเกือบหายนะ
หนึ่งในจุดที่ กุนซือชาวดัตช์ ต้องกลับไปติวลูกทีมนั่นก็คือการเล่นแบบติดประมาณ เพราะนั่นหมายถึงหายนะหากพวกเขาทำผิดพลาดแบบนั้นกับทีมในระดับเดียวกันหรือเหนือกว่า จังหวะแรกที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือตอนที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้ครองบอลในแดนตัวเอง แต่แทนที่จะส่งบอลง่ายๆ ดันผ่านบอลขว้างสนามถวายพานให้ เบนสัน มานูเอล แต่เดชะบุญที่คู่แข่งขาดความเฉียบคมไม่งั้นคงเสียประตู อีกจังหวะเป็นผลงานของ กาเซมีโร่ ที่ส่งบอลพลาดแต่โชคดีที่ไม่โดนลงทัณฑ์ นอกจากนี้แนวรับของทีมยังเล่นไม่ค่อยดีนัก แต่อาจอ้างได้ว่าแบ็กโฟร์ชุดนี้เป็นแค่ยางอะไหล่เท่านั้น มีหลายครั้งที่ส่งบอลไม่แม่นยำ แถมบางจังหวะโดนสวนกลับจนเกือบเสียประตู นี่คืออีกจุดที่ เทน ฮาก ต้องกลับไปแก้ไข เพราะอย่าลืมว่าโปรแกรมที่เหลืออยู่ค่อนข้างหนัก หากขุมกำลังสำรองไม่สามารถทดแทนตัวหลักได้งานนี้มีสิทธิ์ตกม้าตายในช่วงท้ายซีซั่นได้เลย
4. วาน-บิสซาก้า ยังดูดีมีอนาคต
แอรอน วาน-บิสซาก้า ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่เตรียมจะย้ายทีมช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคมที่จะถึงนี้ หลังจากที่ เทน ฮาก แสดงความชัดเจนว่าไม่ชอบสไตล์การเล่นของเขาที่เน้นเกมรับไม่ขยันเติมเกมรุก แต่การที่ ดีโอโก้ ดาโลต์ ไม่ได้ลงเล่นในแมตช์นี้ ทำให้กุนซือชาวดัตช์จำเป็นต้องใช้งาน ดาวเตะค่าตัว 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,100 ล้านบาท) ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้นายใหญ่ผิดหวังเมื่อทำผลงานได้ดี ขยันขึ้นเกมรุก ส่วนเกมรับไว้วางใจได้อยู่แล้ว ที่สำคัญเขายังเป็นคนแอสซิสต์ให้ เอริคเซ่น ส่องประตูแรกให้ทีมด้วย เชื่อว่าด้วยผลงานและความมุ่งมั่นของ อดีตดาวเตะคริสตัล พาเลซ น่าจะทำให้ เทน ฮาก เลือกที่จะเก็บเขาเอาไว้เพื่อเป็นยางอะไหล่ ที่สำคัญหากเขาสามารถแก้จุดบกพร่องได้สำเร็จ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะแย่งตัวจริงคืนมาก็ได้
5. พร้อมรับมือโปรแกรมหฤโหด
ชัยชนะในแมตช์นี้นอกจากจะทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการที่ทีมจะต้องรับมือโปรแกรมสุดโหดช่วงบ็อกซิ่งเดย์ลากยาวไปจนถึงต้นเดือนมกราคม 2023 โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าที่ต้องลงเล่นเกมลีกเปิดบ้านรับมือ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ จากนั้นก็ออกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ก่อนจะได้พักฉลองปีใหม่จากนั้นก็ต้องรับมือ บอร์นมัธ ในเกมลีก พร้อมกับตบท้ายสุดสุดสัปดาห์แรกของปีเถาะปะทะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ แมนฯ ยูฯ ไม่ว่าจะเป็นการทำอันดับเพื่อลุ้นท็อปโฟร์หรืออาจจะไปได้ไกลถึงขั้นลุ้นแชมป์ลีกเลยก็ว่าได้
ทอมเม้ง