ลุ้น4แชมป์! ลิเวอร์พูล กับบทสรุปรอบรองน้าแอ๊ดคัพนัดแรก

ลุ้น4แชมป์! ลิเวอร์พูล กับบทสรุปรอบรองน้าแอ๊ดคัพนัดแรก
คาราบาว ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่แอนฟิลด์

เป็นเกมหลังจากสองทีมผ่านเข้ารอบ4 เอฟเอ คัพ

ซึ่งลิเวอร์พูล และ ฟูแล่ม ต่างเปลี่ยน5 คน จากเกมล่าสุด

รอบรองสองนัดไม่มีกฏ ประตูทีมเยือน นับผลรวมสองนัดใครยิงมากกว่าเข้าชิง

เจเค ส่ง คีวีน เคลเลเฮอร์ , คอร์เนอร์ แบรดลีย์ ยืนแบ็กขวา แทน เทรนต์ และ ฟานไดจ์ หายป่วย โดย กราเฟนแบร์ก , ยืนมิดฟิลด์ ฝั่งขวา และ เอลเลียตต์ ปีกขวา

เคลเลเฮอร์

แบรดลีย์, โกนาเต้-ฟานไดจ์, โกเมส

แม็คก้า, กราเฟนแบร์ก,โจนส์ 

เอลเลียตต์, โชต้า, ดิอาส

สำรอง: เบคเกอร์, ดาร์วิน,กัคโป 

อ้อ โอเวน เบค ซึ่งเป็นเหลน (great nephew) เอียน รัช มีชื่อด้วย

มาร์โก ซิลวา พึ่งพาทีมบุกมายิงหงส์ถึง3 ลูกก่อนแพ้ 4-3 เกมนี้เปลี่ยน 5 คน จากชุดชนะ ร็อตเธอร์แฮม ในเอฟ เอ คัพ 1-0  เลโน, โรบินสัน,เชา ปาลินญา, วิลเลียน, ราอูล ฮิเมเนซ

เลโน

คาสตานเญ่, โทซิน-ดิยอป, โรบินสัน

รีด-ปาลินญ่า

เดอ คอร์โดบา-เปเรร่า- วิลเลียน

ราอูล ฮิเมเนซ

ครึ่งแรกฟูแล่ม ยิงครั้งแรกได้เลย

หงส์ เปิดฉากคุมเกม เพรสในจังหวะบิลด์ อัพของ ฟูแล่ม 10 นาทีแรกคุมเกมได้หมด แต่ก็นั่นแหละ มาร์โก ซิลวา เน้นรับในแดนตัวเอง รับตั้งแต่กลางสนาม รวมทั้งรับลึก แบบที่โค้ชเรียก low block อะไรทำนองนั้น

ฟูแล่ม พยายามสวนกลับแต่ทำไม่ได้ แดนกลางหงส์ เมื่อเสียบอล ช่วยกันบีบไล่แย่ง คืนกลับมา

ทีมเยือน ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ ฟานไดจ์ ขึ้นนำ1-0 น.19  ตรงมุมเขตโทษจังหวะประกบ ราอูล ฮิเมเนซ พอ ราอูล ไม่ขึ้น ฟานไดจ์ เสียจังหวะจึงโหม่งเบาไปเข้าทาง เปเรร่า เก็บบอลได้พาเข้า เขตโทษ ก่อนตวัดให้ วิลเลียน ที่พาบอลหลบ จังหวะ แบรดลีย์ ลื่นก่อนตวัดยิงลอดขา ฟานไดจ์ เข้าง่ายๆ ซึ่ง เคลเลเฮอร์ ปิดเสาแรกไม่ดีอีก

ฟูแล่ม ยิงครั้งแรก ได้เลย

คือ45 นาทีแรก เกมเป็นหงส์ที่บุก ฟูแล่ม รอสวน หากเด็กหงส์พลาด และมีช่วงห้าทีท้ายที่ฟูแล่ม กดดันใส่เจ้าบ้านได้ดี ก่อนจบครี่งแรกด้วยการนำ1-0

ครึ่งหลังJK ปรับ 4-4–2 ไดมอนด์

เด็กหงส์ออกจากห้องแต่งตัวดูคึกคัก บุกใส่ ยิงไกลให้แฟนๆ ได้เฮ 

แต่พอ10 นาที ยังเจาะไม่ได้ เจเค จึงเปลี่ยนตัวแล้วปรับแผนการเล่นจาก4-3-3 เป็น4-4-2 ไดมอนด์ โดยถอด กราเฟนแบร์ก และ เอลเลียตต์ ออก ส่ง ดาร์วิน กับ โคดี กัคโป ลงมา น.56 

ปรับหน้าคู่ ดาร์วิน-โชต้า 

ดิอาส ฝั่งซ้าย กัคโป ขวา คู่กลาง จึงเป็น โจนส์ - แม็คก้า โดยขยับ โกเมส อินเวิร์ต ฟูลแบ็ก 

การเปลี่ยนรูปแบบของตัวรุกทำให้ แผงหลังฟูแล่มต้องปรับตัว เมื่อเจอหน้าคู่ โชต้า และ ดาร์วิน ทำให้ คู่เซนเตอร์ โทซิน และ ดิยอป พะวง ขณะที่ ดิอาส เล่นเหมือนมิดฟิลด์ ด้านซ้าย มี โจนส์ ช่วยเดินเกมรุกหน้าไลน์ เพราะ แม็คก้า มี โกเมส ที่ถูกขยับ เป็นอินเวิร์ต ฟบ มาเป็นมิดฟิลด์อีกคน ส่วนทางขวา กัคโป ยืนมิดฟิลด์ โดยเปิดพื้นที่ให้ แบรดลีย์ ขึ้นเติมมากขึ้น

เด็กหงส์กดฟูแล่ม 10 นาที ซึ่งก็มีทั้งได้บีบให้เล่นยากและเกือบเสียประตูจากจังหวะสวนกลับ ที่ เด คอร์โดบา รีด ตัดสินใจยิง แทนที่จะส่งให้ วิลเลียน โล่งๆ จากนั้นพวกเขาจึงโดนลงโทษเมื่อผ่านหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว 

3 นาที2 ลูก

จะว่าไปการได้บอลหน้าเขตโทษของลิเวอร์พูลที่นำสู่การได้ประตูตีเสมอ 1-1 นั้น เกิดจากจังหวะปั๊มแย่งบอลมาเข้าทาง โชต้า ก่อนไหลให้ ดาร์วิน แปะคืน โจนส์ ที่เติมขึ้นไปแล้วสับไกยิง

โชคดีบอลแฉลบหลัง โทซิน ย้อยเปลี่ยนทางเข้าไปชนิดที่ เลโน ใช้สายตาเซฟ

ถ้าจำกันได้เมื่อ 3 ธ.ค. ที่แอนฟิลด์นี่แหละ ที่ ฟรีคิก เทรนต์ ชนคานแฉลบหลัง เลโน เข้าไป

โชคมีบทบาทในการตีเสมอ แต่สามนาทีจากนั้นลูกฝีมือ

การประสานงานของ โชต้า กับ ดาร์วิน ริมเขตโทษด้านซ้าย ก่อนคัตแบกมาให้ กัคโป ที่สอดเข้าไปที่ว่างเสาแรก โดยคู่เซนเตอร์ฟูแล่ม ยังไม่รู้เลยว่า กัคโป วิ่งเข้าไปตวัดยิง 2-1

การร่วมเล่นกันของ โชต้า และ ดาร์วิน ที่หนีแผงหลังออกมา มีผลทำให้คู่เซนเตอร์ ฟูแล่ม เสียสมาธิ จนไม่ทันคิดว่า กัคโป โฉบเข้าไปแทนที่ศูนย์หน้า แล้วยิงเข้า เป็นประตูชนะ ให้หงส์แดงที่คุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งเกม 

กัคโป ยิง 4 รอบ

กัคโป คือนักเตะคนแรกที่ยิง4 รอบ ต่อจากเอียน รัช ซีซั่น 1983-84 (ไม่นับรีเพลย์) ซึ่งทีมคว้าแชมป์ได้ ก่อนกวาด ด.1 เดิมลีกสูงสุดและยูโรเปี้ยน คัพในการคุมทีมของ โจ เฟแกน อันเป็น "ทริปเปิล แชมป์" ทีมแรกของเกาะอังกฤษ ในแบบที่ถูกมองว่าลีกคัพ ไม่ใช่เอฟเอ คัพ

บทสรุปจากชัยชนะเกมนี้

1 scoring power 

พลังในการยิงประตูของทีมนี่คืออีกเกมที่ลิเวอร์พูลตามหลังแล้วแซงชนะยิงสองลูกในครึ่งหลังมีเกมเดียวในปีนี้ที่หงส์แดงยิงไม่ได้คือนัดเสมอแมนฯยูฯ 0-0 ที่มาในแผน 1-9-1 

2 ศักยภาพแนวลึก 

เมื่อตัวชุดแรกทำไม่ได้ ชุดสองมีมาเสริม และนั่นอาจทำให้การขาดหายไปของ โม ซาลาห์ , วาตารุ เอนโด รวมทั้ง เทรนต์ ในเกมนี้ ยังไม่พบปัญหามาก 

3 เคอร์ติส โจนส์ และ คอร์เนอร์ แบรดลีย์

โจนส์ เริ่มลงตัวกับทีมมากขึ้น มีส่วนกับเกมต่อเนื่องและเป็นตัวจริงต่อเนื่อง ทำให้ กราแฟนแบร์ก ต้องโดนจับไปเล่นด้านขวา ซึ่งทำได้ไม่ดีนัก จนโดนเปลี่ยน เจ้าหนู คอร์เนอร์ แบรดลีย์ ที่รอสะสมกระดูก แต่โดยภาพรวมเล่นแบ๊กขวาใช้ได้ อย่าพึ่งเปรียบเทียบกับ เทรนต์ ที่มีดีเรื่องเกมรุกอยู่แล้ว แต่เกมรับ แบรดลีย์ ลื่นครั้งเดียวที่เสียประตู แต่ก็ไม่ให้ วิลเลียน ผ่านง่ายๆ

ชัยชนะเกมแรกยังตัดสินอะไรไม่ได้ (นัดสอง24 ม.ค.)

กระนั้นเด็กหงส์ก็มองว่าอีก 90 นาทีพวกเขามีโอกาสลุ้นถ้วยแรกในฤดูกาลจากการแอบลุ้น 4 แชมป์อีกแล้ว

JACKIE


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport