ระวังจิ้งจอกงับ ! เจาะ 5 ข้อก่อนเกมลิเวอร์พูล ดวล เลสเตอร์

ระวังจิ้งจอกงับ ! เจาะ 5 ข้อก่อนเกมลิเวอร์พูล ดวล เลสเตอร์
ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดรังแอนฟิลด์ รับมือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 2 วันพุธที่ 27 กันยายนนี้ โดย "หงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรง แต่กระนั้นคาดว่า "หงส์แดง" น่าจะโรเตชั่นทีมแบบยกชุด เพราะต้องการพักผู้เล่นตัวหลักเอาไว้เพื่อรักษาความสด เพราะมีโปรแกรมลีกแมตช์สำคัญปะทะ สเปอร์ส ช่วงสุดสัปดาห์ ขณะเดียวกันก็ต้องการให้โอกาสพวกดาวรุ่ง กับแข้งสำรองได้ลงไปโชว์ศักยภาพ สำหรับ "เดอะ ฟ็อกซ์" ต้องบอกว่าผลงานไม่ธรรมดาเช่นกันตอนนี้ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ รั้งตำแหน่งจ่าฝูง แถมฟอร์มโดยรวมของทีมก็แข็งแกร่งเลยทีเดียว

1. ยังเร็วไปสำหรับ "รองเทรนต์"

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พลาดลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล 3 เกมหลังสุดเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา และแน่นอนว่าในเกมรับมือ เลสเตอร์ วันพุธนี้ยังเร็วเกินไปที่จะส่งนักเตะลงสนาม

ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ สามารถกลับมาร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่  เป็ป ไลจ์นเดอร์ส มือขวาเจอร์เก้น คล็อปป์ ยืนยันว่านักเตะยังไม่พร้อมที่จะช่วยทีมในเกมกับทัพ "เดอะ ฟ็อกซ์"

การเก็บ "รองเทรนต์" เอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่านักเตะจะฟิตสมบูรณ์เพื่อลงสนามในเกมบิ๊กแมตช์เยือน "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 30 กันยายนนี้

ขณะที่ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ตอนนี้นักเตะก็มีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังผ่าตัดสะโพก แต่ก็ยังไม่สามารถลงฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ และต้องแยกฝึกเดี่ยว แต่ก็มีสัญญาณที่ดีว่าจะได้เห็นเขากลับมาช่วยทีมในเร็วๆ นี้ 

2. โรเตชั่นรักษาความสด

เป็นที่ทราบกันดีว่าการแข่งขันรายการนี้เป็นโอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะได้ลองนักเตะดาวรุ่งและแข้งสำรองลงสนาม เพื่อที่ผู้เล่นเหล่าจะได้สร้างความมั่นใจ และสร้างผลงานเพื่อให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เห็นคุณภาพของพวกเขา

มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ "หงส์แดง" จะเปลี่ยนผู้เล่นจากเกมพรีเมียร์ลีกที่ทุบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลายตำแหน่ง เพราะนอกจากจะเป็นการให้โอกาสผู้เล่นสำรอง และเด็กปั้นแล้ว ยังเป็นการพักแข้งหลักด้วย

สาวก "หงส์แดง" คงจะได้เห็น สเตฟาน บายเซติช ลงทำหน้าที่ในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนในเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก ขณะที่ เบน โด๊ค เตรียมลงทำหน้าที่เป็นแนวรุกฝั่งขวาแทน โม ซาลาห์ เช่นเดียวกับ ดีโอโก้ โชต้า และ โคดี้ กัคโป ที่จะได้เล่นตัวจริง 

ในส่วนของเซนเตอร์แบ็ก อิบราฮิม่า โกนาเต้ กับ จาเรลล์ ควอนซาห์ คงได้เล่นร่วมกับ โดยมี คอสตาส ซิมิคาส ยืนแบ็กซ้าย สำหรับผู้รักษาประตูแน่นอนว่าจะเป็นหน้าที่ของ ควีวิน เคเลเฮอร์ 

3. ไม่มีต่อเวลา, ไม่มีวีเออาร์

หนึ่งในความสนุกของการแข่งขันคาราบาว คัพ ก็คือจะไม่มีการต่อเวลาพิเศษ จนกระทั่งถึงช่วงรอบรองชนะเลิศ ดังนั้นถ้าหากจบ 90 นาทีผลการแข่งขันเสมอกัน จะต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษทันที

"เดอะ เร้ดส์" มักทำผลงานได้ดีโดยพวกเขาเอาชนะการดวลจุดโทษรายการนี้ 4 ครั้งหลังสุด โดยหนึ่งในนั้นก็คือการชนะ "จิ้งจอกสยาม" เมื่อปี 2021 ซึ่งนำไปสู่การคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในอังกฤษ 2 รายการในซีซั่น 2021/2022

นอกจากจะไม่มีการต่อเวลาพิเศษแล้ว การแข่งขันถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดียังไม่มีระบบวีเออาร์ด้วย ดังนั้นหากเกิดประเด็นกังขาหรือจังหวะที่ดูน่าสงสัย ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ตัดสินเท่านั้น

ฉะนั้นการทำหน้าที่ของ ทิม โรบินสัน ซึ่งได้รับบทบาทเป็นผู้ตัดสินหลักในเกมของ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก โดยจะทำหน้าที่ร่วมกับ ไซม่อน เบนเน็ตต์ กับ แดเนี่ยล โรเบธาน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ขณะที่ เดวิด เว็บบ์ รับบทกรรมการคนที่ 4 ต้องมีสมาธิในเกมนี้อย่างเต็มที่ 

4. เลสเตอร์ ฟอร์มกำลังแรง

เลสเตอร์ ภายใต้การกุมบังเหียนของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาเลียน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ที่เข้ามารับหน้าที่แทน ดีน สมิธ ในช่วงซัมเมอร์นี้ และสร้าง "เดอะ ฟ็อกซ์" ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

ผลงานของ มาเรสก้า ในเวลานี้ช่วยทำให้ เลสตอร์ เก็บชัยชนะ 9 จาก 10 แมตช์ในทุกรายการฤดูกาลนี้ ขณะที่ผลงานในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก็ยอดเยี่ยม รั้งอันดับ จ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น 

ปัจจุบันทัพ "สุนัขจิ้งจอก" เล่นได้แข็งแกร่งทั้งเกมรับและเกมรุก โดยเกมรับเพิ่งเสียไปแค่ 5 ประตูในเกมลีก ขณะที่เกมรุกดุดันไม่เกรงใจใครตะบันไปแล้ว 14 ประตูในลีก ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ ดาวซัลโวประจำทีมก็ยังคงยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ซัดไป 3 จาก 9 เกมในซีซั่นนี้

จะว่าไปแล้ว เลสเตอร์ เพิ่งจะเดินทางมาที่ลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ยในรอบที่ผ่านมา โดยบุกมาชนะ ทรานเมียร์ 2-0 ดังนั้นการกลับมายังย่านนี้อีกครั้ง พวกเขาหวังเก็บชัยชนะเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการเล่นแมตช์ต่อๆ ไป

5. เจ้าพ่อถ้วยใบเล็ก

จะว่าไปแล้ว ลิเวอร์พูล ถือเป็นเจ้าพ่อการแข่งขันรายการนี้ เพราะพวกเขาประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยคว้าแชมป์ไปแล้ว 9 สมัย ฉะนั้นนี่คือโทรฟี่ที่ "เดอะ เร้ดส์" ยังคงให้ความสำคัญเสมอ

อย่างไรก็ตามในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีก คัพ หรือ "คาราบาว คัพ" เป็นว่าเล่นโดยพวกเขาสอยโทรฟี่ใบนี้ 5 จาก 6 ครั้งในช่วงระหว่างปี 2016-2021 ทำให้ตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" สร้างสถิติคว้าแชมป์ไปแล้ว 8 สมัย 

สำหรับฤดูกาลนี้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เซนเตอร์แบ็กชาวดัตช์ รับบทบาทเป็นกัปตันทีม และเขาหวังที่จะคว้าแชมป์รายการนี้ เพราะนั่นจะเป็นการได้ชูโทรฟี่แชมป์ในฐานะผู้นำทีมครั้งแรก 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport