ถึงแม้ คาราบาว คัพ จะเป็นเพียงถ้วยรางวัลเล็กๆ แต่มันเป็น 'แชมป์แรก' ที่ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของ 'คิง เอริค'
และนี่คือสิ่งที่แฟนผีมองเห็นกับตาที่สนามเวมบลี่ย์
1. นิวคาสเซิ่ล เริ่มต้นได้ไฉไลกว่า ด้วยการบดบี้เข้าหาผู้เล่นของปีศาจแดง ไม่ให้ต่อบอลทำเกมได้ถนัด
ขณะที่ เอริค เทน ฮาก เลือกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นแบบรัดกุม ด้วยการยืนคุมพื้นที่ มิได้วิ่งเข้าหา เหตุเพราะเพิ่งบดหนักกับ บาร์เซโลน่า มาหมาดๆ เมื่อวันพฤหัสฯ
เรียกว่าพยายามเล่นแบบเซฟแรง
นั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม 'สาลิกาดง'ถึงครองบอลได้มากกว่า และบุกได้มากกว่า
2. แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมรับได้ดีมีความระมัดระวังสูง ต่อเมื่อถูกบีบเข้าหาเร็วจนต่อบอลกันไม่สะดวก จึงพยายามวางบอลยาวข้ามไปหลังไลน์ แต่ก็ไม่ค่อยมีความแม่นยำมากนัก
เดอะ แม็กพายส์ เหนือกว่านิดๆ ด้วยซ้ำ เพียงแต่หาจังหวะจบแบบจะแจ้งไม่เจอ
3. จุดเปลี่ยนเกิดจากการจังหวะฟรีคิกที่ ลุค ชอว์ ปั่นโค้งด้วยซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อน กาเซมิโร่ จะโถมเข้าโขกตุงตาข่ายนั่นแหละ
คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 ทั้งที่ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด จะตะบันไปแฉลบข้ามหัว ลอลิส คาริอุส ในอีกไม่กี่นาทีถัดมา
จบครึ่งแรกนำห่างถึง 2 ประตู ถือว่าผิดคาดพอสมควร
4. ชอบความละเอียดของ เอริค เทน ฮาก ที่ตัดสินใจถอดแบ็คขวาอย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ ที่ได้ใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกมออก เพื่อให้ อารอน วาน-บิสซาก้า ลงมาแทน
คิดง่ายๆ ว่ามีใบเหลืองติดตัวแล้วต้องเผชิญหน้ากับ อัลแลง แซงต์-มั๊กซิแมง มันล่อแหลมต่อการได้อีก 1 เหลืองมากขนาดไหน
เท่านั้นไม่พอ ยัง 'ปิดเกม' ด้วยการส่ง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ มาช่วยอัดตรงกลางให้แน่นขึ้น ก่อนจะส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็คพลางปรับสูตรเป็น 'หลังสาม'
5. จังหวะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดีมากนะครับที่ได้เจอ นิวคาสเซิ่ล ในช่วงที่พวกเขากำลัง 'เป๋' พอดี
ระยะหลัง เกมรับของ 'สาลิกาดง' เสียประตูง่ายขึ้น แถมยิงประตูคู่แข่งยากขึ้น
นอกจากนี้ นิวคาสเซิ่ล ยังเป็นทีมที่อาภัพความสำเร็จอย่างรุนแรง เพราะนับตั้งแต่ยุค 70's เข้าชิงฯ บอลถ้วยเมื่อไหร่ ก็จะพ่ายแพ้แบบ 100% เต็ม
โบนัส แทร็ค: ผู้ชนะตัวจริงคือ เอริค เทน ฮาก
บอ.บู๋