เป็นไปตามความคาดหมาย แต่ไม่ใช่เกมที่ง่ายเมื่อ เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มต้นพาทีม ผีแดง คว้าแชมป์ใบแรกของตัวเองได้สำเร็จแล้วตั้งแต่การคุมทีมเป็นซีซั่นแรกในแมตช์ชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ซีซั่น 2022/23 ซึ่งทีมอสูรเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้ด้วยสกอร์ 2-0 จากการขิงชัยที่ เวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.
เท่ากับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังได้ลุ้นคว้าแชมป์ต่ออีกสามรายการที่เหลือ แต่สุดท้ายแล้วบิ๊กบอสสัญชาติดัตช์จะพาทีมหยิบถ้วยมาประดับตู้โชว์ได้กี่ใบก็ต้องรอดูกันต่อไป ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ยังร้างแชมป์อีกตามเคยทั้งๆที่อุตส่าห์เฝ้ารอมานานต่อการได้ลงเล่นเกมชิงชนะเลิศซึ่งทำให้พวกเขามีสถิติที่น่าเห็นใจแพ้ใน เวมบลีย์ เก้านัดติดต่อกันเริ่มตั้งแต่นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ปี 1974 ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยมีทีมไหนอกหักอย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สังเวียนแข้งแห่งนี้มากเท่ากับ เดอะ แม็กพายส์ อีกแล้ว
สำหรับ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีม แมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากจะได้เหรียญแชมป์มาคล้องคอแล้ว เขายังทำลายสถิติคลีนชีตของสโมสรที่ถือครองร่วมกับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อดีตมือกาวทีมชาติ เดนมาร์ค ที่ตัวเลข 181 นัดได้สำเร็จแล้วหลังพาทีมซิวแชมป์ใบแรกต่อจากถ้วย ยูโรปาลีก ปี 2017 ซึ่งกินเวลานาน 5 ปี 278 วัน
1. แรชฟอร์ด ตัวจริง,ผีปรับสองจุด
แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าคนสำคัญลงเล่นเป็น 11 คนแรกได้หลังดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ มีปัญหาบาดเจ็บช่วงท้ายเกมชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 ในถ้วย ยูโรปาลีก เมื่อวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ดี เทน ฮาก ตัดสินใจปรับโผตัวจริงสองรายจากเกมกลางสัปดาห์ให้ ดีโอโก้ ดาโลต์ แบ็คขวาทีมชาติ โปรตุเกส ลงเล่นก่อนหน้า อารอน วาน บิสซาก้า ขณะที่ อันโตนี่ ได้ออกสตาร์ตแทน เจดอน ซานโช่ ในตำแหน่งปีกขวาซึ่งเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกของพ่อค้าแข้งแซมบ้านับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.
2. สาลิกา ได้ กีมาไรส์ พ้นโทษแบน,ส่ง คาริอุส เฝ้าเสา
นิวคาสเซิ่ล สามารถส่ง บรูโน่ กีมาไรส์ มิดฟิลด์คนสำคัญลงเล่นได้หลังพ้นโทษแบนสามเกม และวาง คัลลั่ม วิลสัน เป็นคู่กองหน้าโดยมี อัลล็อง แซงต์ มักซิแมง ปีกตัวจี๊ดคอยสนับสนุน
สำหรับตำแหน่งนายทวาร ลอริส คาริอุส อดีตนายด่านตาข่ายของ ลิเวอร์พูล ได้เฝ้าเสาตามคาดหลัง นิค โป๊ป ติดโทษแบน ขณะที่ มาร์ติน ดูบราฟก้า ติดคัพไทเช่นเดียวกับ แอนโธนี่ กอร์ดอน ดาวเตะตัวรุกที่ย้ายมาจาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนก่อน
กล่าวถึง คาริอุส ต้องบอกว่าสถานการณ์เป็นใจให้นายทวารด๊อยทช์ได้ลงเล่นเป็นเกมแรกนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2021 ซึ่งเขาเฝ้าเสาให้กับ อูนิโอน เบอร์ลิน ภายใต้สัญญายืมตัวจาก ลิเวอร์พูล ในเกม บุนเดสลีกา โดยนับเป็นเวลานานถึง 728 วันเลยทีเดียวที่เจ้าตัวไม่ได้ลงเล่นในเกมที่เป็นทางการ
3. ความเด็ดขาดอยู่ที่ ผีแดง
ถือได้ว่า สาลิกาดง เริ่มเกมได้อย่างน่าดูชม และต่อกรกับ ผีแดง ได้อย่างสูสีโดยอาศัยลูกบู๊เข้าปะทะเร็วไม่เปิดโอกาสให้ทีมของ เทน ฮาก ได้ต่อบอลกันตามถนัด
อย่างไรก็ดี ความแตกต่างมันอยู่ที่ความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้ายซึ่งจริงๆแล้ว เดอะ แม็กพายส์ มีโอกาสมากกว่า เร้ด เดวิลส์ ด้วยซ้ำ แต่หลังจากโดนทีเด็ดของ กาเซมีโร่ โขกตุงตาข่ายในนาทีที่ 33 สเวน บอตแมน ก็สกัดบอลเข้าประตูตัวเองตามมาในนาทีที่ 39 จากจังหวะบล็อกลูกยิงของ แรชฟอร์ด ที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่าง 2-0 ในครึ่งแรก
แต่อย่างที่บอก นิวคาสเซิ่ล ไม่ได้เล่นกันแย่ และครองบอลได้มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำใน 45 นาทีแรกจากตัวเลข 60:40% และได้ยิงมากกว่า 7:5 ครั้ง แต่เข้ากรอบครั้งเดียว ขณะที่ ผีแดง ส่งบอลเข้ากรอบ 4 ครั้ง และเป็นสองประตู
4. ครึ่งหลัง แมนยู เจียนอยู่เจียนไป
ในฐานะที่ตกเป็นรอง 2-0 จึงแน่นอนว่า นิวคาสเซิ่ล จำเป็นต้องโหมบุกสุดชีวิตเนื่องจากไม่มีนัดหน้าให้แก้ตัวอีกแล้วในเมื่อมันเป็นเกมชิงชนะเลิศ
ฉะนั้นแล้ว ทีมอีสานจึงครองเกมรุกได้มากขึ้นเป็นลำดับ และทำได้ดีกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด และยังครองบอลได้เหนือกว่าหลังครบ 90 นาทีที่ตัวเลข 62:38%
ขณะเดียวกัน เดอะ แม็กพายส์ หาจังหวะคลำเป้าได้อีก 7 ครั้งรวมเป็น 14 ครั้ง แต่พวกเขาส่งบอลเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งเท่านั้นซึ่งเป็นปัญหาที่ ฮาว ต้องแก้ไขให้ได้หากต้องการพาทีมประสบความสำเร็จเนื่องจากเกมฟุตบอลวัดกันที่จำนวนประตู
สำหรับ ผีแดง แม้จะครองบอลเป็นรอง แต่การมีเกมโต้กลับที่น่ากลัวทำให้พวกเขาได้ส่องยิงรวมกันทั้งเกม 14 ครั้งเท่ากับคู่แข่ง และแน่นอนว่าสามารถส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 9:2 ครั้งแม้จะไม่อาจทำสกอร์เพิ่มได้ก็ตาม
5. เส้นทางต่อไปของทั้งสองทีม
หลังจบเกมชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไล่ล่าแชมป์อีกใบต่อทันทีในเกม เอฟเอคัพ รอบห้าต้อนรับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ทีมร่วมพรีเมียร์ลีก
ถัดจากนั้น ทีมของ เทน ฮาก จะเจองานหนักในศึก พรีเมียร์ลีก วันแดงเดือดด้วยการบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ แล้วกลับไปลงเล่นเกม ยูโรปาลีก นัดแรกด้วยการเปิดบ้านต้อนรับ เรอัล เบติส
แต่ที่แน่ๆ ซีซั่นหน้า ผีแดง ได้โควต้าลงเล่นถ้วย ยูโรปาลีก ซ้ำอีก 100% แล้วในฐานะแชมป์ คาราบาวคัพ นั่นเอง
1 มี.ค.2023 แมนฯ ยูไนเต็ด - เวสต์แฮม (เอฟเอคัพ)
5มี.ค.2023 ลิเวอร์พูล - แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
9มี.ค.2023 แมนฯ ยูไนเต็ด - เรอัล เบติส (ยูโรปาลีก)
12มี.ค.2023 แมนฯ ยูไนเต็ด - เซาธ์แฮมป์ตัน (พรีเมียร์ลีก)
16มี.ค.2023 เรอัล เบติส - แมนฯ ยูไนเต็ด (ยูโรปาลีก)
ด้าน นิวคาสเซิ่ล ไม่มีอะไรให้ลุ้นอีกแล้วสำหรับซีซั่นนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ร่วมฟาดแข้งถ้วยยุโรป แถมกระเด็นตกรอบถ้วย เอฟเอคัพ ไปแล้ว
ฉะนั้น ทีมอีสานจึงมีภารกิจต้องเร่งสร้างผลงานกันใหม่ใน พรีเมียร์ลีก รายการเดียวเพื่อกลับไปทวงอันดับสี่ของตารางให้ได้ต่อการคว้าโควต้าเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้าหลังออกอาการแผ่วปลายหล่นมาอยู่ในอันดับห้าแล้ว
และที่สำคัญ พวกเขามีโอกาสล้างแค้น แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยในเกม พรีเมียร์ลีก โดยนัดแรกของซีซั่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งคู่เสมอกันมาแบบไม่มีสกอร์
4มี.ค.2023 แมนฯ ซิตี้ - นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)
12มี.ค.2023 นิวคาสเซิ่ล - วูล์ฟส์ (พรีเมียร์ลีก)
17 มี.ค.2023 ฟอเรสต์ - นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)
2เม.ย.2023 นิวคาสเซิ่ล - แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
8เม.ย.2023 เบรนท์ฟอร์ด - นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก)