ถือว่าปิดงานได้ตามเป้าหมาย สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากในเกม คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น พวกเขาเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไปได้ 2-0 จนทำให้สกอร์รวม "ปีศาจแดง" ซิวชัยแบบขาดลอย 5-0
แน่นอนว่านี่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์เป็นรายการแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 ที่ตอนนั้นพวกเขาได้แชมป์ อีเอฟแอล คัพ (ชื่อเดิมของ คาราบาว คัพ) กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ไปครอง ซึ่งมันก็มีเกร็ดบางอย่างที่น่าสนใจจากเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในนัดล่าสุดด้วย
- ในบ้านยังแข็งแกร่ง
อย่างที่รู้กันดีว่าตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในตอนที่ได้ลงเล่นในบ้านของตัวเองจนเหมือนกับว่ามันเป็นปราการเหล็กสำหรับพวกเขาไปแล้ว โดยเกมนัดล่าสุดทำให้เท่ากับว่าพวกเขาชนะในบ้านครบทั้ง 12 นัดหลังสุดจากการลงเล่นในทุกรายการเลย
ทั้งนี้ หากนับเฉพาะผลงานในฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งแล้วล่ะก็ นี่ก็ถือเป็นการเก็บชัยชนะใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ติดต่อกันมากที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 เลยทีเดียว โดยครั้งนั้นพวกเขาเคยชนะในบ้านถึง 17 เกมรวดจากการลงเล่นในทุกรายการ ตั้งแต่ระหว่างช่วงเดือนธันวาคม ปี 2010 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2011
- ขึ้นที่ 2 เดี่ยวๆ
นี่นับเป็นครั้งที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่พวกเขาจะได้มีส่วนร่วมในนัดชิงชนะเลิศของรายการ คาราบาว คัพ (นับรวมสมัยใช้ชื่อเดิมและชื่ออื่นๆ) ทำให้ตอนนี้พวกเขากลายเป็นอันดับ 2 ที่จะได้ลงเล่นนัดชิงดำของรายการนี้มากที่สุดแต่เพียงผู้เดียว หลังจากก่อนหน้านี้ครองตำแหน่งร่วมกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แอสตัน วิลล่า, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังอยู่ห่างจากอันดับ 1 ในระดับหนึ่ง โดยเจ้าของบัลลังก์ที่ว่าคือ ลิเวอร์พูล ที่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของรายการนี้ทั้งหมด 13 ครั้งด้วยกัน
- แรชฟอร์ด เป็นรองแค่ ฮาลันด์
ตอนนี้นับเป็นช่วงขาขึ้นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด อย่างแท้จริง เพราะต่อให้นัดไหนจะทำประตูไม่ได้แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมอยู่เรื่อยๆ โดยนัดล่าสุดเขาก็ทำแอสซิสต์ให้ เฟร็ด เป็นคนยิงประตูตอกย้ำชัยชนะให้กับทีม ทำให้มันเป็นการทำแอสซิสต์ครั้งที่ 7 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้หากนับรวมการลงเล่นในทุกรายการ
ด้วยเหตุนี้ หากนับรวมผลงานการทำ 18 ประตูของเขาเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ มันก็จะเท่ากับว่าซีซั่นนี้เขามีส่วนร่วมกับประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมแล้ว 28 ลูก ซึ่งในบรรดานักเตะของทีมจากเวที พรีเมียร์ลีก นั้น มีเพียง เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีส่วนร่วมกับประตูมากกว่าเขา โดยตัวเลขของ ฮาลันด์ อยู่ที่ 34 ประตู (ยิงเอง 31 ลูก กับทำ 3 แอสซิสต์)
- เกมรับเหนียว
ที่ผ่านมาเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "ปีศาจแดง" มีผลงานที่สวยหรู โดยตอนนี้มันเท่ากับว่าพวกเขาเก็บคลีนชีทประจำฤดูกาล 2022-23 จากการลงเล่นในทุกรายการได้ถึง 16 นัดเลยทีเดียว ซึ่งในบรรดาทีมจาก พรีเมียร์ลีก ด้วยกันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถือเป็นทีมที่เก็บคลีนชีทในซีซั่นนี้ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ร่วม โดยอีกทีมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็น นิวคาสเซิ่ล คู่แข่งของพวกเขาในนัดชิงดำของ คาราบาว คัพ นั่นเอง
- เทน ฮาก ตามรอย มูรินโญ่ ?
จนถึงตอนนี้ต้องชม เอริค เทน ฮาก ที่สามารถทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสภาพโดยรวมดูดีขึ้นเยอะทั้งที่เขาเพิ่งเข้ามารับงานกับทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน แน่นอนว่า "เร้ด อาร์มี่" ตั้งความหวังให้เขาชุบชีวิตทีมให้ได้อยู่แล้ว แต่คงมีไม่กี่คนที่จะคิดว่าเขาจะถึงขั้นทำให้ทีมได้ลุ้นถ้วยตั้งแต่ซีซั่นแรก
ผลงานในครั้งนี้ทำให้ เทน ฮาก ถือเป็นกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด คนที่ 2 หลังหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการฟุตบอลถ้วยได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามาทำงานกับทีม โดยคนแรกก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำได้ตอนฤดูกาล 2016-17 นั่นเอง
นั่นหมายความว่า เทน ฮาก มีโอกาสที่จะตามรอยของ มูรินโญ่ ได้ โดยไม่ใช่แค่เฉพาะในถ้วย คาราบาว คัพ เท่านั้น แต่รวมถึง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ด้วย เพราะตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ ยูโรปา ลีก เช่นกัน เพียงแต่มีด่านที่ชื่อว่า บาร์เซโลน่า เป็นด่านแรกที่รอรับมือพวกเขาอยู่
- เด็กเกร็ดบอล -