เทน ฮาก เน้นสุดๆ! สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู ทัพใหญ่ถล่มเจ้าป่า

เพราะเกมแรกของรอบตัดเชือกก็เล่นบุกไประเบิดภูเขาเผาเจ้าป่าอย่าง ฟอเรสต์ แบบไม่เกรงใจความเป็นเจ้าบ้าน ด้วยสกอร์แบบทิ้งห่างถึง 3-0

และต่อไปคือสิ่งที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอก

1.อันดับแรกอยากให้ดูการจัดตัวผู้เล่นของ เอริค เทน ฮาก ก่อน

ก่อนเกม ผมคิดว่ากุนซือปีศาจแดงจะทำการ 'โรเตชั่น' ประมาณ 4-5 ตำแหน่ง เพราะลงเล่นอย่างซอยยิกสัปดาห์ละ 2 นัดมาตลอด คู่แข่งก็ไม่ได้น่าขามเกรงอะไร แถมยังมีเกมในบ้านให้แก้มืออีกต่างหาก

ที่ไหนได้นะครับ

ผู้จัดการทีมชาวดัตช์จัดชุดใหญ่เกือบเต็มอัตราศึกเลยทีเดียว

ผู้รักษาประตูก็ไม่ยอมใช้มือ 2

แผงหลังพัก ราฟาแอล วาราน กับ ลุค ชอว์ แค่ 2 คน เพื่อให้ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กับ ไตเรลล์ มาลาเซีย ลงมาแทน

ห้องเครื่องตรงกลาง 3 คน กาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น และบรูโน่ แฟร์นันด์ส เหมือนเดิม

แดนหน้า เวาท์ เวกฮอร์สต์ หัวหอก ขนาบข้างด้วย อันโตนี่ เดอะ หมุน กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด จอมกะซวก

เรียกว่าเน้นสุดๆ แบบ 'เอาตาย' เพื่อป้องกันความผิดพลาด เนื่องจากเดินทางมาถึงรอบนี้แล้วยังไงก็ต้องเข้าชิงฯ ให้จงได้ โดยคาดว่าผู้เล่นตัวหลักน่าจะได้พักในเกมต่อไป (เอฟเอ คัพ รอบ 4) ที่จะเปิดบ้านเจอ เรดดิ้ง วันเสาร์นี้

2.พลพรรคปีศาจแดงเปิดฉากบุกตะลุยทันทีที่ผู้ตัดสินบ้วนลมยาวๆ ผ่านนกหวีด

ชัดเจนเลยว่าพยายามจะรีบเช็คบิลล์ให้เร็วที่สุด ก่อนใช้เวลาไม่นานนักก็ชิงจังหวะขึ้นนำได้สำเร็จจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งเป็นการผสมผสานกันทั้งทีมเวิร์คและความสามารถเฉพาะตัว

คือเคาะบอลทำชิ่งกันแม่นยำในแดน ก่อนดาวเตะที่เพื่อนร่วมทีมเรียกว่า 'แรชชี่' จะกระชากบอลจากครึ่งสนาม แหวกฝ่าวงล้อมของคู่แข่งเข้าไปสับด้วยซ้ายในเขตโทษ

นอกจากจะขึ้นนำเร็วแล้วในช่วง 20 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองบอลบุกกระหน่ำพลางล่อเป้าอยู่ข้างเดียว

ทว่าหลังจากนั้นก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลงจน ฟอเรสต์ เริ่มฟื้นตัวได้ทีละนิดทีละน้อย ก่อนใช้จังหวะสวนกลับฉับพลันทำลายตาข่ายทีมเยือนได้แบบดื้อๆ

บุญยังรักษาที่ถูก VAR จับได้ว่าล้ำหน้า แล้วยึดประตูคืน

ไปๆ มาๆ เป็นทีมสิงห์สั่งป่าที่บุกกดดันพลางหาจังหวะจบได้เป็นระยะซะอย่างนั้น

อืมมมมม...นะ

เรื่องของเรื่องคือ แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามเร่งจังหวะมากเกินไป แถมขยับขึ้นสูงมากจนเสียตำแหน่ง 

เวลาถูกเจ้าถิ่นสวนกลับ ห้องเครื่องตรงกลางเบรคเกมคู่แข่งไม่ค่อยอยู่ เพราะดาหน้ากันขึ้นไปหมดนี่แหละ

3.อย่างไรก็ตาม

เกมรุกของเจ้าถิ่นไม่มีความเด็ดขาดสักเท่าไหร่ หนักไปทางยิงทิ้งกับยิงขว้าง

ต่อเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ฉวยโอกาสทำประตูขึ้นนำเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก งานของพวกเขายิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะสามารถเล่นแบบประคองตัว หรือที่พากย์ภาษาแต้จิ๋วว่า 'ติ๊ดชึ่ง' ได้ในครึ่งหลัง รวมถึงสามารถถอดผู้เล่นตัวหลักออกไปพักได้

แล้วดู 'ความเน้น' ของ เอริค เทน ฮาก นะครับ คือเริ่มครึ่งหลังโดยไม่ยอมเปลี่ยนผู้เล่นสักคน กว่าจะเปลี่ยนครั้งแรกปาเข้าไปกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว !!!

ขนาดนำห่าง 2 ประตูก็ไม่มีชะล่าใจ

4.เกมนี้ ผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงอย่างผมเอาใจช่วยผู้เล่นพันธุ์อสูรเป็นพิเศษอยู่ 2 คน

หนึ่งคือดาวเตะค่าตัว 85 ล้านปอนด์ อย่าง อันโตนี่ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

หนึ่งคือหัวหอกตัวใหม่อย่าง เวาท์ เวกฮอร์สต์ ที่ถูกนักวิจารณ์ปากหมาอย่าง เพียร์ส มอร์แกน เหยียดหยามว่าเป็น 'ไส้กรอกออสเตรีย' 

หากตั้งใจดูให้ดีๆ คุณจะพบว่าเจ้าของสมญา 'เดอะ หมุน' ทำได้ไฉไลขึ้นพอสมควรนะครับ

เขากล้าเล่น และกล้าลากไปข้างหน้ามากขึ้น เช่นเดียวกับที่จ่ายบอลได้แนบเนียนขึ้น รวมถึงมีบทบาทต่อเกมมากขึ้นพลางหาโอกาสทำประตูได้มากที่สุดในครึ่งแรกถึง 4 ครั้ง

ขาดก็แต่การทำประตูได้เท่านั้น

ส่วน 'ไอ้ม้า' จากแดนกังหันลมก็กระทุ้งประตูแรกได้สักที ซึ่งหากสังเกตให้ดี คุณจะพบว่าเพื่อนร่วมทีมพยายามเปิดป้อนให้เขานะครับ เพียงแต่จังหวะเปิดจากริมเส้น บอลมาไม่ค่อยถึงตัวเขาสักเท่าไหร่

ไอ้พวกที่โวยวายว่าเพื่อนไม่ค่อยเปิดบอลให้ เวาท์ เวกฮอร์สต์ แสดงว่า...มึงไม่ได้ตั้งใจดูนะจ๊ะ

5.หลังจากทำได้แค่เสมอ คริสตัล พาเลซ และพลาดท่าพ่ายแพ้ อาร์เซน่อล แบบน่าเจ็บใจในพรีเมียร์ลีก 

พลพรรคปีศาจสามง่ามแสดงความมุ่งมั่นและทุ่มเทออกมาเต็ม 80,000 ตีนถีบ ฟอร์มการเล่นก็ถือว่าไม่เลว เคาะบอลกันแม่นยำ เล่นเป็นระบบ จังหวะจู่โจมรุนแรง กล้าได้-กล้าเสีย และ

มีประสิทธิถาพ

แต่ก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าคู่แข่งคุณภาพต่ำกว่าตัวเองพอสมควร เรียกว่าทุกอย่างเป็นใจมันถึงบุกมามีชัยด้วยสกอร์ 3-0

รอบตัดเชือกเกมที่ 2 ในบ้าน กลางสัปดาห์หน้าคงจะอนุญาตให้ส่งตัวสำรองกับดาวรุ่งลงเล่นบ้างแบบไม่ต้องคิดมาก

เพราะถ้าชนะนอกบ้าน 3-0 แล้วทะลึ่งไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศก็สมควรไปลาสุนัขอุปสมบทกันทั้งทีม

บอ.บู๋