น่าจะแหย่เท้าเข้ารอบชิงชนะเลิศไปทั้งสองข้างแล้วเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด สลัดผลงานไม่ชนะในสองเกมหลังบุกไปยำใหญ่ ฟอเรสต์ 3-0 ในเกม คาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศนัดแรกที่สนาม ซิตี้ กราวด์ เมื่อวันพุธที่ 25 ม.ค.
แม้จะยังมีนัดสองให้ เจ้าป่า ได้แก้ตัว แต่ด้วยสกอร์ที่ขาดลอย ประกอบกับ ผีแดง จะได้เล่นในบ้านเกมหน้าก็พอจะชี้ขาดได้เลยว่า เอริค เทน ฮาก พาทีมเข้าชิงชนะเลิศถ้วยแรกของเขากับถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้แทบจะ 100% แล้ว
1. ฟอเรสต์ ปรับทัพสี่ตำแหน่ง ,ลินการ์ด สำรอง
สตีฟ คูเปอร์ ปรับทีมสี่ตำแหน่งจากเกม พรีเมียร์ลีก ที่บุกไปไล่ตีเสมอ บอร์นมัธ 1-1 โดยตกรางวัลให้ แซม เซอร์ริดจ์ ซึ่งลุกจากม้านั่งข้างสนามในช่วง 15 นาทีสุดท้ายซัดแบ่งแต้มให้ทีมได้ก่อนหมดเวลาแปดนาทีออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรก
พร้อมกันนี้ สกอตต์ แม็คเคนน่า และ กุสตาโว่ สคาร์ปา ซึ่งเพิ่งย้ายมาร่วมทีมในเดือนนี้ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ ดานิโล่
สำหรับ เจสซี่ ลินการ์ด อดีตดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มีชื่อนั่งข้างสนามตามเดิม
2. แมนฯ ยูฯ ส่ง เด เคอา เฝ้าเสา
เอริค เทน ฮาก ตัดสินใจส่ง ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสาในเกม คาราบาวคัพ แม้ก่อนหน้านี้จะใช้งาน มาร์ติน ดูบราฟก้า ในเกมรอบสามและสี่นัดเฝ้าบ้านคว่ำ แอสตัน วิลล่า 4-2 และสยบ เบิร์นลีย์ 2-0 รวมถึงส่ง ทอม ฮีตัน ลงบู๊ในรอบแปดทีมนัดขยี้ ชาร์ลตัน 3-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
อย่างไรก็ดี กุนซือดัตช์เรียกใช้บริการ กาเซมีโร่ ทันทีหลังจากสตาร์ทีมชาติ บราซิล พ้นโทษแบนหนึ่งนัด ขณะที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย อยู่ในโผ 11 คนแรกเช่นกันอันเป็นการปรับทัพจากเกมออกไปแพ้ อาร์เซน่อล 3-2 ในศึก พรีเมียร์ลีก
สำหรับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่มีเอี่ยวในเกมนี้เนื่องจากติดโทษแบนจากการได้สองใบเหลืองรอบก่อนหน้านี้ในเกมดวลกับ แอสตัน วิลล่า และ ชาร์ลตัน ขณะที่ ลุค ชอว์ ป่วย
3. ใครจะหยุด แรชฟอร์ด?
ยังฮ็อตไม่เลิกจริงๆสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เพราะนับตั้งแต่จบศึก ฟุตบอลโลก 2022 เจ้าตัวประกาศศักดายิงกระจายชนิดไม่เกรงใจใครทั้งสิ้นรวมเบ็ดเสร็จเป็น 10 ประตูจาก 10 เกมในทุกรายการแล้ว
แค่หกนาทีที่ ซิตี้ กราวด์ ดาวยิงทีมชาติ อังกฤษ ก็ระเบิดฟอร์มเด็ดลากบอลจากกลางสนามทะลุขึ้นทางซ้ายแหวกสองกองหลัง เจ้าป่า เข้าเขตโทษไปตะบันเสียบเสาแรกหมดสิทธิ์ที่ เวย์น เฮนเนสซี่ จะปัดป้องได้พา ปีศาจแดง นำหน้าอย่างรวดเร็ว
หากจะนับเฉพาะในรายการนี้ แรชฟอร์ด ยิงได้เป็นลูกที่ห้าแล้วในสี่เกมของซีซั่นนี้โดยเจ้าตัวเช็คบิล แอสตัน วิลล่า และ เบิร์นลีย์ ทีมละประตู ก่อนจะอัด ชาร์ลตัน สองประตู ส่งผลให้เขาเป็นนักเตะ ผีแดง คนแรกที่สอยตาข่ายในถ้วยใบนี้ได้ไม่ต่ำกว่าห้าลูกในซีซั่นเดียวกันต่อจาก คาร์ลอส เตเวซ ในซีซั่น 2008/09 (6ประตู)
ขณะเดียวกัน หากจะนับรวมประตูในทุกรายการ แรชฟอร์ด คลำเป้าไปแล้ว 18 ลูก เป็นรองแค่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คนเดียวเท่านั้น (31ลูก)
4. เว็กฮอร์สต์ เริ่มต้นนับหนึ่ง
ในที่สุด เวาท์ เว็กฮอร์สต์ กองหน้าคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดบัญชีเม็ดแรกในสีเสื้อ ผีแดง จนได้ แถมอุบัติขึ้นในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะซะด้วย
หลังจากถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้สองนัด กองหน้าดัตช์อาจสร้างผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่เนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกเบรกสถิติชนะเก้านัดรวดในทุกรายการอย่างน่าเสียดายในเกมเสมอกับ คริสตัล พาเลซ 1-1 ตามด้วยการออกไปแพ้ อาร์เซน่อล 3-2
ทว่าในที่สุด หัวหอกร่างโย่งซึ่งลงบู๊เป็นตัวจริงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเกมที่สามติดต่อกันสามารถคลายความกดดันให้กับตัวเองได้สำเร็จเมื่อเข้าซ้ำลูกยิงของ อันโตนี่ ตุงตาข่ายพา ผีแดง นำห่าง 2-0 ในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกซึ่งถือเป็นประตูที่สำคัญสำหรับทีมเยือนเนื่องจากเจ้าบ้านกำลังเดินเกมรุกได้อย่างน่าเกรงขาม และมีโอกาสตีเสมอ 1-1 หลายครั้งชนิดที่ เด เคอา ต้องออกแรงเซฟเห็นๆสองหนด้วย
ด้าน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งสอยตาข่ายเม็ดปิดท้ายให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างชื่อมีส่วนร่วมกับการทำประตูให้ ผีแดง ในทุกรายการครบ 100 เม็ดพอดีแล้ว (56 ประตู 44 แอสซิสต์) จากการลงเล่น 155 นัด
5. เจ้าป่า ไม่น่าตกชั้น?
อาจยังมีอีกเกมให้ ฟอเรสต์ แก้มือที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบทันควันในนัดต่อไปของพวกเขาวันที่ 1 ก.พ.นี้เนื่องจากทีมของ คูเปอร์ ตกรอบสามถ้วย เอฟเอคัพ ไปแล้วกับการออกไปแพ้ แบล็คพูล ยับเยิน 4-1
อย่างไรก็ดี หากทำไม่สำเร็จ เจ้าป่า ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจเนื่องจากการเอาตัวรอดใน พรีเมียร์ลีก สำหรับซีซั่นนี้สำคัญกว่าการได้ชูโทรฟี่หลายเท่านัก
และจากที่เห็น ทีมน้องใหม่มีผลงานดีขึ้นกว่าต้นซีซั่นอย่างชัดเจนเนื่องจากพวกเขาตะกายหนีจากพื้นที่สีแดงได้แล้วด้วยการรั้งอันดับ 13 ของตาราง แม้จะมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นสี่แต้มก็ตาม
ถึงกระนั้น จากฟอร์มในสนามซึ่งสู้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไม่เกรงกริ่ง แม้จะครองบอลเป็นรอง 67:33% แต่ตลอด 90 นาที ฟอเรสต์ ได้ยิงมากถึง 13 ครั้ง เป็นรอง ปีศาจแดง แค่ 2 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบ 4 ครั้งเป็นรองทีมเยือน 2 ครั้งเช่นกัน แม้จะพ่ายไปอย่างขาดลอย 3-0 ก็ตาม
จากตัวเลขดังกล่าว มันฟ้องให้เห็นว่าไม่ใช่ฟอร์มของทีมที่ส่อแววว่าจะตกชั้นเลยสักนิด และหากทีมของ คูเปอร์ ยังรักษามาตรฐานเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างคงเส้นคงวาไปจนจบซีซั่นก็เชื่อเหลือเกินว่าซีซั่นหน้าพวกเขาจะได้โลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก ต่ออย่างแน่นอน