CSD ไฟเขียว โอลโม่-บิคตอร์ ได้ไปต่อ

CSD ไฟเขียว โอลโม่-บิคตอร์ ได้ไปต่อ
เช้าวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม คงเรียกได้ว่าเป็นวันที่ดีที่สุดนับแต่ย่างสู่ปี 2025 ของ บาร์เซโลนิสต้า ทุกคน หลังสภากีฬาสูงสุด (CSD) ออกแถลงการณ์ว่า "มาตรการป้องกันเร่งด่วนตามที่ บาร์เซโลน่า และผู้เล่น ดานี่ โอลโม กับ เปา วิคเตอร์ ร้องขอนั้นได้รับอนุมัติแล้ว"

ผมได้เห็นคลิปสั้นๆของ โจน ลาปอร์ต้า ซึ่งตามไปดูทีมเล่นรายการซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ที่ ซาอุดิอาระเบีย เจ้าตัวแสดงความดีใจแบบสุดๆหลังทราบเรื่อง โห่ร้องเสียงดัง สวมกอดกับเหล่าผู้บริหาร ก่อนจะชูกำปั้นขึ้นอย่างสะใจ เยสสส!! 

ครับ ในค่ำคืนเดียวกัน บาร์เซโลน่า เอาชนะ แอธ.บิลเบา ไปได้ 2-0 ตบเท้าเข้าไปรอชิงกับผู้ชนะระหว่าง เรอัล มาดริด กับ เรอัล มายอร์ก้า 

ไม่มีอะไรจะสุขกว่าโมเมนต์นี้อีกแล้วนับแต่ก้าวข้ามปีใหม่มา ซึ่ง ลาปอร์ต้า โดนโจมตีอย่างหนักว่าเป็นคนที่ก่อความผิดพลาดจนทุกอย่างมันเลยเถิดเกือบจะแก้ไขไม่ทัน 

บาร์ซ่า เฮสุดเสียง แต่ ลา ลีกา รู้สึกผิดหวังแบบสุดๆกับการตัดสินใจของ CSD โดยออกแถลงการณ์หลังทราบผล สรุปโดยย่อได้ใจความว่า 

"คำตัดสินของ CSD ได้ทำลายมติระหว่าง สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) กับ ลา ลีกา ที่ปฏิเสธการลงทะเบียนของ โอลโม และ บิคตอร์ ก่อนหน้านี้"  

นอกจากนี้ ลา ลีกา ยังตำหนิ บาร์เซโลน่า ว่ากระทำการข้ามขั้นตอน ไม่ยอมยื่นอุทธรณ์ต่อทาง RFEF หรือ ลา ลีกา ก่อน แต่ข้ามไปที่ CSD เลย

ด้านปฏิกิริยาทางฝั่ง RFEF นั้น ดูนุ่มนวลกว่า

ราฟาเอล ลูซาน ประธานป้ายแดง ซึ่งบินไปที่ ซาอุดิอาระเบียด้วย ให้สัมภาษณ์กับ Movistar+ ว่าทางสหพันธ์ฯได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่เมื่อ CSD มีคำตัดสินมาเช่นนี้ก็ต้องให้ความเคารพ

สำหรับเรื่องนี้ การที่บทสรุปออกมาว่า โอลโม่ กับ บิคตอร์ ได้ไปต่อ นั้น มีการวิเคราะห์ออกมาว่าสาเหตุหลักที่ CSD ตัดสินใจเช่นนี้ ก็เพราะคำนึงถึงตัวนักกีฬาเป็นหลัก

ถามว่ากฏเขียนไว้ชัดเจนหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าใช่ แต่ส่วนสำคัญที่ CSD คำนึงถึงและทิ้งน้ำหนักให้มากที่สุดต่อคำอุทธรณ์ของ บาร์เซโลน่า ก็คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ "สิทธิของนักกีฬาในการประกอบอาชีพกีฬา"

บาร์เซโลน่า ไม่ได้กระทำตามกฏอย่างสมบูรณ์ นั้นถูกต้อง แต่สำหรับตัว โอลโม่ กับ บิคตอร์ เอง พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเขาแค่เซ็นสัญญากับสโมสร และตั้งใจที่จะเล่นฟุตบอลซึ่งเป็นอาชีพของตัวเอง 

อีกประเด็นนึงที่มีน้ำหนักไม่แพ้กัน ก็คือผลกระทบที่ทีมชาติได้รับ

ต้องไม่ลืมว่าหาก โอลโม่ กับ บิคตอร์ ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ชั่วคราว (แช่แข็งการถอนชื่อจากทะเบียนนักเตะ) ไว้ ทีมชาติสเปนก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

กับ บิคตอร์ อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่รายของ โอลโม่ นั้นชัดเจน นี่คือนักเตะชุดแชมป์ยูโร 2024 ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดคนนึงของ หลุยส์ เด ลาฟวนเต้

การที่ โอลโม่ ลงเล่นทีมชาติไม่ได้ ถือเป็นเรื่องเสียหาย นี่เป็นเหตุผลอีกข้อที่เชื่อว่าทำให้ RFEF เองไม่ได้เกรี้ยวกราดอะไรกับคำตัดสินของ CSD ก็เพราะ ทีมชาติสเปนนั้นอยู่ภายใต้ความดูแลของ RFEF และในทางตรง โอลโม่ ก็คือนักเตะที่ทำงานรับใช้ประเทศชาติ และสหพันธ์ฯ

กรณีนี้กูรูหลายคนฟันธงว่า เพราะ โอลโม่ กับ บิคตอร์ เป็นนักเตะสเปน จึงได้รับความเห็นใจมากเป็นพิเศษ อะไรที่มีประโยชน์ต่อคนในชาติ ต่อบ้านเมืองย่อมได้รับความเห็นใจ

แต่หากเคสนี้เป็นนักเตะต่างชาติก็เชื่อว่าคงจะผ่านยาก

ครับ ไม่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร ส่วนตัวผมว่าเคสนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ให้ประโยชน์กับหลายฝ่าย เป็นแนวทางในดำเนินงาน และการแสดงความรับผิดชอบ

อีกทั้ง ยังสะท้อนให้คนนอกอย่างเราๆ ได้เห็นถึงบริบททางสังคมของประเทศสเปนว่าเป็นอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจากบ้านเราแค่ไหน 

ทั้งนี้ การระงับการถอนชื่อของ โอลโม่ กับ บิคตอร์ ยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวนะครับ

เพราะในแถลงการณ์เดียวกัน CSD ได้ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น

"จะระงับการถอนชื่อ โอลโม่-บิคตอร์ ไว้ จนกว่าคำอุทธรณ์ที่ยื่นโดยสโมสรและผู้เล่นที่กล่าวถึงข้างต้นจะได้รับการวินิจฉัยอย่างชัดเจน" ซึ่งพีเรียดสูงสุดในการพิจราณาอยู่ที่ 3 เดือน

ทราบเช่นนี้ บางคนอาจคิดในใจ ไม่ต้องบอกตอนจบก็ได้มั้ง

มาทรงนี้ มันเดาได้ไม่ยากแล้วล่ะ 

-เจมส์ ลาลีกา-


ที่มาของภาพ : Siamsport
BY : เจมส์ ลาลีกา
อาวุธ จิวรากรานนท์
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport