บางพารากราฟในหนังสือของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ได้พูดถึงยอดผู้จัดการทีมที่ชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไว้แบบนี้ "เขาเป็นคนที่กล้าจะเสี่ยง เขาไม่เคยคิดว่าฟุตบอลต้องยึดติดอะไรด้วยหมากบนกระดาน บางเกมที่เราต้องการประตูก็จะเห็น ไรอัน กิ๊กส์ ไปยืนแบ็กซ้ายได้ บางเกมก็อาจเห็น สตีฟ บรู๊ซ ไปยืนกองหน้า หรือบางเกมก็ถอดกองหลังออกแล้วส่งกองหน้าไป"
ผมนึกถึงคำพูดข้างบนทันทีตอนที่เห็นการยืนตำแหน่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษกับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันอาทิตย์
แท็กติกที่ดูงงๆ โดยเชื่อว่าต้องมีสาวกผี ที่เฝ้าดูเกมอยู่ก็คงได้ตั้งคำถามที่โค้ชตัวเองไปแล้วว่าคิดอะไรอยู่? เอาปีกขวาไปยืนแบ็กซ้าย เอาจอมทัพไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ ด้วยระบบ4-1-4-1นั้นเหลือผู้เล่นที่เป็นกองหลังอาชีพแค่สองคนเท่านั้น
หากด้วยยุทธวิธีที่ไม่มีในตำรานี่แหละทำให้เสียงกระหึ่มไปทั่ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตอนนกหวีดยาวดัง ยังทำให้รอยยิ้มฉาบทุกใบหน้าของสิ่งมีชีวิตที่ภูมิใจเรียกตัวเองว่า'เร้ด อาร์มี่ส์'
มันเกิดขึ้นแล้วกับเกมที่เป็นรองตั้งแต่ก่อนลงสนามในการเจอคู่อริหมายเลขหนึ่ง เกมที่ตามหลังถึงสองครั้งแต่ก็สามารถยิงแซงเอาชนะได้อย่างยอดเยี่ยมจากประตูชัยของนักเตะที่ย่อมไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
อาหมัด ดิอัลโล่ ถูกส่งลงมาในนาที 85 โดยแทน ราฟาเอล วาราน ตอนนั้นสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการก็คือประตูตีเสมอเพื่อยื้อเกมออกไป
กล้องได้แพนไปข้างสนามจับไปยัง เอริค เทน ฮาก ที่สีหน้าบ่งบอกถึงความเครียด นั่นเป็นการเปลี่ยนแท็กติกด้วยความคิดที่ว่า "แพ้ลูกเดียวหรือกี่ลูกก็ตกรอบเหมือนกัน"
ใช่ มันคือเอฟเอ คัพ รายการที่ไม่มีทีว่างให้ผู้พ่ายแพ้
ใช่ มันคือเอฟเอ คัพ ถ้วยที่เก่าแก่สุดของโลก
ใช่ มันคือเอฟเอ คัพ เกมที่นับแต่อดีตเต็มไปด้วยมนต์ขลัง
มันไม่ได้มาจากแค่การเปลี่ยนตัวที่ทำให้สโมสรอสูรแดงได้ตั๋วเข้ารอบตัดเชือกไปเจอ โคเวนทรี แต่มันมาจากการกล้าคิดนอกกรอบของ เทน ฮาก
ให้ไล่ตำแหน่งต่อตำแหน่งกับทีมชุดสุดท้ายที่ได้ชูมือขึ้นฟ้าอย่างสะใจก็ได้ดังนี้ แผงหลัง : ดาโล่ต์, แม็กไกวร์, บรูโน่และอันโตนี่ แผงกลาง : อีริคเซ่น, ดิอัลโล่, แม็คโทมิเนย์, เมานท์และการ์นาโช่ ขณะที่มาร์คัส แรชฟอร์ดยืนค้ำเป็นหน้าเป้า
ถามว่าชุดเดียวกันนี้ให้จัดลงเจอตั้งแต่ต้นเกมเจอ ลิเวอร์พูล จะลงเอยอย่างไร?
หากฟุตบอลไม่เคยออกแบบได้ หากการเลือกเปลี่ยนตัวถูกที่ถูกเวลาซึ่งในทางเดียวกันก็ทำให้คู่แข่งเดาทางไม่ได้ด้วยเพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงไม่คิดว่าจะเจอแผนอะไรแบบนี้
ตลอดซีซั่นนี้มานี้มีหลายครั้งเลยที่ เทน ฮาก ควรเจอวิจารณ์ เขาเองก็แบกรับความกดดันมาหนักหน่วง มีไม่น้อยด้วยที่แก้เกมไม่เข้าตา ทว่าเมื่อวันอาทิตย์ในเกมที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอกันต้องได้รับเครดิตเต็มๆ
นี่เป็นคาแรกเตอร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
บอลไดเรกต์เข้าทำ บอลไดเรกต์ที่จู่โจมเร็วและดึงให้คู่ต่อสู้เข้ามาอยู่ในเกมตัวเอง
อันโตนี่ กลายเป็น ไรอัน กิ๊กส์ ได้ ยิงได้รวมถึงลงมาเป็นแบ็กซ้ายได้ตามคำสั่งของโค้ช ส่วน บรูโน่ เฟอร์นานเดส ก็กลายเป็น รอย คีน ได้กับบทบาทเซนเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น
"ผมต้องการจุดเปลี่ยนเพื่อกลับมา ผมจึงเลือกที่จะเสี่ยงซึ่งมันก็ได้ผล ต้องชมทัศนคติของนักเตะทุกคน ทุกคนยอดเยี่ยมมาก" เทน ฮาก กล่าวผ่านไมโครโฟนหลังเกม
การคิดนอกกรอบมักทำให้เห็นความแตกต่างเสมอ ต่อให้มันจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม
อย่างเช่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่จับฟูลแบ็กหุบเข้ากลางจนมีศัพท์แสงจำเพาะ 'inverted fullbacks' ตลอดไปจนใช้ จอห์น สโตนส์ เป็นมิดฟิลด์ตัวพิเศษด้วย
แน่นอนว่าชัยชนะที่ได้มาเหนือ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้การันตีว่าจะทำให้พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ในเมื่อยังมีแมนฯซิตี้เป็นด่านสำคัญรออยู่ กระนั้นมันมีความหมายยิ่งสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวพันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
เป็นวันที่เทน ฮากทำให้ศักดิ์ศรีของยี่ห้อปีศาจแดงกลับคืนมา...
"ไก่ป่า"