หงส์เอาอยู่,ปืนบู่ยาว! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล เขี่ย อาร์เซน่อล หล่นเอฟเอคัพ

หงส์เอาอยู่,ปืนบู่ยาว! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล เขี่ย อาร์เซน่อล หล่นเอฟเอคัพ
อาร์เซน่อล ต้องยอมรับความจริงโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ว่าฟอร์มในระยะหลังของพวกเขาแผ่วลงไปอย่างน่าใจหาย แม้กระทั่งเกมล่าสุดที่พ่ายคารังให้กับ ลิเวอร์พูล 2-0 ตกรอบสาม เอฟเอคัพ ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ม.ค.ซึ่งแน่นอนว่าฟอร์มโดยรวม 90 นาที เดอะ กันเนอร์ส เหนือกว่าเห็นๆ และมีโอกาสหักปีก หงส์แดง หลายหน แต่สุดท้ายพวกเขาหนีไม่พ้นถูกอาการแผ่วปลายเล่นงานอีกจนได้ซึ่งนอกจากจะสอยตาข่ายไม่เป็นผลแล้วยังโดน เครื่องจักรสีแดง อาศัยความเด็ดขาดที่เหนือกว่าบุกมากำชัยอย่างเจ็บแสบอีกด้วย

1. ปืนส่ง แรมสเดล ออกสตาร์ต

อาร์เซน่อล สร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆด้วยการเลือกใช้บริการ อารอน แรมสเดล เฝ้าตาข่ายแทน ดาบิด ราย่า นายทวารมือหนึ่ง

พร้อมกันนี้ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจส่ง  รีส เนลสัน ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนหน้า เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่หล่นไปรับบทตัวสำรอง รวมแล้วทีม ปืนใหญ่ ซึ่งขาด กาเบรียล เชซุซ กองหน้าทีมชาติ บราซิล ที่เจ็บเข่าปรับโผทั้งหมดสามรายจากเกมลีกนัดออกไปแพ้ ฟูแล่ม 2-1

สำหรับโผตัวจริงตำแหน่งสุดท้าย นายใหญ่ ปืนโต เลือก จอร์จินโญ่ ลงเล่นแทน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

2. หงส์ขาดกัปตัน ฟาน ไดค์

ลิเวอร์พูล ประสบกับปัญหาน่าหนักใจแทนเนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังจอมแกร่งหายหน้าไปจากเกมนี้เนื่องจากมีอาการป่วย

ด้วยเหตุนี้ จาเรลล์ ควานซาห์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่งจึงได้จับคู่กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ ขณะที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เสียบแทน โดมินิก โซโบซไล ที่บาดเจ็บ

ด้าน โม ซาลาห์ ที่ผละไปรับใช้ชาติในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ถูกแทนที่โดย ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ส่วน โคกี้ กัคโป เสียบแทน วาตารุ เอ็นโด ที่ลาทีมไปลงบู๊ศึก เอเชี่ยนคัพ

จากโผ 11 นักเตะที่ปรากฏหมายความว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงสี่รายจากเกมลีกนัดเฝ้าบ้านพิชิต นิวคาสเซิ่ล 4-2 

3. เจ้าบ้านทิ้งขว้างโอกาสทอง

ด้วยฟอร์มที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ต้องบอกว่า อาร์เซน่อล พลาดเองที่ไม่อาจชิงยิงประตูนำก่อนได้จากโอกาสที่เหมาะเหม็งหลายหนทั้ง เนลสัน ,ไค ฮาแวร์ตซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เสียหายแม้เกมจะเป็นรองหลายขุมโดยเฉพาะโอกาสของสตาร์ทีมชาติเยอรมันซึ่งหลายครั้งที่ง้างยิงเบาหวิวราวกับขาดความมั่นใจทั้งๆที่โอกาสเปิดกว้างให้จนไม่สามารถฉีกตาข่ายทีมเยือนได้อย่างที่ควรจะเป็น

เท่านั้นไม่พอ แทนที่ควรมีสกอร์นำก่อนหนึ่งหรือสองลูกเป็นอย่างต่ำ อาร์เซน่อล เกือบเสียท่าโดน ลิเวอร์พูล บุกมาพังประตูนำก่อนด้วยซ้ำในช่วงท้ายครึ่งแรกจากจังหวะกระทุ้งของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กัปตัน หงส์แดง ดีที่ว่าบอลกระทบคานเต็มแรง หาไม่แล้วหาก เร้ด แมชีน มีประตูนำหน้า ขุนพล ปืนใหญ่ มีหวังเต้นแร้งเต้นกาตามสไตล์ชัวร์เนื่องจากความกดดันจะตกอยู่กับพวกเขามากขึ้นไปอีกที่ต้องพยายามยิงประตูคืน รวมทั้งหาจังหวะซัดประตูชัยหากไม่อยากด่วนตกรอบคาบ้าน หรือต้องเสียเวลาโยกไปเล่นนัดรีเพลย์ที่ แอนฟิลด์

ครบ 45 นาทีแรกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม สถิติฟ้องว่า อาร์เซน่อล เล่นกันได้อย่างน่าพอใจในเกมนี้ ขาดก็แต่ประตูเท่านั้นจากการครองบอลที่เหนือกว่า 53:47% และได้ยิงมากถึง 13 ครั้งเข้ากรอบ 5 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้กระทุ้งแค่ 2 หนและไม่เข้ากรอบ แต่ทีมของ คล็อปป์ ยันเสมอ 0-0 ได้อย่างประสบผลสำเร็จ

4. คล็อปป์ โชว์กึ๋นอีกหน

แม้เกมในครึ่งแรกจะเป็นรอง อาร์เซน่อล ลิบลับ แต่ คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงความเป็นยอดกุนซืออีกตามเคยจากการแก้เกมในครึ่งหลัง และส่งผลให้ ลิเวอร์พูล มีผลงานกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ และมีโอกาสสร้างปัญหาให้กับเจ้าบ้านได้มากกว่าในช่วง 45 นาทีแรก

และที่สำคัญที่สุด แม้ทีมจะขาดทั้ง ฟาน ไดค์ และ ซาลาห์ สองคีย์แมนในแดนหลังและแดนหน้า แต่กุนซือชาวเมืองเบียร์กล้าถอด เอลเลียตต์ กับ เคอร์ติส โจนส์ ออกในช่วง 15 นาทีสุดท้ายโดยเลือกส่งสองดาวรุ่งอย่าง คอเนอร์ แบรดลีย์ กับ บ๊อบบี้ คลาร์ก ลงบู๊ชนิดไม่คิดยี่หระเลยแม้แต่น้อยว่าไม่ได้เป็นการเล่นใน แอนฟิลด์ แถมทีม ปืนใหญ่ ยังมีฟอร์มที่ข่มอยู่เหมือนเคย

จนในที่สุด ความมั่นใจของ คล็อปป์ ก็เป็นผลเนื่องจาก ลิเวอร์พูล มาได้ประตูออกนำในนาทีที่ 80 ในฐานะทีมที่เป็นรองจากลูกฟรีคิกที่ ยาคุบ ควิวิออร์ โขกสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองซึ่งแน่นอนว่าการคลำเป้าได้ในช่วงเวลานั้นเป็นการโยนความกดดันให้กับเจ้าบ้านไปแบบเต็มร้อย 

เท่านั้นไม่พอ ในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ทีมเยือนซึ่งมีเกมโต้กลับเป็นทีเด็ดก็อาศัยอาวุธร้ายตรงนี้เช็กบิลเพิ่มได้อีกเม็ดจากฝีเท้าของ หลุยส์ ดิอาซ กระทั่งส่งผลให้ทีมเมืองกรุงมีอันต้องตกรอบคารังตามระเบียบเนื่องจากทวงสกอร์คืนไม่สำเร็จไม่พอ ยังโดนพังประตูเพิ่มอีกต่างหาก

จบ 90 นาที สถิติระบุให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล พลิกฟอร์มในครึ่งแรกได้อย่างชัดเจนเนื่องจากสามารถลดสถานภาพที่เป็นรองลงได้จากการครองบอลที่ด้อยกว่า 54:46% และมีโอกาสคลำเป้าน้อยกว่า 18:12 ครั้ง อีกทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้เป็นรอง 5:3 ครั้ง แต่ที่พวกเขาเหนือกว่าก็คือความเด็ดขาดนั่นเองซึ่งคุณสมบัติข้อนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อเกมลูกหนัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทีมที่ต้องการเป็นผู้ชนะ หรือประสบความสำเร็จในการพยายามคว้าโทรฟี่

ต่อประเด็นที่ว่านี้ ดิอาซ แสดงให้เห็นเต็มสองตาจากโอกาสที่ปีกทีมชาติ โคลอมเบีย ได้ง้างไกรวมสามหน และส่งบอลเข้ากรอบสองหนพร้อมทั้งผลิตสกอร์ได้หนึ่งเม็ด สวนทางกับ ฮาแวร์ตซ์ ที่เกมนี้ได้ตะบันหกครั้ง แต่ไม่เป็นประตูเลยอันเป็นสถิติที่สูงที่สุดของนักเตะ ปืนใหญ่ ในเกม เอฟเอคัพ เท่ากับที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้เข่นหกครั้ง และไม่มีสกอร์เช่นกันในเกมชิงชนะเลิศบู๊กับ ฮัลล์ ปี 2014 ผิดกันก็ตรงที่ว่าเกมนั้น อาร์เซน่อล ได้แชมป์จากการกำชัย 3-2 ในเวลา 120 นาที

5. ศูนย์หน้าคือคำตอบ

หลังปราชัยให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกม เอฟเอคัพ รอบสามอย่างแสบสันต์ อาร์เซน่อล เพิ่มผลงานในระยะหลังที่น่าหดหู่เพิ่มขึ้นไปอีกเนื่องจากเจ็ดเกมหลังในทุกรายการ พวกเขาชนะแค่นัดเดียวเท่านั้นในเกมลีกที่เฝ้าบ้านสยบ ไบรท์ตัน 2-0 ซึ่งแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า ท็อปกัน ยังคงออกทะเลชนิดกู่ไม่กลับจากความปราชัยสามเกมรวด และไม่รู้ว่าสถิติที่เลวร้ายนี้จะไปหยุดอยู่ที่เกมไหน

อย่างไรก็ดี อาร์เตต้า ยังมีโอกาสชำระแค้น คล็อปป์ ในเกมลีกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม วันที่ 4 ก.พ. แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความฮึกเหิมตกอยู่กับ เร้ด แมชีน แทบฝั่งเดียวแล้วเนื่องจากทั้งๆที่บุกมาเล่นเกม เอฟเอคัพ แบบไม่ฟูลทีมจากการขาดหายไปของทั้ง ฟาน ไดค์ , ซาลาห์ และ เอ็นโด แต่ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์รับมือกับเกมรุกที่เริ่มฝืด และไร้พิษสงของ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ หนำซ้ำยังหาทางโต้ไปยิงประตูได้อีกต่างหาก

ในเมื่อสถานการณ์ออกมาในรูปนี้ซึ่งมีแนวโน้มว่า อาร์เซน่อล จะโดนอาการแผ่วปลายเล่นงานเป็นซีซั่นที่สามติดต่อกัน มันจึงน่าเป็นห่วงว่าพวกเขาจะคว้าน้ำเหลวซ้ำอีกหนหรือเปล่าโดยเฉพาะหากพวกเขาไม่คิดลงซื้อซื้อหน้าเป้ามาร่วมก๊วนในเดือนม.ค.นี้อย่างที่กูรูหลายรายมองตรงกันว่าทีมของ อาร์เตต้า มีจุดบกพร่องขาดหัวหอกที่สามารถเชื่อใจได้ และสมควรล่าตัว ไอแวน โทนีย์ มาจาก เบรนท์ฟอร์ด จึงต้องรอดูกันว่าทีม ปืนใหญ่ จะแก้ปัญหาที่ว่าแบบไหนก่อนที่ตลาดหน้าหนาวนี้จะวาย


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport