ไม่ดีพอเป็นผู้ชนะ!ชำแหละเกมชิงดำเอฟเอคัพ ชัยชนะเป็นฝั่งสีฟ้า

ไม่ดีพอเป็นผู้ชนะ!ชำแหละเกมชิงดำเอฟเอคัพ ชัยชนะเป็นฝั่งสีฟ้า
ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยนะครับที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จอีกรายการ หลังมีชัยเหนือคู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2-1

เรียนตามตรงว่ามันก็เป็นไปตามคุณภาพของทีม ตามสภาพของทีม และตามฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่า แถมเป็นตามที่ผู้สันทัดกรณีคาดการณ์เอาไว้ก่อนแข่ง

ส่วนผู้แพ้อย่างพลพรรคปีศาจแดงไม่ถึงกับแย่อะไร เพียงแต่ยังทำได้ไม่ดีพอที่จะเป็นผู้ชนะจริงๆ 

และต่อไปคือสิ่งที่ผมอยากจะบอก

1. แมนฯ ซิตี้ พร้อมกว่าด้วยสภาพทีมนะครับ

ผู้เล่นตัวหลักของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่มีใครถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปเลยสักคน สามารถจัดชุดใหญ่ที่ใช้เป็นประจำในช่วงหลังๆ ได้แบบเต็มอัตราศึก ยกเว้นผู้รักษาประตูที่กุนซือทีมเรือใบให้โอกาสมือ 2 อย่าง 

สเตฟาน ออร์เตก้า ที่ลงเฝ้าเสาในถ้วยนี้มาตลอด

ผิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ก่อนเกมนี้ อันโตนี่ กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เป็นผู้เล่นอีก 2 คนที่เจ็บเพิ่มจนหมดสิทธิ์ลงเล่นในนัดชิงฯ ที่ เวมบลี่ย์

เอริค เทน ฮาก จัดทีมโดยเน้นมิดฟิลด์ตรงกลางเป็นพิเศษตามที่ผมคาดเอาไว้ก่อนหน้า 

กาเซมิโร่ เป็นตัวรับคู่กับ เฟร็ด ที่ได้ภารกิจพิเศษคือคอยตามดูแล เควิน เดอ บรอยน์ เหมือนในเกมพรีเมียร์ลีกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วขยับ คริสเตียน เอริคเซ่น ขึ้นไปเป็นตัวรุกพลางถ่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ออกไปอยู่ทางขวา  ขณะทางซ้ายคือ เจดอน ซานโช่ โดยทิ้ง มาร์คัส 

แรชฟอร์ด เป็นหัวหอกตัวเป้า

แผนการเล่นหลักๆ คือเน้นเกมรับรอโต้กลับนั่นแหละ

แต่นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ แมนฯ ซิตี้ ที่เป็นต่ออยู่ 1 เสาไฟฟ้าก็ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อิลคาย กุนโดกัน กดเปรี้ยงเดียวตุงตาข่ายในเวลาเพียงแค่ 12 วินาทีเท่านั้น !!!

เฮ่อออออ..อ..อ..อ..อ

2. ดาวเตะทีมชาติเยอรมันตะบันได้เต็มตีนเตี่ยดีนักแล สุดปัญญาที่ ดาบิด เด เคอา จะป้องกัน อันนี้เข้าใจ

แต่ผู้เล่นพันธุ์อสูรก็เลินเล่อกันเกินไปหน่อย แถมเหมือนไม่จำ เพราะเวลาเจอกันก่อนหน้านี้ แมนฯ ซิตี้ มักจะเร่งเกมรุกบุกเข้าใส่ตั้งแต่แรกทันที และได้ประตูเร็วเป็นประจำ

จังหวะนั้น วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ชะล่าใจไปหน่อย นอกจากจะปล่อยบอลตก จังหวะต่อมายังไม่ยอมเข้าปะทะกับ 

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ด้วยความหนักหน่วง คือเหมือนเขาจะคิดว่าจังหวะนี้คงไม่มีอะไรอันตรายสักเท่าไหร่กลายเป็นการเคลียร์บอลไม่ขาด - ไปเข้าทางคู่แข่งซะอย่างนั้น

เกมเป็นรองแบบนี้ มันต้องละเอียดทุกชอตนะครับ มันอาจไม่ถึงขนาดเป็นความผิดพลาดอะไรที่น่าเกลียดมากมาย แต่หากระมัดระวังมากกว่านี้ อิลคาย กุนโดกัน คงไม่ได้สับไกยิงแบบเต็มตีนก๋งซะขนาดนั้น

คิดแล้วก็น่าโมโห

3. หลังจากขึ้นนำแบบสายฟ้าฟาด แมนฯ ซิตี้ ถอนตีนออกจากคันเร่งนะครับ ไม่ยอมฉวยโอกาสไล่ทุบหรือบดขยี้ต่อให้แดดิ้น 

บางทีพวกเขาอาจมองว่ามันเป็นบอลนัดเดียวอย่างนัดชิงชนะเลิศ จึงขอแค่เอาชนะพอ ไม่จำเป็นต้องบุกแบบบ้าคลั่งจนไม่สนเกมรับ

นั่นช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อยๆ ตั้งหลักได้ โดยยังเน้นเกมรับและรัดกุมเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแผนการเล่นมาเน้นเกมรุกบุกแหลกอะไร

เฟร็ด ยังคงต้องตามประกบ เควิน เดอ บรอยน์ เหมือนที่ผู้เป็นกุนซือวางแผนเอาไว้ เช่นเดียวกับ ราฟาเอล วาราน ที่คอยเป็นวิญญาณตามติด เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ 

ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก เริ่มครองบอลและทำเกมรุกกันได้มากขึ้น แม้จะหาจังหวะจบไม่ค่อยเจอ แต่ก็ไม่อนุญาตให้ แมนฯ ซิตี้ เข้ามาถึงพื้นที่สุดท้ายง่ายๆ ก่อนมาได้จุดโทษแบบมีโชค

ถามว่ามีโชคอย่างไร ???

จังหวะขึ้นแย่งกันเล่นลูกกลางอากาศในเขตโทษของ 

อารอน วาน-บิสซาก้า บอลไปโดนแขนของ แจ็ค กรีลิช

พอล เทียร์นี่ ผู้ตัดสินในสนามมองไม่ชัด และปล่อยผ่านไปหลายวินาที ก่อนผู้ตัดสินในห้อง VAR จะส่งสัญญาณให้ผู้ตัดสินในสนามไปดูภาพช้าเอาเอง

ตอนเห็นภาพช้าพร้อมผู้ตัดสินในสนาม ผู้ชมทางบ้านอย่างผมมั่นใจมากว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้จุดโทษอย่างแน่นอน

คิดง่ายๆ ครับ 

บอลโดนมือโดยตรงไหม? 

ตอบ: โดนโดยตรงเลย

แขนกางออกมาไหม?

ตอบ: กางออกมา

เหตุเกิดในเขตโทษ มันก็ต้องเป็นจุดโทษ โดยไม่เกี่ยวกับเจตนา หรือไม่เจตนา เพราะมันเป็นการขัดขวางวิถีของลูกฟุตบอล...แค่นั้นเอง

แมนฯ ยูไนเต็ด โชคดีตรงที่ แจ็ค กรีลิช ทำแฮนด์บอล ไม่ได้โชคดีที่ผู้ตัดสินท่านนี้มอบจุดโทษแบบไม่มีเหตุผล

เรียนตามตรงว่าถ้า 'ไอ้แจ็ค' ไม่กางแขนออกมาสัมผัสบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางได้ประตูจากจังหวะนั้นเลย ขอโทษ...ไม่มีโอกาสยิงด้วยซ้ำ

เสมอ 1-1 แบบนี้ แสดงว่าพอมีดวงเหมือนกันนะ ผมคิด

4. อย่างไรก็ตาม

แมนฯ ยูไนเต็ด มาเสียประตูง่ายๆ อีกครั้งในช่วงต้นครึ่งหลัง และก็เหมือนเดิมคือ...

ไม่ละเอียดอีกแล้ว

แมนฯ ซิตี้ ได้ฟรีคิกทางขวา ผู้เล่นทีมสีแดงถอยลงมารับลึกหน้าประตูหมด ไม่มีใครคอยเฝ้าระวังผู้เล่นคู่แข่งที่รออยู่หน้ากรอบเขตโทษเลย

แทนที่ 'KDB' จะเปิดโค้งเข้าไปลุ้นในเขตโทษ เขาดัดหลังคู่ต่อสู้ด้วยการเปิดย้อนมาหน้ากรอบให้ อิลคาย 

กุนโดกัน พุ่งเข้าตะบัน

กว่าผู้เล่นพันธุ์อสูรจะไหวตัวทัน มันก็สายเสียแล้ว

กัปตันทีมเรือใบยิงไม่เต็มเท้า ซึ่งมันกลายเป็นดีที่ลูกพุ่งกระแทกพื้นแล้วแหวกหนีดงตีนคู่แข่งเข้ามุมประตูแบบเหมาะเหม็ง 

เหมือนเป็นเหตุสุดวิสัยใช่ไหมครับ ???

แถม แมนฯ ซิตี้ ก็มีดวงด้วย

แต่ถ้าระมัดระวังกันมากกว่านี้ อิลคาย กุนโดกัน ก็คงจะไม่มีทั้งพื้นที่และเวลาในการสับไกง่ายๆ แบบนี้ !!!

5. เมื่อเป็นฝ่ายตามหลัง พลพรรคปีศาจแดงพยายามเร่งเกมรุกมากขึ้น 

เห็นได้ว่าถ้าตั้งใจจะบุก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถกดดัน แมนฯ ซิตี้ ได้นะครับ โดยเกือบตีเสมอได้จากการยิงหน้ากรอบเขตโทษของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เหินข้ามคานไปเฉียดฉิว และเกือบตีเสมอได้จากจังหวะลากตัดเข้ามาสับด้วยขวาของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ถากเสาไกลออกไปนิดเดียว

ปัญหาคือ แมนฯ ยูไนเต็ด กลัวเกรงแชมป์พรีเมียร์ลีกมากไปหน่อย เวลาบุกจะออกอาการกล้าๆ กลัวๆ ไม่โหมเต็มพิกัด แถมพยามยามจะเอาชัวร์มากไปจนมากจังหวะ

หลายจังหวะที่ควรเปิดบอลเข้าไปวัดในเขตโทษให้รู้ดำรู้แดง ก็มัวแต่เคาะกันไปเคาะกันมาอยู่นั่น ถ้าไม่ได้จุดโทษก็คงยิงเขาไม่ได้

บทสรุปของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือเสียประตูง่ายไปหน่อยในช่วงเวลาที่ไม่ควรจะเสียทั้ง 2 ดอก

นอกจากนี้ยังยำเกรงคู่แข่งมากไป ทั้งที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่ได้ระเบิดความน่าสยดสยองของตัวเองออกมาขนาดนั้น

การพิชิตโคตรทีมมหากาฬแบบนี้ มันต้องละเอีดทุกเม็ด เกมรับต้องไม่พลาดเสียประตูง่ายๆ เกมรุกต้องเด็ดขาด มีโอกาสต้องไม่ปล่อยให้หลุดลอย ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ

ในเมื่อทำได้ไม่สมบูรณ์พอก็ต้องแพ้ไป

ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเสียดายหรือเสียใจ

แมนฯ ซิตี้ และนาทีนี้เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์มากกว่าแบบเป็นเอกฉันท์ครับ

"บอ.บู๋"


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport