ผีโชคดี! สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู ดับ ไบรท์ตัน เข้าชิง แมนซิตี้

ผีโชคดี! สิ่งที่อยากบอกหลัง แมนยู ดับ ไบรท์ตัน เข้าชิง แมนซิตี้
ก่อนอื่นขอเรียนตามตรงนะครับ คือผมไม่มีความมั่นใจเลยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาชนะ ไบรท์ตัน แล้วผ่านเข้าไปเจอ แมนฯ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

หลังเกมยืดเยื้อจนต้องตัดสินด้วยการยิงเป้า ผมยิ่งไม่มั่นใจใหญ่ เพราะทีมปีศาจแดงมักทำได้ไม่ค่อยดีนักในการดวลจุดโทษ 

สุดท้ายก็ผ่านไปได้สำเร็จแบบเลือดตาแทบกระเด็น ด้วยกุญแจสำคัญอย่างเกมรับที่กลายเป็นพระเอกในตอนจบจนทำให้นึกถึงประโยคหนึ่งของบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

"เกมรุกช่วยให้คุณชนะ เกมรับช่วยให้คุณเป็นแชมป์"

1.แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ติดโทษแบน แต่ผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่าต่อให้ไม่ติดโทษแบน เอริค เทน ฮาก ก็คงไม่ส่งไอ้หัวแตงโมลงเป็นตัวจริงอย่างแน่นอน

เพราะมันมีค่าไม่ต่างจากการลงไปว่ายน้ำเล่นในฟาร์มจระเข้ !!!

ลุค ชอว์ ถูกขยับเข้ามายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ แล้วให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ เป็นแบ็คซ้ายแทน

ตรงกลาง 3 ตัวเก่ง กาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น และบรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงสนามพร้อมกันอีกครั้ง

แดนหน้า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หน้าเป้า ขนาบข้างขวาและซ้ายด้วย อันโตนี่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ตัวผู้เล่นไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่ง แต่เป็นห่วงตรงคู่ปราการหลังตัวกลางนี่แหละครับ

2.รูปเกมเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ตั้งแต่แรก แถมราคาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นรองตั้งแต่ก่อนแข่ง

คือ ไบรท์ตัน ครองบอลบุกได้มากกว่า

ทีมนกนางนวลเป็นบอลคอนโทรล เล่นกันด้วยทีมเวิร์คที่ แกรห์ม พ๊อตเตอร์ ติดตั้งเอาไว้ให้มาหลายฤดูกาล ระบบการเล่นมีความสำคัญมากกว่าความสามารถส่วนบุคคล

จุดเด่นของพวกเขาคือการต่อบอลทำชิ่งที่แม่นยำ โดยจะเซ็ตเกมรุกกันขึ้นมาตั้งแต่ในกรอบเขตโทษ และสามารถแก้เพรสส์ของคู่แข่งได้อย่างช่ำชอง

นอกจากนี้ก็เข้าบีบคู่แข่งพลางบดบี้ได้ดีอีกด้วย

เท่านั้นไม่พอคือมีสภาพร่างกายที่สดกว่าผู้เล่นพันธุ์อสูรอีกด้วย

ไบรท์ตัน พยายามใช้จุดเด่นของตัวเองทั้งหมดเล่นงานทีมที่วรรณะสูงกว่าอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และนั่นคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม พวกเขาถึงครองบอลบุกได้มากกว่าตามอัตราต่อรอง

3.ด้วยทีมเวิร์คและสภาพร่างกายที่เป็นรอง แมนฯ ยูไนเต็ด จากขุมกบาลของ เอริค เทน ฮาก จึงเลือกที่จะไม่วัดกับ ไบรท์ตัน ในเรื่องการคอนโทรลเกมนะครับ

กุนซือชาวดัตช์วางแผนให้ลูกทีมเล่นเกมรับอย่างรัดกุม และระมัดระวังอย่างจงหนัก ก่อนหาจังหวะตอบโต้อย่างฉาบฉวยด้วยผู้เล่นในแผนกเกมรุกที่พอมีประสิทธิภาพ

ผู้เล่นปีศาจแดงไม่ขึ้นไปบีบสูง เพราะรู้ว่าคู่แข่งต่อบอลกันแม่นยำกว่า และคงไล่ไม่จนแน่ๆ จึงถอยมาปิดพื้นที่ในแดนแล้วรอดักจังหวะเอา

กระนั้น ทีมนกนางนวลยังอุตส่าห์ทะลุเข้ามาล่อเป้าได้เป็นระยะ เพียงแต่จุดอ่อนของพวกเขาคือจังหวะสุดท้ายที่ไม่ถึงกับเด็ดขาดมากนัก

คาโอรุ มิโตมะ เร็วและคล่องจริง แต่มักตายในจังหวะสุดท้าย เช่นเดียวกับกองหน้าตัวเป้าอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เด็กผีรู้จักดีอยู่แล้วว่า...ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนักหรอก

ซอลลี่ มาร์ช ก็ยังขาดความแน่นอน

จุดนี้ถือเป็นโชคดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หากว่ากันตามตรงก็เกือบโดนกะซวกตาข่ายอยู่หลายครั้งเหมือนกัน

4.อย่างไรก็ตามต้องชื่นชมการเล่นเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งๆ ที่ปราศจากผู้เล่นเสาหลักอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ

ลุค ชอว์ เหมือนเป็นตัวชนที่เดินเข้าหาคู่แข่งทุกจังหวะ ขณะเจ้าของสมญา "ดิ ไอซ์แมน" ก็เข้าสกัดในจังหวะแบบชี้เป็นชี้ตายได้ตลอด

แบ็คขวาอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า โดดเด่นมากในการจัดการกับปีกชาวอาทิตย์อุทัย ไม่ปล่อยให้เลี้ยงผ่านง่ายๆ เช่นเดียวกับ ดิโอโก้ ดาโลต์ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่มักขยับเข้าไปช่วยเคลียร์จังหวะอันตรายของคู่แข่งในกรอบเขตโทษ

เหนือสิ่งอื่นใดคือ ดาบิด เด เคอา ที่แดกกาวตราช้างก่อนลงสนาม ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการถูกทะลวง Rule Darkz นับได้ประมาณ 3-4 ครั้ง

ผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นเกมรับอย่างมากด้วยวินัย โดยไม่แสดงความผิดพลาดน่าเกลียดออกมาเลย

...ว่าแล้วก็นึกถึงหน้าเหลี่ยมๆ ของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 

ถ้าเขาไม่ติดโทษแบน และได้ลงสนาม มันจะเกิดนรกอะไรขึ้น 5555

5.เมื่อเกมยืดเยื้อไปจนถึงการดวลจุดโทษตัดสิน

ขอบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยมีดวงในเรื่องนี้สักเท่าไหร่นะครับ ล่าสุด แพ้ บียาร์เรอัล ในนัดชิงฯ ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2021

มิหนำ ดาบิด เด เคอา ก็ได้ชื่อว่าเป็นนายทวารที่เซฟจุดโทษไม่เก่ง

การดวลจุดโทษ ถ้าใครยิงก่อนถือว่าได้เปรียบนะครับ และก็เป็น ไบรท์ตัน ที่ชนะในการเสี่ยงเหรียญ พวกเขาจึงเลือกยิงก่อนตามสูตร

5 คนแรกของทีมจากแดนใต้ไม่พลาดเลยนะครับ หมายความว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องยิงจุดโทษ เพื่อตีเสมอตลอด ซึ่งมันกดดันมากกว่า

แต่ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก ก็แบกรับความกดดันอันหน่วงหนักระดับ เฮฟวี่ เวต ตรงจุดนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และเยือกเย็น 

แม้กระทั่งเข้าสู่ช่วง "ซัดเด้น เดธ" ตอนถูกนำ 6-5 ที่ห้ามพลาดก็ยังอุตส่าห์ตามตีเสมอได้ก่อนที่เพชฌฆาตคนที่ 7 ของทีมนกนางนวลจะสติแตกตะบันหลุดกรอบออกไปเอง

สรุปว่านัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาลนี้

คือศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ด้วยสภาพทีมที่ไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่ ด้วยศักยภาพของผู้เล่น และด้วยรูปแบบการเล่น ปีศาจแดงเป็นรองเยอะครับ 

ทว่าบอลนัดเดียว แถมเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีอีกตะหาก 

ในเมื่อเดินทางมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวครับ

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport